ทายาทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยุคบุกเบิกสร้างเมืองย่านบางบัวทองพร้อมนำประสบการณ์ร่วมกับครอบครัวกอบกู้วิกฤตหนี้สินกว่า 5 พันล้านบาท ต่อยอดอาณาจักรใหม่เติมเต็มความต้องการบ้านในฝันครอบคลุมพื้นที่ในเขตปริมณฑลครบ 4 ทิศ
รากแก้วทางธุรกิจของครอบครัวได้สร้างฐานแห่งความเชื่อมั่นไว้อย่างแข็งแกร่งจากผลงานการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรจำนวนนับหมื่นหลังในย่านบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรีตั้งแต่ปี 2530 สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เกิดภาวะฟองสบู่แตกในช่วงวิกฤตการณ์การเงินในเอเชียปี 2540 ส่งผลกระทบให้ธุรกิจพลิกจากกำไรเป็นขาดทุนเพียงชั่วข้ามคืน ทำให้ครอบครัวศังขวณิชต้องสู้ยิบตาร่วมกันฟันผ่าปัญหาหนี้สินกว่า 5 พันล้านบาท กลายเป็นภูมิคุ้มกันให้ทายาทลูกไม้ใกล้ต้นสามารถรับมือกับทุกอุปสรรคความท้าทาย พร้อมแตกกิ่งก้านธุรกิจเจริญรอยตามเส้นทางนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
“ในอดีตคุณพ่อ ดร.ปกรณ์ และคุณแม่อารีย์ ศังขวณิช ก่อตั้งบริษัทแรกๆ ที่ทำอสังหาฯ ชานเมือง โดยเฉพาะบางบัวทอง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบริษัท top 10 ของไทยที่มีโครงการในมือจำนวนมาก และได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินในอดีตที่เห็นศักยภาพชวนให้จดทะเบียนในตลาดฯ แต่ยังไม่เรียบร้อยก็เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ทำให้บริษัทเป็นหนี้จำนวนมาก ช่วงนั้นเราเรียนจบกลับมายังไม่มีประสบการณ์ คุณพ่อไม่พร้อมสอนงาน เพราะต้องใช้เวลาแก้หนี้ และไม่มีเงินเดือนให้ เราจึงไปสมัครงานเป็นผู้จัดการทางด้านการดีไซน์เพชร แต่ไม่นานเจ้านายก็ชวนให้ดูงานอสังหาฯ เราทำสักพักจนแต่งงาน และแฟน (คุณา) บอกกับเราว่า เขาจะจ่ายเงินเดือนเราเพื่อให้เรากลับไปทำงานกับพ่อ เพราะท่านก็ลำบากและการทำงานใกล้พ่อแม่ก็เป็นกำลังใจให้ท่านได้”
ประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) ยังคงระลึกถึงช่วงเวลาสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีจากคณะครุศาสตร์ สาขาศิลปศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เกียรตินิยม) และศึกษาต่อ MBA จาก Creighton University เมือง Omaha รัฐ Nebraska สหรัฐอเมริกา ก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทยและช่วยครอบครัวปรับปรุงโครงสร้างหนี้ บริษัท อาร์.เอ็ม.พร็อพเพอร์ตี้จำกัด ในปี 2542 และสามารถพลิกฟื้นธุรกิจสำเร็จในปี 2549
“ช่วงวิกฤตเราลำบากมาก พี่น้อง 6 คนอยู่บ้านเดียวกัน คุณพ่อคุณแม่เหนื่อยมาก เราไม่มีวงเงินและต้องกู้จำนวนมากเพื่อต่อยอดทำธุรกิจและพยายามให้ครอบครัวรอดด้วย จนกระทั่งสถานการณ์เริ่มดีขึ้น คุณพ่อเรียกลูกๆ มาพูดคุยขอบคุณที่อยู่ร่วมกันมาและบอกว่า ถ้าใครต้องการเปิดธุรกิจของตัวเองท่านจะสนับสนุนเต็มที่ จากการที่เราทำบ้านจัดสรรกับคุณพ่อ 7-8 ปีทำให้ค้นพบความชอบด้านนี้ โดยเฉพาะการออกไปไซต์งาน จนคนแซวว่า วันไหนไม่สูดกลิ่นปูนหายใจไม่ออก เราจึงปรึกษากับแฟนซึ่งเขาเป็นไฟแนนซ์ที่เห็นเสน่ห์ของธุรกิจอสังหาฯ จากราคาที่ดินในไทยที่ไม่เคยลดลง ทำให้เราตัดสินใจนำเงินสะสมมาลงทุนและมีคุณพ่อคุณแม่หุ้นด้วย”
สร้างพื้นที่ สร้างความสุข
เมื่อภาพรวมธุรกิจของครอบครัวมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นและสามารถเติบโตต่อไปได้ ประวีรัตน์จึงตัดสินใจเริ่มต้นเส้นทางการสร้างอาณาจักรของตัวเอง โดยร่วมกับ คุณา เทวอักษร ซึ่งเป็นทั้งคู่ชีวิต หุ้นส่วนธุรกิจ และนั่งเก้าอี้ประธานกรรมการบริหารจัดตั้งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบเพื่อขาย ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ในปี 2550
“อาร์.เอ็ม.พร็อพเพอร์ตี้ ปิดไป 10 กว่าปีแล้ว ซึ่งวิลล่า คุณาลัย เปรียบเหมือนการแตกดอกออกผลของอาร์.เอ็ม.พร็อพเพอร์ตี้ที่เป็นรากแก้วแข็งแกร่งให้เราได้เรียนรู้เชิงลึกเกี่ยวกับวิธีการทำหมู่บ้านจัดสรรและช่วยสนับสนุนเรา โดยสิ่งที่เรานำมาต่อยอด ได้แก่ โมเดลธุรกิจการซื้อที่ดินขนาดใหญ่ ตั้งแต่เด็กเรามีโอกาสไปซื้อที่ดินกับคุณแม่ ซึ่งท่านสามารถรวบรวมที่ดินได้เก่งมากและสอนเราเรื่องซื้อที่ โดยวิลล่า คุณาลัย เป็นบริษัทเล็กแต่ซื้อที่ดินขนาดใหญ่เสมอ เพราะได้ประโยชน์จากมูลค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นและสามารถจัดสรรโครงการได้หลากหลาย รวมถึงเรื่องทักษะการตลาด ความสามารถในการเผชิญวิกฤต และแนวคิด product centric ทั้งเชิงต้นทุนที่ประหยัดและนวัตกรรมการก่อสร้าง ซึ่งวิลล่า คุณาลัย ยังมีความแตกต่างที่ customer centric ทำให้เราศึกษาลูกค้าก่อนซื้อที่ดินเสมอและคิดสินค้าให้สอดคล้องกับลูกค้า”
ดังนั้น ประวีรัตน์จึงมุ่งเน้นการขยายโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวราบในเขตพื้นที่ชานเมือง โดยเฉพาะในอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเริ่มจากโครงการ วิลล่า คุณาลัย 1 เป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และอาคารพาณิชย์ จำนวน 182 หลัง มูลค่าโครงการ 447 ล้านบาท ในปี 2550 และเดินหน้าพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่องรวมโครงการที่ปิดแล้วจำนวน 9 โครงการ
นอกจากนั้น บริษัทยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินงาน 6 โครงการบนทำเลที่ตั้ง 3 พื้นที่ ได้แก่ ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี และถนนสิริโสธร อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงถนนบางขุนเทียนชายทะเล กรุงเทพมหานคร พร้อมโครงการในอนาคต 2 โครงการ ได้แก่ โครงการคุณาลัย เพอร์ร่า ย่านบางบัวทอง มูลค่าโครงการ 608.37 ล้านบาท และคุณาลัย นาวาร่า รังสิต-คลอง 2 ถนนเลียบคลองสอง มูลค่าโครงการ 6.66 พันล้านบาท
“โปรเจ็กต์แรกเราใช้ชื่อหมู่บ้านเก่าของคุณพ่อ เพราะชอบชื่อและมีความฝันเล็กๆ ในใจต้องการให้บริษัทสามารถจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สำเร็จจะได้แก้ไขเรื่องราวในอดีตของเรา ซึ่งถ้าคุณาลัยสามารถเข้าตลาดฯ ได้ คนก็จะรู้ว่าส่วนหนึ่งรากของเรามาจากคุณพ่อ คือ อาร์.เอ็ม.พร็อพ-เพอร์ตี้ เราจึงตัดสินใจใช้ชื่อวิลล่า คุณาลัย เป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทและทำมาเรื่อยๆ โดยความท้าทายช่วงแรกจะเป็นเรื่องเงินทุน เพราะเราเริ่มจากไม่มีเงินเลย แต่สามารถผ่านไปได้ด้วยดีจากการเป็นลูกหนี้ที่ดีในช่วงวิกฤตทำให้ธนาคารเชื่อมั่นและให้เรากู้เงิน รวมถึงเรายังได้ความรู้เรื่องการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างคุ้มค่า การเลือกทำเฉพาะสิ่งสำคัญที่เป็นแก่นของธุรกิจ การหมุนเงิน หรือการเลือกที่ดิน ถ้าเรามองที่ดินได้ถูกต้องปัญหาอื่นจะน้อยลง เราจะสู้แค่เรื่องการเงิน การก่อสร้าง เพราะงานขายจะไม่เหนื่อย”
สำหรับกลยุทธ์ของบริษัทเน้นการกระจายความเสี่ยงด้วยการสร้างบ้านในจำนวนที่เหมาะสมและไม่สต็อกบ้านมากเกินไป รวมถึงสร้างบ้านเสร็จก่อนขายให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงบรรยากาศในโครงการจริง และมีการผ่อนดาวน์กรณีเลือกบ้านในโซนที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่มีจำนวนไม่มาก เนื่องจากบริษัทมีการบริหารการขายให้สอดคล้องกับการก่อสร้างของบริษัท
ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญในการศึกษาวิจัยความต้องการของลูกค้าและพัฒนาโครงการให้มีเอกลักษณ์เฉพาะ ด้วยการใช้วัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพมาตรฐาน และออกแบบพื้นที่ส่วนกลางของแต่ละโครงการให้มีลักษณะโดดเด่นให้ลูกค้าได้ใช้ประโยชน์กันทั้งครอบครัว รวมถึงสร้างจุดเด่นด้านการออกแบบบ้านที่มีความแตกต่าง เช่น การออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ การทำพื้นที่เปิดโล่ง การตกแต่งภูมิทัศน์รอบโครงการ
“การออกแบบบ้านของเรายึดหลัก Simple Home ของ Sarah Nettleton ประกอบด้วย Simple is Enough บ้านที่มีความเพียงพอ โดยเฉพาะพื้นที่และฟังก์ชันต่างๆ ไม่ต้องครบแต่ต้องพอ Simple is Flexible บ้านที่ยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนได้ เพราะเขาต้องการซื้อบ้านหลังเดียวตลอดชีวิต Simple is Thrifty บ้านที่ประหยัดต้นทุนทั้งสำหรับเรา และลูกค้า ซึ่งเปลี่ยนไปแต่ละช่วงเวลา อย่างเมื่อก่อนอาจจะใช้กระจกเขียวตัดแสง การออกแบบให้ลมโปร่งสบาย หรือบางโปรเจ็กต์อาจจะไม่มีสโมสร Simple is Timeless บ้านต้องอยู่เหนือกาลเวลา โดยบ้านคุณาลัยอาจจะไม่ใช่บ้านที่สวยที่สุดแต่เป็นบ้านที่ลูกค้าภูมิใจที่สุด Simple is Refined บ้านที่ถูกแก้ไขความยุ่งยากซับซ้อน ผังโครงการเข้าใจง่าย สุดท้าย Simple is Sustainable หมายถึงความยั่งยืน โดยลูกค้าสามารถปรับแก้ไขในอนาคต ไม่พัง และใส่ใจเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม”
นอกจากนั้น บริษัทยังมุ่งเน้นการคัดเลือกทำเลที่ตั้งในย่านคมนาคมขนส่งสะดวก และใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงบุคลากรที่มีประสบการณ์ในการตรวจสอบคุณภาพของสินค้าทุกหลัง ด้วยบริการหลังการขายจากผู้เชี่ยวชาญที่บริษัทว่าจ้างเฉพาะ รวมทั้งดูแลรักษาสภาพแวดล้อม บรรยากาศการอยู่อาศัย และการดูแลรักษาความปลอดภัยในโครงการ
“คีย์ความสำเร็จเกิดจากคนของเรา ซึ่งเริ่มต้นจาก 7 คนที่ยังคงเป็นฟันเฟืองสำคัญในองค์กรของเราปัจจุบัน ด้วยลักษณะพิเศษbeen there, done that เคยเจอปัญหามาก่อนทั้งกู้บ้าน การสร้างบ้าน สร้างครอบครัว เขาผ่านมาหมด และเรามีดีเอ็นเอของเราคือ เรียนรู้ สู้งาน มีจริยธรรม อีโก้ต่ำ ความรับผิดชอบสูง ทำให้คุณาลัยประสบความสำเร็จ รวมถึงเราเลือกทำในสิ่งที่เราถนัดด้วยการทำอสังหาฯ แนวราบทำเลบางบัวทองที่มีความรู้ และเรามีความมุ่งมั่นเพียงพอที่จะลงให้ลึกและกว้าง ทำให้หลักของเราแน่นและโอกาสสำเร็จสูง โดยที่ผ่านมาเราเคยลองทำโปรเจ็กต์คอนโดของครอบครัวจนค้นพบว่า เราชอบการบริหารพื้นที่และสร้างพื้นที่ความสุขของบ้านจัดสรรมากกว่า ยิ่งได้พูดคุยกับลูกค้าของเราที่เป็น กลุ่มวัยรุ่นสร้างตัว ซึ่งคอนโดไม่ใช่ความฝันของเขา แต่เป็นบ้านที่ตอบโจทย์ ทำให้เราต้องการทำตรงนี้ให้ดีกว่าเดิม”
ปักหมุดแนวราบ 4 ทิศ
ในปัจจุบันประวีรัตน์สามารถนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอได้สำเร็จ ชื่อย่อหลักทรัพย์ KUN กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2562 พร้อมสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยรายได้รวม 1.01 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 106.43 ล้านบาทในปี 2565 ซึ่งบริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการคุณาลัย พาร์โก้ และคุณาลัย เดซี่ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าคุณภาพและกระบวนการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งส่งเสริมพัฒนาพนักงานและการดำเนินงานอย่างมีธรรมาภิบาล
“เราแบ่งการทำงานออกเป็นช่วงละ 5 ปี จาก 250 ล้านบาทเป็น 500 ล้านบาทใช้เวลา 5 ปี และ 500 ล้านบาทเป็นพันล้านใช้เวลาประมาณ 4 ปี จากนี้เราจะมุ่งต่อเป็น 2 พันล้าน ให้เวลาตัวเอง 5 ปี ซึ่งที่ผ่านมาเราสามารถนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และใช้นามสกุลมหาชนได้สำเร็จ เพราะความเชื่อมั่นและเงินทุนเป็นสิ่งสำคัญในการเติบโต รวมทั้งการซื้อที่ดินครบ 4 ทิศ และสร้างรายได้แตะ 1 พันล้าน โดยในปี 2566-2670 เราวางเป้าหมายไว้ 2 พันล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขการเพิ่มพนักงานจาก 50 คนวันนี้เป็น 70 คน ด้วยการพัฒนาศักยภาพให้ทุกคนสู้กันเต็มที่ในเกมของเรา ซึ่งโมเดลธุรกิจของบริษัทในการซื้อที่ดินขนาดใหญ่ทำให้เซลส์แต่ละที่มีไม่กี่คน และสามารถขายได้หมด เพราะรู้จักและเข้าใจลูกค้าเป็นอย่างดี”
ประวีรัตน์ย้ำความมั่นใจในการสร้างการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 15-20% ต่อปีสู่ เป้าหมาย 2 พันล้านบาทในแผนธุรกิจ 5 ปี(ปี 2566-2570) ประกอบด้วยการหาที่ดิน เพิ่มเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่และมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรในแนวคิด “สุขใจอยู่บ้านชานเมือง” ทุกทำเล ครอบคลุม 4 ทิศตามนโยบายและวิสัยทัศน์ที่กลุ่มบริษัทวางไว้ ได้แก่ ทิศตะวันตก(จังหวัดนนทบุรี) ทิศตะวันออก (จังหวัดฉะเชิงเทรา) ทิศใต้ (บางขุนเทียน กรุงเทพฯ) ซึ่งโครงการในฉะเชิงเทราเป็นโครงการนำร่องนอกพื้นที่บางบัวทอง ตามด้วยโครงการที่บางขุนเทียน โดยในปีนี้ได้เปิดโครงการทางทิศเหนือที่จังหวัดปทุมธานี
“เราพัฒนาโครงการขนาดใหญ่อย่างบางบัวทอง พื้นที่รวม 300-400 ไร่เป็นคอมมูนิตี้สำเร็จแล้วก็คงหนีไม่พ้นธุรกิจให้เช่าเพื่อให้บริการคอมมูนิตี้ของเราเช่นเดียวกับอีก 3 ทิศ เมื่อถึงเวลาเหมาะสม จังหวะได้ ลูกค้าเพียงพอก็พร้อมที่จะทำ รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจที่มีอนาคตสดใส ซึ่งเราภูมิใจในฉายาของเราที่สื่อยกให้เป็นเล็กพริกขี้หนู เพราะหมายถึงโอกาสการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเราสามารถสะสมกำลังทำธุรกิจของเราให้เข้มแข็งรอจังหวะเลือกเส้นทางที่เติบโตอย่างยั่งยืนได้”
ขณะเดียวกันบริษัทยังปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนที่เปลี่ยนแปลงไปหลังโควิด-19 ซึ่งทำให้เกิดการทำงานแนวใหม่ในลักษณะ everything at home ทุกสิ่งเกิดขึ้นที่บ้าน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค ด้วยการออกแบบพัฒนาโครงการให้หลากหลายตอบสนองความต้องการมากที่สุด และทำให้พื้นที่ใช้สอยในบ้านได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มพื้นที่
“ฐานแฟนคลับของเราอยู่เป็นกลุ่มวัยรุ่นสร้างตัว หรือนักสู้ที่รักครอบครัวและมองบ้านเป็นศูนย์รวมใจ ทำให้เราวาง position เป็นเพื่อน been there, done that เราทำหน้าที่ดูแลแฟนคลับและสร้างบ้านให้ โดยลูกค้าแต่ละโครงการก็มีสไตล์ต่างกัน เช่น บางบัวทองเน้นบ้านที่ดูแลง่าย พระราม 2 เป็นเจ้าของกิจการหรือผู้ใหญ่กว่าเล็กน้อยอาจจะต้องการพื้นที่พักผ่อนนอกบ้านมากกว่า ส่วนรังสิตคลองสองส่วนใหญ่เป็นคุณหมอ อาจารย์ วิศวกร ชอบธรรมชาติและการออกกำลังกาย ทำให้การ craft แต่ละทำเลไม่เหมือนกัน”
นอกจากนั้น ประวีรัตน์ยังต้องการตอกย้ำภาพลักษณ์ของบริษัทให้เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบบริเวณกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มีเอกลักษณ์ด้านรูปแบบของโครงการ ขนาดพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน และสร้างการจดจำแบรนด์เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความคุ้มค่า น่าซื้อ ด้วยบริการอำนวยความสะดวกตั้งแต่การขอสินเชื่อ การตรวจรับมอบบ้าน การโอนกรรมสิทธิ์ และการให้บริการหลังการขายอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายของบริษัทในวัยทำงานอายุ 21-55 ปี ที่ซื้อเพื่อการอยู่อาศัยมากกว่าการเก็งกำไร และส่วนใหญ่เป็นบ้านหลังแรกหรือซื้อเป็นของขวัญให้บิดามารดาใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุการทำงาน
“ที่ผ่านมาคุณาลัยมีชื่อเรียกว่า Queen of บางบัวทอง และภาพของเราเป็นชานเมือง ซึ่งเรายังทำชานเมืองต่อไปและจะพัฒนาให้ดีขึ้น เรามีเป้าหมายในใจให้แบรนด์ของเราชัดสำหรับกลุ่มเป้าหมายหรือตลาดบ้านชานเมืองของเราที่ต้องนึกถึงคุณาลัยเป็นอันดับ 1 ในใจ และการมองบ้านคุณาลัยคุ้มค่าน่าซื้อ บริการที่ดี เข้าใจลูกค้า โดยเราเชื่อในคำมั่นสัญญาที่เกิดขึ้นจากตัวเราจริงๆ ไม่ใช่อะไรที่ประดิษฐ์หรือพยายาม ดังนั้น บ้านของเราอาจจะไม่ใช่บ้านที่สวยที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายใหญ่มากๆ แต่เราจะพยายามทำบ้านให้เป็นบ้านที่ลูกค้าของเราภูมิใจเมื่อได้เป็นเจ้าของ”
ขณะที่บริษัทยังพร้อมรับโอกาสและความท้าทายในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นความเปลี่ยนแปลงของภาพโครงสร้างประชากรและพฤติกรรมการใช้ชีวิตหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ความต้องการอสังหาริมทรัพย์แนวราบเพิ่มขึ้นพร้อมกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น รวมทั้งความเสี่ยงด้านการเงินโลกที่ส่งผลต่อการกู้เงินทั้งในฐานะผู้ประกอบการและลูกค้า ประวีรัตน์กล่าวย้ำความมั่นใจในศักยภาพการแข่งขันจากความเข้าใจความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบ การพัฒนาพื้นที่ขนาดใหญ่ในรูปแบบเมือง และความสัมพันธ์อันดีกับสถาบันการเงินหลายแห่ง รวมทั้งลูกค้า คู่ค้าและชุมชนรอบข้าง
“เราเชื่อเรื่อง coach mindset พรสวรรค์ไม่เท่าพรแสวง และศักยภาพของคน ซึ่งเราสามารถใช้ทักษะการ coaching จากการเรียนรู้ช่วงปริญญาตรีและการส่งต่อความรู้ที่ได้รับจากหนังสือ เช่น ช่วงที่ทำบ้านสไตล์อังกฤษ เราก็หาหนังสือเกี่ยวกับบ้านสไตล์อังกฤษเข้ามาในบริษัท รวมถึงการบริหารงานเราใช้หลัก Competency และ Management by Objectives หรือ MBO จากการเรียน MBA โดยมุ่งที่วัตถุประสงค์และเป้าหมายเป็นหลัก เพราะเราไม่เชื่อในสูตรสำเร็จหรือการตัดสินใจที่จะพาไปสู่ความสำเร็จที่แน่นอน ในที่สุดต้องดูภาพรวมของสถานการณ์เป็นหลัก ส่วนที่เหลือเป็นการใช้มิติประสบการณ์มา craft ในแต่ละรอบที่เจอปัญหาให้เดินทางไปสู่เป้าหมายของเรา”
อ่านเพิ่มเติม : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย แต่งตั้ง "บุรินทร์ อดุลวัฒนะ" นั่งกรรมการผู้จัดการคนใหม่