Sally O’Hara สนุกและท้าทายกับธุรกิจประกัน - Forbes Thailand

Sally O’Hara สนุกและท้าทายกับธุรกิจประกัน

Sally O’Hara ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. กรุงไทย-แอกซ่า ผู้บริหารหญิงชาวออสเตรเลียวัย 52 ปี เธอใช้เวลาตลอดชีวิตการทำงานอยู่ในธุรกิจประกัน และกว่า 20 ปีอยู่ในเมืองไทย พูดภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่วไม่ต่างกับเจ้าของภาษา

เสียงหัวเราะแบบเปิดเผยและรอยยิ้มอย่างเป็นกันเอง ดูจะเป็นตัวตนที่ชัดเจนของซีอีโอหญิงจากแดนจิงโจ้ผู้นี้ ทำให้บรรยากาศการสัมภาษณ์วันนั้นเป็นไปอย่างลื่นไหลสนุกและได้สาระ แต่ละคำตอบจาก Sally O’Hara สะท้อนชัดเจนว่าเธอรู้สึกสนุกกับงานที่ทำและผูกพันกับเมืองไทยค่อนข้างมาก “ก่อนมากรุงไทย-แอกซ่า อยู่ที่ Chubb เป็นซีอีโอ ที่นี่ก็เป็นซีอีโอ แต่ก่อนหน้านั้นที่ Allianz ได้ดูแลหลายฝ่าย เป็นทั้ง Chief Marketing Officer, Chief Operation Officer, Chief Agency Officer ครบเลยขาดแค่ finance รู้สึกสนุกทุกฝ่ายเลยได้มาดูภาพรวม” Sally เริ่มต้นการสัมภาษณ์ด้วยประวัติคร่าวๆ บนเส้นทางนักบริหารและจบประโยคด้วยมุกขำๆ ซึ่งหมายถึงบทบาทของเธอใน 10 ปีหลัง ที่ก้าวสู่ผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจประกันของบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่หลายแห่ง Sally ก้าวสู่ตำแหน่งซีอีโอ กรุงไทย-แอกซ่า ในช่วงปลายปี 2561 ก่อนหน้านั้นในช่วงปี 2558 ถึงกลางปี 2561 เธอเป็น Country President for ACE Life Assurance (ปัจจุบันคือ Chubb Life Assurance) บริหารอยู่ราว 3 ปี หลังจากเธอมีประสบการณ์ 14 ปีในบริษัทประกันรายใหญ่ Ayudhya CMG Life ที่ซึ่งเธอบอกว่า ได้สัมผัสงานบริหารหลายฝ่าย ทั้งการตลาด การบริหาร เป็นพื้นฐานที่แข็งแรงของการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรุงไทย-แอกซ่า ในปัจจุบัน  

โอกาสหลังโควิด-19

2 ปีกับตำแหน่งซีอีโอกรุงไทย-แอกซ่าต้องเผชิญความท้าทายมากมาย ต้องปรับตัวท่ามกลางตลาดที่เปลี่ยนไป และต้องคิดโปรดักต์ประกันที่จะดึงดูดความสนใจลูกค้าเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยตกต่ำมาก การที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อจูงใจลูกค้าจึงไม่สามารถใช้ผลตอบแทนตัวเงินที่สูงขึ้นได้จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ดึงดูดความสนใจในด้านอื่นๆ แทน แม้จะมีความท้าทายมากมายแต่ Sally บอกว่า มันคือความสนุกและทำให้อยากก้าวข้ามอุปสรรคไปให้ได้ “ถ้าพูดถึงงาน ธุรกิจประกันน่าสนใจ มีการเปลี่ยนแปลงตลอด เติบโตอย่างต่อเนื่องไม่มีสักวันเลยที่เบื่อ ทำประกันชีวิตมาตลอดเพราะธุรกิจประกันไม่ใช่แค่ประกันชีวิตยังมีออมทรัพย์ สุขภาพ อุบัติเหตุ” ความหลากหลายเหล่านี้คือ ความสนุกที่ท้าทายสำหรับแม่ทัพกรุงไทย-แอกซ่า ธุรกิจประกันเติบโตตามปกติขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ในปัจจุบันเมื่อโลกมีปัจจัยเรื่องสุขภาพและโรคระบาดเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นโอกาสให้ธุรกิจประกันมองเห็นช่องทางใหม่ๆ เสริมเข้ามา ซึ่งแน่นอนโอกาสเหล่านั้นส่งผ่านมายังผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ออกมารองรับความต้องการผู้คนที่หลากหลายขึ้น ซึ่งเธอบอกว่า “ช่วงนี้เรามีผลิตภัณฑ์หลากหลายเป็นสิ่งที่ต้องทำ” นั่นคือบริบทของการปรับตัวในยุคปัจจุบัน แต่หากย้อนหลังไป 15 ปี ธุรกิจประกันจะแข่งกันในเรื่องแผนออมทรัพย์ บริษัทขายประกันพอครบอายุจ่ายเงินคืนลูกค้าก็จบแต่เดี๋ยวนี้ความต้องการผู้คนเปลี่ยนไป “เขารู้ว่ามีประกันสุขภาพ มีประกันโรคร้ายแรงมีประกันอื่นๆ ซึ่งเราได้เห็นธุรกิจขยายมีประกันหลายรูปแบบ ลูกค้าออมทรัพย์เดิมก็อยากซื้อแผนสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะหลังโควิด-19” เป็นอีกหนึ่งการปรับตัวที่ผู้ให้บริการประกันต้องเติมเต็มความต้องการลูกค้าให้ทัน และยิ่งเป็นโอกาสดีหากสามารถออกโปรดักต์เตรียมรับความต้องการได้ล่วงหน้า ทั้งหมดนี้คือ ภารกิจที่นายใหญ่กรุงไทย-แอกซ่า ต้องนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมาย เมื่อโลกเปลี่ยนความต้องการผู้คนเปลี่ยนไปการวิเคราะห์ตลาดและออกผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของอนาคตได้ นั่นคือจุดเริ่มต้นสู่ความสำเร็จเพราะธุรกิจประกันคือ การขายบริการด้านความเชื่อมั่น เป็นสินค้าที่จับต้องไม่ได้ บริการประกันต้องขายความเชื่อมั่นเป็นหลัก แต่เชื่อมั่นเพียงอย่างเดียวไม่พอต้องตอบโจทย์ตลาดด้วยเหมือนที่ Sally บอกคือ “ถ้าพูดถึงธุรกิจประกันเราเริ่มเน้นคุณภาพผลิตภัณฑ์คุณภาพคนขาย และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ขายตามความต้องการและความจำเป็นของลูกค้า” เป็นคัมภีร์สู่ความสำเร็จ  

ทางเลือกของคนรุ่นใหม่

Sally บอกว่า ตลาดธุรกิจประกันในประเทศไทยมี 23 บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า เป็นบริษัทเดียวที่เป็นท็อป 3 ใน 2 ช่องทางหลัก ทั้งธนาคารและตัวแทนขาย “เราเป็นบริษัทระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดที่นี่ บริษัทแม่ฝรั่งเศส เรามีข้อมูลเทคโนโลยีจากประเทศอื่นๆ มาใช้ มีแคมเปญต่างๆ ซึ่งเป็นที่รู้จักระดับสากล” เธอเล่าอย่างภูมิใจพร้อมยกตัวอย่างแผนโฆษณาปี 2562 กับแคมเปญ “Know You Can” ซึ่ง AXA สปอนเซอร์ทีมลิเวอร์พูล สร้างการยอมรับและต่อยอดแคมเปญการตลาดได้ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม ซีอีโอกรุงไทย-แอกซ่าบอกว่า ช่องทางหลักผ่านตัวแทนขายยังมีความสำคัญที่สุด “เรามีตัวแทน 16,000 คน เป็นคนรุ่นใหม่ จบปริญญาตรี ไฟแรง การศึกษาดี ใช้เทคโนโลยีได้ สร้างอาชีพเขาดูแลระยะยาว เป็น young blood ในธุรกิจเรา” Sally ย้ำและว่า คนรุ่นใหม่จะดึงคนรุ่นใหม่ด้วยกันเข้ามาในธุรกิจนี้ ซึ่งส่วนใหญ่อายุไม่เกิน 35 ปี โดยคนเหล่านี้เข้าใจธุรกิจประกันมากขึ้น ลูกค้าก็เข้าใจมากขึ้น และพวกเขาคิดบวก “เป็นเทรนด์ที่เราสบายใจที่สุดในรอบ 10 ปี เราเชื่ออย่างนี้และมองว่าธุรกิจนี้ดีสำหรับสังคม ดีสำหรับเรา และดีสำหรับอาชีพด้วย” คำกล่าวนี้สะท้อนถึงศรัทธาที่ Sally มีต่อธุรกิจประกัน “เราพูดบ่อย Know You Can หมายความว่า เมื่อคุณอยู่กับแอกซ่า เราจะทำให้คุณมั่นใจว่าคุณทำได้ดีที่สุดที่คุณอยากเป็นช่วงนี้เราเห็นเทรนด์พนักงานธุรกิจอื่นๆ เข้ามาในธุรกิจนี้มากขึ้นเช่น เดือนที่แล้วมีคนมาสมัครงานมากสุดในรอบ 24 เดือน 800 กว่าคนในเดือนเดียว” ส่วนใหญ่บุคลิกดีการศึกษาดี มีประสบการณ์ระดับหนึ่ง อยากมาร่วมงาน “เรามีแผนส่งเสริมให้เขาเติบโตเป็น AXA Prime ได้ไม่ยาก” Sally ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ถ้าเป็นตัวแทนอาชีพนี้น่าสนใจมาก สามารถเป็น passive income ในระดับหนึ่งได้ แต่ต้องสร้างก่อน บริการลูกค้าได้ดีก่อน คนที่เข้ามาและศึกษาตั้งใจพัฒนาตัวเอง มี service mind ซื้อและแนะนำมากขึ้น สามารถเลื่อนขั้นโตขึ้น สร้างทีม ขยายขึ้น อาชีพนี้ไม่มีข้อจำกัด อยากประสบความสำเร็จขนาดไหนขึ้นอยู่กับฝีมือและความกล้าที่จะลงมือทำ
คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine