บัญชุสา พุทธพรมงคล ค้าอะลูมิเนียมถึง 2 พันล้าน

ณ โรงงานผลิตอะลูมิเนียมริมถนนเศรษฐกิจ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ที่มีจำนวนเครื่องรีดมากที่สุดของประเทศไทยอยู่ภายใต้การบริหารงานของทายาทสาวรุ่น 2 อย่าง บัญชุสา พุทธพรมงคล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลด์สตาร์ เมททอล จำกัด ที่ปัจจุบันทำรายได้เฉลี่ยกว่า 1 พันล้านบาทต่อปี โดยวางเป้าหมายที่จะทำรายได้ถึง 2 พันล้านบาทภายใน 3 ปี บัญชุสาเล่าถึงความเป็นมาของการก่อตั้งกิจการโรงงานรีดอะลูมิเนียมเมื่อกว่า 30 ปีก่อนว่า แรกเริ่มเดิมทีบิดาของเธอคือ ประสิทธิ์ พินิจโสภณพรรณ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการในปัจจุบันนั้น เคยมีประสบการณ์ด้านค้าขายอะลูมิเนียมที่เป็นเส้นอัดหน้าต่างมาก่อน แล้วจึงขยับขยายมาเปิดโรงงานรีดอะลูมิเนียมร่วมกับหุ้นส่วนในเวลาต่อมา  กระทั่งภายหลังในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ที่หุ้นส่วนต่างแยกย้ายกันไปทำกิจการต่างๆ ขณะที่ประสิทธิ์เลือกดำเนินธุรกิจผลิตอะลูมิเนียมต่อจนเป็น บริษัท โกลด์สตาร์เมททอล จำกัด ในปัจจุบัน บางส่วนของผลิตภัณฑ์นวัตกรรม โกลด์สตาร์เมทอล ด้วยพัฒนาการที่มีมาอย่างต่อเนื่องทำให้ขณะนี้โกลด์สตาร์เมททอลนับว่าเป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายงานรีดอะลูมิเนียมเส้นหน้าตัดครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ด้วยมีทั้งโรงหลอมอะลูมิเนียมพร้อมทั้งมีโรงรีดและผลิตอะลูมิเนียมที่มีมาตรฐานระดับโลก รวมถึงการทำด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อสร้างนวัตกรรมการออกแบบประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมที่แตกต่างจากคู่แข่ง และยกระดับประสิทธิภาพของสินค้าให้มีคุณภาพสูงผ่านมาตรฐานของยุโรป ปัจจุบันโรงงานของโกลด์สตาร์เมททอลมีกำลังการผลิตรวมที่ราว 2,000 ตันต่อเดือน ใช้แรงงานประมาณ 800 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานชาวไทย

จับมือพยุงกิจการ

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่บัญชุสาจะตัดสินใจกลับมาช่วยงานของครอบครัวอย่างเป็นทางการ หลังเรียนจบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จาก University College London ประเทศอังกฤษ นั้น ทางด้านน้องสาวคือ ชญานี พินิจโสภณพรรณ ที่คว้าปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์เครื่องกล เน้นศึกษาด้านอะลูมิเนียมโดยเฉพาะ จาก King’s College London ประเทศอังกฤษได้มาเริ่มงานที่บริษัทอยู่ก่อนแล้ว ขณะที่ตัวเธอยังเป็นพนักงานของบริษัทเอกชนอยู่ แต่เมื่อน้องสาวต้องการให้มาช่วยทำงานด้วย จึงตัดสินใจช่วยกิจการของครอบครัวในปี 2543 “คุณพ่อกล้าปล่อยให้เราทำงานและเรียนรู้ด้วยตัวเอง แค่อย่าทำให้ลูกค้าหายก็พอ ซึ่งการบริหารอารมณ์ตัวเองเป็นโจทย์ที่ยากที่สุดของเรา และคุณพ่อเป็นโค้ชที่ดีในแง่ของอารมณ์ พอไปเล่าให้ท่านฟังก็ทำให้เราผ่อนคลายลงและหายเครียดในที่สุด”

สำหรับภารกิจหลักของบัญชุสาในเวลานี้คือการเป็นผู้บริหารระดับสูงที่ดูแลฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย และวางแผนกลยุทธ์ทั้งหมด ขณะที่ชญานีรับหน้าที่เป็นรองกรรมการผู้จัดการเช่นกัน แต่จะเน้นดูแลงานด้านการผลิต การจัดการโรงงานอะลูมิเนียม และการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ “ตอนเริ่มเข้ามาทำงานที่นี่ บริษัทยังประสบภาวะขาดทุนอยู่ นับว่าเป็นจุดต่ำสุดแล้ว” บัญชุสาฉายภาพสถานการณ์ของบริษัทช่วงที่เธอเริ่มเข้ามาดูแลอีกว่า จุดที่ยังหล่อเลี้ยงให้กิจการดำเนินต่อไปได้แม้เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ เพราะเป็นการขายสินค้าจำนวนมากโดยไม่คิดกำไรสูงแก่ผู้ค้าส่งรายใหญ่ ซึ่งหากป้อนสินค้าให้ได้ทันเวลาตามที่ลูกค้าสั่งก็จะจ่ายเงินสดทันที จึงประคองให้กิจการเดินหน้าต่อไปได้  อย่างไรก็ตาม เมื่อทายาทแห่งโกลด์สตาร์เมททอลมองว่าการเกาะติดลูกค้ากลุ่มค้าส่งเพียง 4-5 รายจะเป็นความเสี่ยงในอนาคต บัญชุสาจึงเริ่มหันไปรุกยังตลาดร้านค้าปลีกในกรุงเทพฯ ที่เน้นส่งผลิตภัณฑ์ให้แก่ช่างโดยตรง จึงตัดสินใจที่จะหามืออาชีพมาช่วยบุกเบิกตลาดใหม่  ทั้งนี้ฐานรายได้ปัจจุบันของบริษัทมาจากทั้งตลาดกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่อัตรา 50:50 โดยคาดว่าในอนาคตอัตราส่วนรายได้ที่มาจากต่างจังหวัดจะเพิ่มขึ้น “การมีลูกค้าหลักเพียงไม่กี่ราย ทำให้รู้สึกถึงความเสี่ยง ก็เริ่มมองหาโอกาสที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้นทำให้เรามีเครือข่ายครอบคลุมเกือบทั้งประเทศ โดยจะมีพื้นที่ซึ่งเราแข็งแกร่ง เช่น กรุงเทพฯ ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”

เจาะกลุ่มไฮเอนด์

ด้วยทิศทางของตลาดต่างประเทศ ซึ่งผลิตภัณฑ์กลุ่มนวัตกรรมที่ผลิตตามความต้องการเฉพาะของลูกค้าหรือที่เรียกว่ากลุ่มไฮเอนด์มีแนวโน้มเติบโตสูง ซึ่งในตลาดโลกมียอดขายราว 1 หมื่นล้านบาท จึงนับว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจหากจะเข้าไปบุกเบิก รวมถึงอีกหนึ่งแรงผลักดันที่ทำให้โกลด์สตาร์เมททอลต้องหาทางพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มไฮเอนด์ เนื่องจากในปี 2553 มีการลดกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศจีน ทำให้ผู้ประกอบการจีนเข้ามาช่วงชิงตลาดหลอดไฟฟ้าด้วยราคาที่ถูกกว่าผู้ประกอบการไทย ทำให้ลูกค้าที่เป็นผู้ผลิตหลอดไฟฟ้าสั่งซื้ออะลูมิเนียมไปใช้น้อยลงจนมีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทด้วยเช่นกัน บริษัทจึงต้องเริ่มเดินหน้าผลิตสินค้าที่เป็นนวัตกรรมเพื่อสร้างความแตกต่างและมูลค่าเพิ่ม “การทำผลิตภัณฑ์กลุ่มนวัตกรรมเป็นเรื่องยากจริงๆ และต้องใช้เวลา แม้แต่ทางซัพพลายเออร์ที่ดูไบซึ่งคุ้นเคยกับผู้ประกอบการทั้งในยุโรปและอเมริกาที่เคยผ่านประสบการณ์แบบเรามาก่อน ยังให้กำลังใจว่าอย่าท้อ เพราะเมื่อไหร่ที่ติดลมบนแล้วก็จะไปได้เองเพียงแต่ต้องใช้ความอดทนที่จะเปลี่ยนแปลงและมุ่งมั่นทำสิ่งที่เราตั้งใจไว้ให้ได้”

เล็งรถยนต์ไฟฟ้า

ปัจจุบันภาพรวมของธุรกิจแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก คือ 1) ธุรกิจที่จัดจำหน่ายผ่านตัวแทนขายภายใต้แบรนด์ Goldstar (อะลูมิเนียมงานตลาด) และ Premier (อะลูมิเนียมหนาเต็ม 2) กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ขายภายใต้แบรนด์ Kinkai (งานสั่งทำพิเศษ) เช่น พลังงาน (แผงโซลาร์เซลล์) ยานยนต์ (อุปกรณ์ติดตั้งบนหลังคารถยนต์สำหรับวางสิ่งของ) ไฟฟ้า (เสาไฟฟ้าแรงสูง) 3) ธุรกิจส่งออกที่เน้นงานสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเริ่มตั้งแต่เมื่อ 6 ปีก่อน เช่น กลุ่ม CLMV, ออสเตรเลีย, อินเดีย, สหรัฐฯ อย่างไรก็ตามตอนนี้รายได้จากการส่งออกยังไม่ถึง 5% ของรายได้รวม  ทั้งนี้เมื่อแบ่งสัดส่วนรายได้จากกลุ่มผู้ใช้งานในปัจจุบัน ฐานรายได้หลักที่ 70% ของบริษัทยังมาจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ อยู่ที่ 30% โดยบริษัทมีแผนที่จะขยายรายได้จากกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ เพิ่มขึ้นเป็น 50% ของรายได้รวมในอนาคต เนื่องจากเป็นตลาดที่มีลูกค้าหลายหลาย จึงช่วยลดความเสี่ยงที่ไม่ต้องพึ่งพากลุ่มใดมากเกินไป “ในแง่การใช้งานทั่วโลก อะลูมิเนียมถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์มากที่สุด รองลงมาคือบรรจุภัณฑ์และอสังหาริมทรัพย์ แต่ในประเทศไทยพบว่าใช้ในอสังหาฯ ถึง 70% แต่ต่อไปเมื่อรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมจะมีผลทำให้อะลูมิเนียมถูกนำมาใช้เพิ่มขึ้น เพราะเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ... ซึ่งล่าสุดมีลูกค้าติดต่อขอให้บริษัททำโครงสร้างภายในรถยนต์ไฟฟ้าให้” เมื่อมองไปถึงทิศทางรายได้ในอนาคต บัญชุสายืนยันว่าเธอไม่ต้องการให้บริษัทเติบโตหวือหวา แต่เน้นให้เกิดมูลค่าเพิ่มและเป็นไปอย่างยั่งยืน   ภาพ: กิตติเดช เจริญพร

---

คลิกอ่านฉบับเต็ม "บัญชุสา พุทธพรมงคล ค้าอะลูมิเนียมถึง 2 พันล้าน" ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับเดือนสิงหาคม 2561