ราวกลางเดือนมกราคม 2564 สถานการณ์โควิด-19 เริ่มระอุการระบาดรอบ 2 ปรากฏชัด Forbes Thailand มีโอกาสได้ร่วมพูดคุยผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับ ทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ในวาระที่บริษัทดำเนินธุรกิจมาครบ 30 ปี
โดย ทวีศักดิ์ แสงทอง มีไอเดียด้านเทคโนโลยีที่ต้องการส่งผ่านถึงทุกหน่วยงาน ได้ร่วมกันพิจารณาเพื่อหาทางรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงรุนแรง โดยออราเคิลต้องการนำเสนอระบบคลาวด์ ซึ่งเป็นบริการที่ออราเคิลนำเข้ามาใช้ในไทยตั้งแต่ปี 2546 มาเป็นตัวช่วยสำคัญ และในปี 2563 ออราเคิลได้เปิดตัว Oracle Cloud Customer Centre ในสำนักงานของเอ-โฮสต์ขึ้นอย่างเป็นทางการ “คลาวด์คือ เทคโนโลยีแห่งโลกยุคใหม่ที่จะตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ทั่วโลกกำลังมองหาทางออกจากวิกฤตด้านสาธารณสุขจากการแพร่ระบาดของโควิด-19” ทวีศักดิ์ เล่าว่า การฟื้นฟูจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งความร่วมมือระหว่างภาครัฐบาลกับเอกชน และความร่วมมือจากทุกภาคอุตสาหกรรมจะเป็นส่วนสำคัญยิ่งในการฟื้นฟูและเยียวยาในด้านต่างๆ “ในฐานะองค์กรที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ออราเคิลพร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับทุกภาคส่วนในการขยาย ecosystem การออกแบบธุรกิจแห่งอนาคตเพื่อร่วมกันฟันฝ่าวิกฤตด้านสาธารณสุขในครั้งนี้ และสนับสนุนภาคธุรกิจต่างๆ ให้สามารถฟื้นฟูจากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ได้” กรรมการผู้จัดการ ออราเคิล ประเทศไทยย้ำ พร้อมยืนยันเจตนารมณ์ความร่วมมือสนับสนุนด้านเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้ประเทศไทยฟื้นฟูหลังต้องเผชิญวิกฤตโควิด-19 มาตลอดทั้งปี จัดสรรวัคซีนบนคลาวด์เบส ทวีศักดิ์บอกว่า ออราเคิลดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมานาน 30 ปี มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการให้ทันต่อความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ รวมทั้งคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาของลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง อย่างเทคโนโลยีคลาวด์ที่ใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน ออราเคิลนำมาใช้ตั้งแต่ปี 2546 เป็นเทคโนโลยีที่สามารถตอบโจทย์โลกอนาคตได้ตรงจุด ในสถานการณ์โควิด-19 ออราเคิลมองว่าการจัดการเรื่องวัคซีนมีความสำคัญและจำเป็นไม่น้อยกว่าความสามารถในการคิดค้นวัคซีนออกมาใช้ได้ผล โดยหวังว่าวัคซีนโควิดจะได้รับการอนุมัติ และถูกแจกจ่ายสู่ประชาชนในหลายๆ ประเทศ ซึ่งทวีศักดิ์แนะว่า ผู้นำประเทศและภาคเอกชนควรเริ่มพิจารณาถึงแนวทางการฟื้นฟูประเทศในระยะยาวได้แล้ว พร้อมเสนอว่า ออราเคิลสามารถสนับสนุนการฟื้นฟูประเทศทั้งสองด้าน ทั้งการดูแลสุขภาพและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผ่านการสนับสนุนธุรกิจภาคต่างๆ ซึ่งข้อมูลและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีถือเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความแข็งแรงทางเศรษฐกิจ โดยการดูแลสุขภาพ ออราเคิลนำเสนอ 2 โซลูชัน ได้แก่ National Electronic Health Records (EHR) Database และ Oracle Public Health Management System ซึ่งเป็นโซลูชันที่พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมดโดยทีมงานออราเคิลจากทั่วโลก เพื่อรับมือกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้รัฐบาลของแต่ละประเทศสามารถรวบรวม ประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูลอัพเดตด้านสุขภาพจากผู้ป่วยและผู้ให้บริการด้านสุขภาพได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น ในแอฟริกาออราเคิลทำงานร่วมกับ Tony Blair Institute สนับสนุนโครงการฉีดวัคซีนไข้เหลืองให้ประชาชนในประเทศกานา รวันดา และเซียร์ราลีโอน ด้วยระบบเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานผ่านคลาวด์รุ่นใหม่ เพื่อการบริหารโครงการฉีดวัคซีนครั้งนี้ในระดับกว้าง แม้โครงการนี้จะไม่ใช่โครงการวัคซีนโควิด-19 แต่ถือเป็นการสร้างแบบแผนที่แสดงให้เห็นว่า ออราเคิลสามารถสนับสนุนการดำเนินงานฉีดวัคซีนแก่ประชาชนในประเทศเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ Supply Chain คือ หัวใจ ผู้บริหารออราเคิลไทยกล่าวว่า การกระจายวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศ รัฐบาลจำเป็นต้องมีขั้นตอนและโครงสร้างพื้นฐานการทำงานที่เพียบพร้อม เพื่อการบริหารและพัฒนาระบบ ecosystem (การออกแบบการจัดการระบบ) สำหรับการจัดการวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพียงพอ “หากพิจารณาถึงประเด็นต่างๆ ในส่วนของ supply chain จะเห็นได้ว่า ระบบการขนส่งและคลังสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมินับเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก โดยเฉพาะในประเทศเขตอบอุ่นและพื้นที่ส่วนใหญ่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็เป็นเขตร้อนชื้น โดยออราเคิลได้นำเสนอระบบคลาวด์เพื่อการบริหารจัดการสินค้า (Supply Chain Management: SCM) เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถรักษากำลังการผลิต ขนส่ง และควบคุมคุณภาพสินค้าให้มีความยืดหยุ่นและยังทำให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ต่อไป” ทวีศักดิ์ย้ำ เป็นเวลากว่าทศวรรษมาแล้วที่ออราเคิลได้สร้างโซลูชันซัพพลายเชนที่ทำงานบนระบบคลาวด์แบบครบวงจรได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ที่ต้องการกระจายวัคซีนไปสู่ตลาด หรือการสนับสนุนอุตสาหกรรมด้านซัพพลายเชนที่เป็นการบริหารจัดการสินค้าถึงผู้บริโภคให้สามารถบริหารจัดซื้อสินค้า ตรวจสอบรายการคลังสินค้า และการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งออราเคิลพร้อมตอบทุกโจทย์ความต้องการ เมื่อโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสร้างความเสียหายแก่ภาคอุตสาหกรรมรัฐบาลและภาคธุรกิจต่างๆ ของทุกประเทศจำเป็นต้องแสวงหาแนวทางเสริมสร้างกำลังใจให้กับผู้คนทั่วโลก ผ่านการพัฒนาทักษะความสามารถด้านดิจิทัล และแนวทางการบริหารจัดการแรงงานในภาคธุรกิจ เพราะผู้คนตกอยู่ในภาวะเครียดจากผลกระทบโควิด-19 ข้อมูลจากการศึกษาในหัวข้อ AI at Work ของออราเคิลระบุว่า ปี 2563 เป็นปีที่มีความตึงเครียดมากที่สุดในประวัติศาสตร์และยังส่งผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพจิตของแรงงานกว่าร้อยละ 78 ทั่วโลก การศึกษานี้ยังพบว่า เทคโนโลยีอย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) คือ ตัวช่วยในการทำงานรูปแบบใหม่ ซึ่งแรงงานกว่าร้อยละ 75 ทั่วโลกยอมรับว่าปัญญาประดิษฐ์มีส่วนช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตของพวกเขาในที่ทำงานได้ นอกจากนี้ ปัญญาประดิษฐ์ยังช่วยในการให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น (31 %) ระบบการทำงานอัตโนมัติ และการลดภาระการทำงานเพื่อป้องกันความเหนื่อยล้ามากเกินไป (27%) และการลดความตึงเครียดผ่านการช่วยจัดลำดับงาน (27%) ทั้งนี้ จะเห็นว่าบริษัทหลายแห่งในเมืองไทยต่างเลือกใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงาน เช่น บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด เลือกใช้ระบบการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลผ่านระบบคลาวด์ของออราเคิล (Oracle Fusion Cloud Human Capital Management: Oracle Cloud HCM) ช่วยให้งานของฝ่ายทรัพยากรบุคคลมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น โปร่งใส และทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา รวมไปถึงการ work from home ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในยุค new normal “เมื่อเกิดความจำเป็นในการทำงานทางไกล หรือ work from home ทำให้ความต้องการด้านระบบดิจิทัลเพิ่มสูงขึ้นด้วยรวมถึงผู้ที่มีความสามารถด้านระบบดิจิทัลออราเคิลยังร่วมสนับสนุนการยกระดับทักษะของผู้มีความสามารถด้านดิจิทัลผ่านโครงการเพื่อการศึกษา Oracle Academy” ทวีศักดิ์กล่าวว่า ในประเทศไทยโครงการ Oracle Academy ได้ร่วมมือกับสถาบัน 89 แห่ง ให้การสนับสนุนแก่นักการศึกษา 180 รายในการฝึกสอนนักเรียนนักศึกษาในด้านนี้เป็นหลัก รวมถึงทักษะเชิงเทคนิคใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้ามาในชีวิตของผู้คน เพื่อสร้างโอกาสการจ้างงานในภาคเทคโนโลยีให้แก่เยาวชน เทคโนโลยีสร้างความต่อเนื่อง ในสถานการณ์โควิด-19 แม้บางภาคธุรกิจจะได้รับผลกระทบหนักกว่าธุรกิจอื่นๆ แต่ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องย้อนพิจารณา และบางครั้งอาจต้องทบทวนรูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ทั้งหมด เพื่อสร้างหลักประกันความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจให้ได้ในทุกสถานการณ์ ที่ผ่านมาออราเคิล ประเทศไทย ได้ทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อสร้างหลักประกันว่า ธุรกิจจะสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องในระหว่างที่เกิดการแพร่ระบาด เช่น บริษัทเงินติดล้อ ผู้นำด้านธุรกรรมการเงินรายย่อยในประเทศไทย ได้ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้โซลูชันการวางแผนทรัพยากรองค์กรบนระบบคลาวด์ของออราเคิล (Oracle Fusion Cloud Enterprise Resource Planning: Oracle Cloud ERP) ทำให้บริษัทมีฟีเจอร์การทำงานใหม่มากมาย พร้อมความสามารถขั้นสูงในการบริหารจัดการข้อมูลที่สมบูรณ์แบบ ด้วยการทำงานบนแพลตฟอร์มเดียวช่วยลดต้นทุนในภาพรวมได้ อีกกรณี ไมเนอร์ โฮเทลส์ บริษัทข้ามชาติผู้ถือครองและลงทุนในอุตสาหกรรมโรงแรมทั้งในเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา มหาสมุทรอินเดีย ยุโรป และแอฟริกาใต้ได้อัพเกรดจาก Oracle E-Business Suite, Hyperion และ BI ในธุรกิจอาหาร มาใช้ระบบ Oracle Cloud Infrastructure (OCI) ทำให้มีประสิทธิภาพการบริหารที่ดีขึ้น ทวีศักดิ์บอกว่า ออราเคิลได้ช่วยเหลือลูกค้าในไทยรับมือกับวิกฤตปี 2020 และยังมองไปถึงอนาคต โดยเมื่อกลางปี 2563 เป็นปีที่ดีในการฉลองครบรอบ 30 ปีการดำเนินงานของออราเคิลในประเทศไทย และเป็นปีที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เพราะเหตุใดเทคโนโลยีของออราเคิลจึงมีความสำคัญในการช่วยเหลือลูกค้าในประเทศ “ลูกค้าและพันธมิตรทั้งหลายในเมืองไทยถือเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของเรา เมื่อปี 2540 เราได้เปิดตัวเครือข่ายพันธมิตรออราเคิล (Oracle Partner Network) โดยลงนามทำสัญญากับเอ-โฮสต์ (A-Host) ให้เป็นพันธมิตรเจ้าแรกของเราในเมืองไทย และเมื่อเรานำระบบคลาวด์มาใช้ในปี 2546 เราได้นำพันธมิตรต่างๆ ของเราเดินทางมาจนถึงวันนี้” นอกจากนี้ ออราเคิลยังทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับ บริษัท ไอซีอี คอนซัลติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญในการสนับสนุนส่วนงาน SaaS ขนาดใหญ่ให้แก่ลูกค้าในประเทศ “ผมเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงและการร่วมมือจะเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดในการดำเนินธุรกิจของออราเคิลในประเทศไทยในอีก 30 ปีข้างหน้า เราขอให้คำมั่นสัญญาแก่ลูกค้าและพันธมิตรในเมืองไทยว่า จะมุ่งมั่นสนับสนุนให้ทุกท่านสามารถก้าวผ่านทุกความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไปได้อย่างราบรื่น” กรรมการผู้จัดการ ออราเคิล ประเทศไทย กล่าวทิ้งท้ายคลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมีนาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine