สรรเพชญ ศลิษฏ์อรรถกร ผสมสูตรเสริมแกร่งยงคอนกรีต - Forbes Thailand

สรรเพชญ ศลิษฏ์อรรถกร ผสมสูตรเสริมแกร่งยงคอนกรีต

ลูกเถ้าแก่ร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่พลิกโฉมกิจการของครอบครัวในจังหวัดกาญจนบุรี สู่การเป็นผู้ผลิตคอนกรีตรายใหญ่ในภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ด้วยโรงงาน 7 แห่ง ใน 3 จังหวัด พร้อมขยายธุรกิจการขนส่งเติมเต็มการให้บริการครบวงจรรองรับการเติบโตภาคอสังหาริมทรัพย์ เมกะโปรเจ็กต์ และอุตสาหกรรมก่อสร้าง


รากฐานธุรกิจที่ได้รับการปูทางสืบทอดความยั่งยืนมั่นคงได้สะท้อนชัดจากชื่อกิจการ “ยงง่วนฮวด” บนป้ายร้านโชห่วยรุ่นก๋งที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลจากแดนมังกรมาลงหลักปักฐานในประเทศไทยเมื่อปี 2466 และได้รับการต่อยอดเป็นร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ดจากทายาทเป็นร้านยงสวัสดิ์ในปี 2499 ก่อนจะเริ่มต้นดำเนินธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ สังกะสี และกระเบื้องมุงหลังคาที่อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี

"ผมเข้ามาช่วยงานคุณพ่อคุณแม่ด้านบัญชีตั้งแต่ยังเป็นร้านวัสดุก่อสร้างเล็กๆ ในอำเภอท่าม่วง มีคนงาน 3-4 คน หลังจากเรียนจบผมก็มาเปิดร้านขายวัสดุก่อสร้างเต็มตัวที่อำเภอเมืองและได้มีโอกาสเข้าไปเรียนรู้เกี่ยวกับการทำแพลนท์คอนกรีต ทำให้เล็งเห็นโอกาสเริ่มต้นโรงงานคอนกรีตในปี 2534 และเปลี่ยนชื่อเป็นยงคอนกรีตภายหลัง"



สรรเพชญ ศลิษฏ์อรรถกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยงคอนกรีต จำกัด (มหาชน) เล่าถึงการสานต่อกิจการของครอบครัว ด้วยความเชื่อมั่นในช่องว่างทางธุรกิจที่เล็งเห็นในตลาดวัสดุก่อสร้างพื้นที่ภาคตะวันตกโดยเฉพาะจังหวัดกาญจนบุรี ทำให้ตัดสินใจเริ่มต้นสร้างโรงงานแห่งแรกบนพื้นที่ 4 ไร่ที่อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ (ready mixed concrete) และแผ่นพื้นสำเร็จรูปแบบท้องเรียบ (precast concrete)

ขณะเดียวกันสรรเพชญยังเล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังพื้นที่ภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดชลบุรีและระยองที่มีการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เนื่องจากมีการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรม ด้วยการก่อตั้งบริษัท ยงสวัสดิ์ คอนสตรัคชั่นโปรดักส์ จำกัด ในปี 2548 เพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป (precast concrete) โดยมีโรงงานอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนครจังหวัดชลบุรี บนพื้นที่ 31 ไร่

"พัฒนาการทางธุรกิจที่สำคัญของเราเกิดขึ้นในช่วงที่ขยายจากกาญจนบุรีที่เป็นลูกค้าภาคตะวันตกไปยังอมตะนครซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้ากรุงเทพฯ ชลบุรี และภาคตะวันออก ทำให้ลูกค้าของเราเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด รวมถึงอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ก็รู้จักเราค่อนข้างมาก โดยเราเริ่มจากกลุ่มพฤกษา ซึ่งขณะนั้นเปิด 70-80 โครงการ โดยถือเป็นจุดพลิกผันให้เราเติบโตพร้อมกับภาคอสังหาฯ หลังจากนั้นเรายังเน้นกระจายความเสี่ยงไปยังอสังหาฯ รายใหญ่จำนวนมาก เช่น เสนา กลุ่มเอพี กลุ่มฤทธา รวมถึงลูกค้ากลุ่มอื่นๆ​"


ข้ามขีดจำกัดกำลังการผลิต


ในปัจจุบันสรรเพชญสามารถขยายอาณาจักรการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จ และให้บริการติดตั้งโครงสร้างสำเร็จรูป รวมถึงธุรกิจขนส่งสินค้า เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร และรองรับการขยายตัวของกิจการที่มีความต้องการใช้บริการขนส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยถือเป็นผู้ผลิตคอนกรีตรายใหญ่ในภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก

สำหรับโรงงานทั้งหมดสามารถแบ่งได้เป็นโรงงานผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป 3 แห่ง สำหรับผลิตภัณฑ์เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง เสาไฟฟ้าคอนกรีตอัดแรง เสาคานคอนกรีต รั้วคอนกรีต ท่อคอนกรีตอัดแรง และขอบคันหิน ผลิตภัณฑ์แผ่นพื้นสำเร็จรูป แผ่น พื้นมอเตอร์เวย์ แผ่นผนังคอนกรีตสำเร็จรูป precast เป็นต้น ทั้งยังมีโรงงานผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จ 6 แห่ง ซึ่งนอกจากจะผลิตคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อใช้ในการผลิตคอนกรีตสำเร็จรูปแล้ว ยังผลิตคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อจำหน่ายให้กับบุคคลภายนอก




"วันนี้ market share ผลิตภัณฑ์เรายังน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดที่มีอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อีกจำนวนมากที่เรายังไม่ได้เข้าไปด้วยข้อจำกัด เรื่องกำลังการผลิตที่ไม่เพียงพอ ตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งที่เรามองว่า ถ้าเราสามารถขยายกำลังการผลิตได้เราจะสามารถเติบโตได้อีกมาก​"

สรรเพชญจึงเดินหน้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพื่อนำเงินระดมทุนจำนวนประมาณ 450 ล้านบาท ใช้สำหรับลงทุนในการก่อสร้างโรงงานบางเลน จังหวัดนครปฐม จำนวน 120 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตและพัฒนาระบบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงใช้ลงทุนก่อสร้างโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จที่อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี จำนวน 20 ล้านบาท

"เราต้องการขยายโรงงานเพื่อผลิตสินค้าเดิมและเพิ่มสินค้าใหม่ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงในปีหน้าจากกลยุทธ์ของเราในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ควบคู่กับลูกค้า โดยเน้นการแก้ปัญหาและพัฒนาร่วมกัน"

สรรเพชญกล่าวถึงสัดส่วนรายได้จากการขายและให้บริการแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มโครงการภาคเอกชนอยู่ที่ 34.81% กลุ่มโครงการภาครัฐ 3.43% และกลุ่มลูกค้าทั่วไป 61.76% เพื่อกระจายความเสี่ยงธุรกิจและสร้างโอกาสการเติบโตรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศช่วงหลังโควิด-19



นอกจากนั้น บริษัทยังเล็งโอกาสจากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดในภาคตะวันออก ได้แก่ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา โดยจะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น รถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน ส่งผลให้เกิดความต้องการวัสดุก่อสร้างในพื้นที่และช่วยให้บริษัทสามารถจำหน่ายวัสดุก่อสร้างได้มากขึ้น

​"คีย์สำคัญของเราเน้นที่โซลูชันตั้งแต่การดีไซน์ร่วมกับลูกค้า และการมีเครื่องมือในการออกแบบ รวมถึงการผลิตและติดตั้งให้ด้วยสำหรับสินค้าหลายตัว เช่น รั้วสำเร็จรูป เขื่อนกำแพงกันดิน คานสำเร็จรูป ซึ่งทีมติดตั้งของเราเป็น outsource ที่ทำงานร่วมกับบริษัทมานาน หรือถ้าลูกค้าสามารถติดตั้งเองได้เราจะมีวิศวกรให้คำแนะนำ ทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในการบริการตั้งแต่เริ่มต้นถึงส่งมอบด้วยรถของเราเอง"


ต่อยอดผลประกอบการหลังโควิด-19


ผลประกอบการของบริษัทในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงส่งผลกระทบต่อบริษัทเล็กน้อย เนื่องจากงานก่อสร้างส่วนใหญ่ชะลอตัวลง ทำให้รายได้รวมธุรกิจลดลงอยู่ที่ 806.36 ล้านบาทในปี 2563 แต่สามารถปรับเพิ่มขึ้นเป็น 881.42 ล้านบาทในปี 2564 ซึ่งจากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพทำให้สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้มากกว่า 30% ของรายได้จากการขายและบริการในการดำเนินงานตั้งแต่ช่วงปี 2562 ที่ผ่านมา


“ธุรกิจของเราเป็นธุรกิจที่จำเป็นในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเกือบ 100% ให้บริการโครงการก่อสร้างแนวราบ ซึ่งในอนาคตยังมีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะหลังโควิด-19 ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตจากการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมเป็นบ้านมากขึ้นจากการทำงานที่บ้าน work from home การทำธุรกิจส่วนตัวในโฮมออฟฟิศ หรือการเว้นระยะห่างเพื่อความปลอดภัย รวมถึงในภาคราชการที่เรายังคงเติบโตต่อเนื่องตามการพัฒนาประเทศ โดยเทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยสนับสนุนด้านการดีไซน์ ออกแบบ ต้นทุนการผลิตที่ประหยัด แม่นยำสูง และแข็งแรงขึ้น ทำให้เราสามารถให้บริการกลุ่มลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น”

นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสนใจลงทุนในต่างประเทศจากศักยภาพของทำเลที่ตั้ง ซึ่งมีความได้เปรียบและโอกาสการขยายธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา เวียดนาม แต่ยังไม่มีแผนการลงทุนหรือรูปแบบการลงทุนที่ชัดเจน

สรรเพชญกล่าวถึงแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงในอนาคตซึ่งเทคโนโลยีถือเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญในการบริหารจัดการองค์กร และการพัฒนาทรัพยากรบุคคลอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายการตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุดเพื่อสร้างการเติบโตอย่างธุรกิจอย่างยั่งยืน

"วัฒนธรรมแบบคนจีนทำงานเหมือนครอบครัวเดียวกัน ซึ่งผมเติบโตมาจากพนักงาน 1-2 คนและอยู่กันเหมือนพี่น้อง จนปัจจุบันพนักงานมีจำนวนหลายร้อยคนก็เรียกผมว่า เฮีย โดยเราสามารถลดช่องว่างระหว่างเจ้านายกับลูกน้องจนได้ใจเขา ทำให้เรื่องการพัฒนาทักษะต่างๆ เขาทำได้หมด รวมถึงการสื่อสารในทิศทางเดียวกัน ซึ่งการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการถือเป็นเรื่องสำคัญ"


ภาพ: IR Plus


อ่านเพิ่มเติม:

>>ถอดบทเรียน "คอนกรีตชลบุรี" ทรานส์ฟอร์มฝ่าความท้าทาย

>>กลยุทธ์ 10 ปี "เอพี ไทยแลนด์" สร้างแบรนด์สู่ "ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้"


คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกันยายน 2565 ในรูปแบบ e-magazine


TAGGED ON