ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ เติมความอัจฉริยะให้ "บำรุงราษฎร์" - Forbes Thailand

ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ เติมความอัจฉริยะให้ "บำรุงราษฎร์"

เส้นทางเดินในวิชาชีพของเภสัชกรหญิง ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ในธุรกิจด้านสุขภาพและโรงพยาบาลที่ยาวนานกว่า 25 ปี บ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ที่ถูกเคี่ยวกรำบ่มเพาะในสายงานที่ไม่ง่ายเพราะทุกการตัดสินใจเกี่ยวพันกับชีวิตมนุษย์และไม่บ่อยนักที่จะเห็นเภสัชกรขึ้นเป็นผู้บริหารในระดับซีอีโอในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ อย่างโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล

31 มกราคมที่ผ่านมาคณะกรรมการบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) แต่งตั้ง ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ขึ้นเป็นผู้อำนวยการด้านบริหาร หรือ ซีอีโอ แทน รศ.นพ.สมศักดิ์ เชาว์วิศิษฐ์เสรี ที่ตัดสินใจเกษียณอายุการทำงาน ภญ.อาทิรัตน์เป็นหนึ่งในลูกหม้อคนสำคัญที่มีส่วนผลักดันให้บำรุงราษฎร์มีชื่อเสียงการรักษาพยาบาลขจรไกลไปทั่วโลก

ภารกิจสำคัญของพี่คือการผลักดันให้บำรุงราษฎร์เป็น world-class holistic healthcare ที่สร้างความแตกต่างด้วยนวัตกรรมให้ได้ภายในปี 2565” ภญ.อาทิรัตน์ เอ่ยกับ Forbes Thailand เป็นประโยคแรกอย่างเป็นกันเองในบ่ายวันหนึ่ง เรามีนัดสัมภาษณ์กับเภสัชกรหญิงลูกหม้อคนสำคัญ ภายในโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ต้องต้อนรับคนไข้ทุกเชื้อชาติต่อปีมากกว่า 1.1 ล้านคน โดยเฉพาะชาวต่างชาติ มีสัดส่วนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งนี้มากถึง 520,000 คนต่อปี ขณะที่โรงพยาบาลรับผู้ป่วยนอกได้มากกว่า 5,500 คนต่อวัน จาก 190 ประเทศทั่วโลก

บ่ายวันนั้นยังคงเป็นเหมือนทุกๆ วัน ที่คลาคล่ำไปด้วยชาวต่างชาติเดินเข้าออกระหว่างอาคารที่อยู่ภายในเนื้อที่ 70,262 ตร.. บ้างนั่งรอในจุดพักที่ดูหรูหรา สะอาดตา บ้างนั่งรับประทานอาหารในร้าน fast food ชื่อดังหลายร้านที่ตั้งอยู่ภายในโรงพยาบาล 

บำรุงราษฎร์ เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในเอเชีย ที่ได้รับการรับรองคุณภาพระดับสากล (JCI Accreditation) ตามมาตรฐานการรับรองของสหรัฐอเมริกา และได้รางวัลแห่งความเป็นที่สุดในระดับเอเชียแปซิฟิกนับสิบรางวัลเมื่อปี 2561 เป็นจุดหมายปลายทางของชาวต่างชาติในการเข้ามารับการรักษาคิดเป็นสัดส่วนถึง 50% ซึ่งทำให้ปัจจุบันบำรุงราษฎร์มีรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติถึง 65%

 

วิสัยทัศน์สู่ world-class healthcare

หนึ่งในวิสัยทัศน์สำคัญของบำรุงราษฎร์จากคำบอกเล่าของ ภญ.อาทิรัตน์ คือการให้การบริบาลสุขภาพแบบองค์รวมระดับโลก หรือเรียกว่า world-class holistic healthcare เป็นงานหินที่เธอต้องร่วมมือกับบุคลากรภายในโรงพยาบาล ยกระดับการบริบาลทางการแพทย์ให้มีคุณภาพที่สูงขึ้น ทั้งด้านนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ ประสิทธิผลการดำเนินงาน เพื่อให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

ทั้งยังตอบรับที่ไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะจุดหมายของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (medical tourism) แน่นอนว่า บำรุงราษฎร์เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สำคัญ

บำรุงราษฎร์เปิดรับนวัตกรรมและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่  รวมถึงนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาปรับใช้ทางการแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักที่สร้างความแตกต่างให้กับโรงพยาบาลเพื่อคงความเป็นผู้นำในธุรกิจด้านสุขภาพ ยิ่งกระแส technology disruption กระทบกับทุกอุตสาหกรรม ธุรกิจสุขภาพก็ไม่ได้มีข้อยกเว้น การเข้ามาของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ การดูแลสุขภาพและวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว การวินิจฉัยโรคโดยใช้ AI การใช้แพลตฟอร์มต่างๆ หรือแม้แต่การใช้ big data เข้ามา สิ่งเหล่านี้คือภารกิจที่ท้าทายของบำรุงราษฎร์ในการนำเข้ามาใช้มากขึ้น เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำ world-class holistic healthcare ให้ได้ภายใน 5 ปีข้างหน้า

เธอเน้นให้ความสำคัญใน 3 ส่วนหลักเพื่อตอบโจทย์เป้าหมายข้างต้น คือ 1.ปรับเปลี่ยนจากการรักษาผู้ป่วย เป็นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม หรือ holistic care 2.การประมวลข้อมูลที่มีอยู่จำนวนมากเข้าด้วยกันเพื่อประโยชน์ของการบริบาลอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม (big data), การนำเทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) มาปรับใช้ และ 3.เชื่อมโยงระหว่างกันของทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง คน เทคโนโลยี และศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง หรือ “Connected, Team”

 

AI ผนึก Big Data สู่ความอัจฉริยะ

ภญ.อาทิรัตน์อธิบายพร้อมทั้งบอกด้วยว่า บำรุงราษฎร์ยกให้ big data, artificial intelligence คือส่วนสำคัญในกิรบริหารจัดการ และการรักษาในยุคนี้

บำรุงราษฎร์เป็นโรงพยาบาลเอกชนรายแรกๆ ของไทยที่ดึงเทคโนโลยี AI อัจฉริยะอย่าง IBM Watson เทคโนโลยี Cognitive Computing เข้ามาช่วยแพทย์รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง ทั้งวินิจฉัยโรคและเสนอแนวทางการรักษาเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้ผู้ป่วยด้วย

ซีอีโอหญิงกล่าวต่อว่า ปัจจัยสำคัญของการผลักดันให้บำรุงราษฎร์ไปสู่เป้าหมายการเป็น world-class holistic healthcare เรื่อง Connected, Team เป็นองค์ประกอบที่สำคัญไม่แพ้เทคโนโลยี การผนึกกำลังและเชื่อมโยงการทำงานในทุกๆ ฝ่ายร่วมกันเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพ เป็น key success ของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

ส่วนนี้จะมี new core values 3 ด้านด้วยกัน คือ Agility / Innovation / Caring บำรุงราษฎร์ใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบันเข้ามาช่วยพัฒนาการสื่อสาร เชื่อมโยงบุคลากรทางการแพทย์และทีมงานให้เข้าถึงผู้ป่วย เพื่อการดูแลที่มีคุณภาพและตรงต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น

ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์

ชื่อเสียงที่ร่ำลือไปทั่วโลก ทำให้บำรุงราษฎร์ต้องมีสำนักงานตัวแทนในต่างประเทศ หรือ referral office (RO) วันนี้มีมากกว่า 40 แห่ง ไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลีย บาห์เรน เอธิโอเปีย บังกลาเทศ กัมพูชา จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย คาซัคสถาน สปป.ลาว มองโกเลีย เมียนมา โอมาน รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเวียดนาม ฯลฯ สำหรับเป็นสถานที่ติดต่อประสานมาเข้ารับการรักษาในไทย

สัดส่วนคนไข้ชาวต่างชาติ หลักๆ มีครอบคลุมในกลุ่มประเทศ CLMV โดยเฉพาะเมียนมาและกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน คูเวต กัมพูชา บังกลาเทศ กาตาร์ สหรัฐอเมริกา เอธิโอเปีย

 

ยึดความปลอดภัยผู้ป่วยสูงสุด

ขณะที่ core value สำคัญที่บำรุงราษฎร์ยึดมสตลอดระยะเวลา 39 ปี เธอบอกว่าคือ ความพยายามยกระดับมาตรฐานและคุณภาพความปลอดภัยของผู้ป่วยสูงสุด ซึ่งถือเป็นศาสตร์แรกเพื่อยับยั้งความผิดพลาดในการรักษาพยาบาล และยังช่วยลดอัตราผู้ป่วยเสียชีวิตจากการติดเชื้อภายในโรงพยาบาล

เราให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของคนไข้สูงสุด จึงได้นำระบบบริหารนิรภัย หรือ Safety Management System (SMS) ที่ใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมการบินมาใช้ในโรงพยาบาล มีนโยบายเรื่อง blameless ส่งเสริมให้บุคลากรได้รายงานเมื่อเกิดปัญหา เพื่อจะได้แก้ไขในเชิงระบบได้ทันท่วงทีและตรงจุด มีระบบ risk management ประเมิน และจัดการความเสี่ยงได้ล่วงหน้า และอีกหลายๆ ระบบที่เรานำเข้ามาใช้

ภญ.อาทิรัตน์บอกด้วยว่า การนำเทคโนโลยีมาใช้ในโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จะมองจากเทรนด์ และคุณภาพการรักษาผู้ป่วยเป็นหลักมากกว่า จึงไม่มีข้อจำกัดในการใช้งบเพื่อลงทุนกับเทคโนโลยีการรักษาและบริหารจัดการในแต่ละปี

เมื่อถามถึง key success ที่สำคัญของโรงพยบาลบำรุงราษฎร์ เธอบอกว่า อันดับ 1 คือเรื่องคุณภาพและการคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้ หรือ patient safety ที่เธอย้ำมาโดยตลอดเพราะจะนำไปสู่ trust และเป็นภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ ต่อมาคือเรื่องบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทันท่วงที มีอินโนเวทีฟไอเดีย มีความใส่ใจ อีกกุญแจสำคัญคือเทคโนโลยีที่มีความพร้อมเรื่องโครงสร้างพื้นฐานทั้งไอที เทคโนโลยี การแพทย์ และอุปกรณ์ที่ทันสมัย


คลิกเพื่ออ่านเรื่องเต็ม ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ เติมความอัจฉริยะให้ "บำรุงราษฎร์” ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ เมษายน 2562 ในรูปแบบ e-Magazine