เครือข่ายโรงแรม Byke ของ Anil Patodia เติบโตอย่างรวดเร็วตามทิศทางตลาดท่องเที่ยวระดับมวลชนในอินเดีย
การท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจในประเทศอินเดียเริ่มกลายเป็นที่นิยมในบรรดากลุ่มชนชั้นกลาง และ Anil Patodia กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Byke Hospitality ขอเกาะกระแสตลาดด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 9 แห่งตั้งแต่รีสอร์ทและสถานที่สำคัญทางศาสนาใน Goa ทางภาคตะวันตกขึ้นไป จนถึง Jaipur ในภาคเหนือ เขาบรรจงเลือกตลาดเฉพาะกลุ่มให้กับ Byke โดยมีคำจำกัดความที่ชัดเจน คือ โรงแรมราคาประหยัดในกลุ่มราคาคืนละ 50 เหรียญสหรัฐฯ ที่มีสภาพดีสะอาด และเสิร์ฟอาหารมังสวิรัติล้วนๆ รูปแบบการดำเนินธุรกิจดังกล่าวประสบความสำเร็จอย่างดี รายได้จากการบริหารงานที่ Mumbai ขยายตัวถึง 42% ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา โดยพุ่งขึ้นแตะ 30 ล้านเหรียญในปีงบประมาณ 2015 คิดเป็นกำไร 3.2 ล้านเหรียญ สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาเกือบ 7 เท่าตัว ส่งให้บริษัทก้าวขึ้นมาติดโผการจัดอันดับบริษัทที่มีรายได้ต่ำกว่า 1,000 ล้านเหรียญของ FORBES ASIAในปีที่แล้ว และยังมีแนวโน้มอยู่แม้ในขณะนี้ “Byke มีงบดุลที่ดีมาก แทบจะไม่มีหนี้สินเลย” Neeta Khilnani นักวิเคราะห์งานวิจัยของ Ventura Securities ประจำ Mumbai กล่าว “โมเดลธุรกิจเป็นแบบไม่เน้นการครองทรัพย์สินรีสอร์ท 9 แห่งนั้น มีถึง 7 แห่งที่เป็นการเช่า” ประเด็นหลังนี้เองที่เป็นกุญแจสำคัญ Patodia ซึ่งมีอายุครบ 47 ปีเดือนนี้พอดีอธิบายว่า หากจำเป็นต้องจ่ายเงินซื้อโรงแรมขนาดใหญ่ก็จะไม่มีวันทำกำไรได้เลย เนื่องจากต้องจ่ายค่าที่ดินด้วย เขาจึงคิดรูปแบบการเช่าขึ้นมา “เสาะหาโรงแรมราคาถูกสภาพทรุดโทรมตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ จากนั้นเช่าในระยะยาว และนำมาปรับปรุงใหม่ในงบประหยัดแล้วก็เปลี่ยนให้มาเป็นแบรนด์ Byke” Patodia ประเมินว่า ค่าใช้จ่ายในการเช่ารีสอร์ทนั้นคิดคร่าวๆ เป็น 15% ของรายได้จึงไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนก้อนใหญ่เมื่อต้องการขยายธุรกิจ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องสำคัญในภาคธุรกิจที่กำลังขยายตัวอยู่ในเวลานี้ ขณะเดียวกันรายได้หลังหักภาษีของประชาชนที่เพิ่มขึ้นนั้นทำให้มีการประเมินว่า การใช้จ่ายเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศน่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 1.28 แสนล้านเหรียญในปี 2020 สูงกว่ายอดจับจ่าย 8.9 หมื่นล้านเหรียญเมื่อปี 2015 Patodia ร่ายแผนการของตนด้วยภาษาฮินดีแบบรัวๆ และภาษาอังกฤษตะกุกตะกักเขาตั้งเป้าเปิดโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่อีก 6 แห่งในปีนี้ และทำได้รายได้แตะ 75 ล้านเหรียญภายในปี 2020 โดยขยายเครือข่ายอสังหาริมทรัพย์ออกไปเป็น 25 แห่งครอบคลุมทั่วอินเดีย เขาต้องการเพิ่มจำนวนโรงแรมเป็น 50 แห่งภายในปี 2025 ส่วนหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ของโรงแรมคืออาหารมังสวิรัติ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องแปลกในอินเดียแต่แนวทาง “มังสวิรัติหมดจรด” ของ Byke ยังสามารถดึงดูดชาวอินเดียรุ่นเก่าที่นับถือนิกายออร์โธดอกซ์ได้ด้วย Byke ยังให้การรับรองว่า อุปกรณ์และบริเวณทำอาหารไม่ได้สัมผัสกับอาหารที่ทำมาจากเนื้อสัตว์แม้แต่น้อย จึงกลายเป็นที่ชื่นชอบของนักแสวงบุญที่เดินทางไปเยือนสถานที่สำคัญทางศาสนาและมรดกทางวัฒนธรรม Patodia เติบโตขึ้นในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในรัฐ Rajasthan ห่างจาก Jaipur ราวร้อยไมล์เขาเป็นลูกคนที่ 3 จากพี่น้องทั้งหมด 5 คน เมื่ออายุได้ 11 ปี เขาเริ่มช่วยครอบครัวทำงานในร้านขายเสื้อและสูทสำหรับผู้ชายก่อนจะถึงวัย 20 ปี ซึ่งเป็นเวลาหลังจากที่จบการศึกษาระดับปริญญาสาขาการพาณิชย์มาแล้ว เขาก็อยากจะลงมือทำอะไรบางอย่างด้วยตัวเองเสียที จึงเดินทางออกจาก Mumbai และลองลงทุนธุรกิจอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบริการป้อนข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ไปจนถึงเป็นตัวแทนจำหน่ายหมอนและฟูกนอนให้กับ Reliance Group อย่างไรก็ตาม ธุรกิจบริการคือสิ่งที่ดึงความสนใจของ Patodia ได้อย่างแท้จริง เขาอาศัยเครือข่ายที่มีจนได้รับโอกาสให้บริหารโรงแรมแห่งหนึ่งเมื่อปี 2010 และคว้าโอกาสนั้นไว้ทันทีด้วยการบริหารธุรกิจจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในชื่อว่า Suave Hotels และต่อมากลายเป็น Byke ซึ่งเขาและครอบครัวถือหุ้นอยู่ 44% โดยมีหุ้นส่วน Arun Muchhala ผู้บริหารกลุ่มโรงแรม Muchhala นอกเมือง Mumbai ที่เพิ่งจะสร้างโรงแรมขนาด 122 ห้องนอนใน Thane ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน เขาปล่อยให้ Patodia เช่า โดยจะบริหารภายใต้แบรนด์ Byke โรงแรมแห่งนี้ประกอบไปด้วยร้านอาหาร 3 ร้าน ห้องสัมมนา 3 ห้อง “ผมเชี่ยวชาญการบริหารสวนสนุกและโรงภาพยนตร์ แต่ Byke ถนัดบริหารโรงแรมที่เสิร์ฟอาหารมังสวิรัติล้วนๆ” Muchhala กล่าว ขณะนี้ Muchhala กำลังสร้างโรงแรมขึ้นมาอีกแห่งหนึ่งใน Baroda รัฐ Gujarat ซึ่งอยู่ในภาคตะวันตก เขาวางแผนว่าจะร่วมมือกับ Byke อีกครั้งแหล่งรายได้ของ Byke อีกทางหนึ่งคือการเหมาห้องพัก โดยบริษัทจะเข้าไปจองห้องพักของโรงแรมตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ใน 48 เมืองในช่วงฤดูท่องเที่ยวตามปกติแล้ว โรงแรมเล็กๆ จะยังคงมีห้องว่าง 25% แม้จะเป็นช่วงที่เวลาที่ยอดการจองห้องสูงก็ตาม และยังไม่มีระบบการจองห้องพักทางอินเทอร์เน็ตด้วย Byke จึงเข้าไปซื้อห้องพักในส่วน 25% นี้ล่วงหน้าเพื่อให้ได้ส่วนลด จากนั้นจึงนำมาขายต่อโดยผ่านช่องทางเอเยนต์ 300 รายทั่วประเทศรายได้จากการเหมาห้องพักนี้คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดเลยทีเดียว ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Byke ขายห้องพักรวมจำนวนคืนที่เข้าพักได้กว่า 90% จากที่เหมาซื้อมาทั้งหมดธุรกิจในลักษณะดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในหลายๆ แห่ง หลังจากที่เหมาห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน Puri มาเป็นเวลา 4 ปี ในเวลานี้เขาสามารถปล่อยโรงแรมขนาด 54 ห้องนอนดังกล่าวให้เช่าได้แล้วอย่างไรก็ตาม สถานการณ์ก็ไม่ได้ง่ายไปเสียทั้งหมด Byke ต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันมากมายในอุตสาหกรรมโรงแรมของอินเดียซึ่งเป็นแบบกระจายตัว “เราส่งมอบบริการที่มีคุณภาพดีก็จริง แต่ก็ต้องจ่ายเงินในราคาสมเหตุสมผลด้วยเช่นกัน” Patodiaกล่าว “ผมเป็นชาว Marwari นี่ครับ”คลิ๊ก อ่าน "พักประหยัดพร้อมบุฟเฟ่ต์มังสวิรัติที่ Byke" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ AUGUST 2016 ในรูปแบบ e-Magazine