ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เผย 4 แนวทางสู่องค์กรยั่งยืนโดย ‘ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและช่วยเหลือสังคม’ - Forbes Thailand

ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เผย 4 แนวทางสู่องค์กรยั่งยืนโดย ‘ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและช่วยเหลือสังคม’

FORBES THAILAND / ADMIN
18 Sep 2024 | 03:30 PM
READ 98

ความยั่งยืนเป็นสิ่งที่หลายองค์กรทั่วโลกต่างให้ความสำคัญในปัจจุบัน ภาคธุรกิจต่างก็ปรับตัวใส่ใจเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น หากกล่าวถึงมิติด้านสิ่งแวดล้อม ปัจจัยหลักที่ทำให้ภาคธุรกิจรวมถึงผู้ผลิตในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มหันมาให้ความใส่ใจในเรื่องนี้ คือการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตรวมถึงทรัพยากรธรรมชาติที่ลดน้อยลงทุกที ในขณะที่ผู้บริโภคต่างก็ตระหนักและตื่นตัวกับเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้น


    ผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ในปี 2565 ระบุว่าผู้บริโภคกว่า 71.4% สนใจที่จะหันมาเลือกซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมากที่สุด ได้แก่ ปัญหามลพิษ เช่น น้ำเสีย ฝุ่น PM 2.5 และขยะมูลฝอยที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง

    ปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้ผู้บริโภคจำนวนมากขึ้นเริ่มปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อช่วยลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ การลดหรืองดการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ภาคธุรกิจจึงต้องปรับตัวและมีแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนที่ชัดเจนและจับต้องได้มากยิ่งขึ้น

    บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความสำคัญกับผู้บริโภคและตั้งเป้าหมายเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนในทุกมิติทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม โดยความยั่งยืนถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ Must Win Battle ของบริษัทฯ ซึ่งเน้นการเติบโตทางธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ตามค่านิยมองค์กร “การเติบโตอย่างยั่งยืน (Growing for Good)” เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์มุ่งสู่การเป็น “บริษัทเครื่องดื่มที่ผู้บริโภครักมากที่สุดในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง (the Most Beloved Beverage Company in Thailand with True Gemba Centricity)

    สำหรับแนวทางสู่ความยั่งยืนของซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย มีทั้งหมด 4 ข้อ ดังนี้



1. ความยั่งยืนด้านการจัดการทรัพยากรน้ำ (Water Sustainability)

   ‘น้ำ’ เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ล้ำค่า เป็นหัวใจสำคัญและจำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ จึงมีการมุ่งมั่นบริหารจัดการน้ำอย่างจริงจังในทุกด้าน โดยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อลดการสูญเสียน้ำในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่ขั้นตอนการล้างทำความสะอาด การหล่อเย็น การผสม ไปจนถึงการบรรจุผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ ใช้น้ำน้อยกว่า 1.4 ลิตร ในการผลิตเครื่องดื่ม 1 ลิตร นับเป็นการสูญเสียน้ำในกระบวนการผลิตที่น้อยมากและถือได้ว่าโดดเด่นที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม

    ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทยได้ติดตั้งระบบตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำ และมีระบบบำบัดน้ำเสียประสิทธิภาพสูงภายในโรงงาน ทำให้สามารถหมุนเวียนน้ำที่ใช้แล้วกว่า 80% กลับมาใช้ประโยชน์ได้ใหม่ในส่วนที่ไม่ได้สัมผัสอาหาร นอกจากนั้น บริษัทฯ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของทรัพยากรน้ำและส่งเสริมการอนุรักษ์น้ำแก่เยาวชนผ่านโครงการมิซุอิกุ (Mizuiku) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

    นอกจากนี้ยังมีโครงการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ อาทิ การสร้างฝาย ปลูกหญ้าแฝก และฟื้นฟูระบบนิเวศของป่า เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกและส่งเสริมให้คนในชุมชนพื้นที่ต้นน้ำช่วยกันดูแลและอนุรักษ์แหล่งน้ำในท้องถิ่นของตน พร้อมกันนี้เรายังเปิดโอกาสให้พนักงานได้เข้าร่วมกิจกรรม ‘คน-น้ำ-ดี’ ในทุกๆ ปี เพื่อนำความรู้สู่การลงมือปฏิบัติ และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นหลังต่อไป


2. ความยั่งยืนด้านบรรจุภัณฑ์ (Packaging Sustainability)

    ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ส่งเสริมการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุและการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการและสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ โดยบริษัทฯ เลือกใช้ขวดพลาสติก PET (Polyethylene Terephthalate) แบบใส ไม่มีสี เป็นขวดบรรจุภัณฑ์ของเครื่องดื่มทุกชนิด ซึ่งข้อดีของบรรจุภัณฑ์ชนิดนี้คือ สะอาด ปลอดภัย มีน้ำหนักเบา แข็งแรง ไม่เปราะแตกง่าย และที่สำคัญสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ 100%

    บริษัทฯ ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีผลิตรวมถึงออกแบบบรรจุภัณฑ์ร่วมกับคู่ค้าจนเกิดเป็น ขวดพลาสติก PET น้ำหนักเบาที่ลดปริมาณการใช้พลาสติกใหม่ในการผลิตขวดลง นับว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้ รวมถึงนำพิมพ์สีบนฝาขวดเครื่องดื่มออก เพื่อช่วยลดการใช้สารเคมีในการล้างทำความสะอาดและทำให้การรีไซเคิลง่ายขึ้นด้วย

    และการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ คือ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ประกาศเริ่มใช้ขวดจากพลาสติกรีไซเคิล 100% เป็นเจ้าแรกในตลาดเครื่องดื่มไทยตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา ซึ่งจากความพยายามทั้งหมดที่กล่าวมาส่งผลให้บริษัทฯ สามารถลดการใช้พลาสติกใหม่ได้มากกว่า 5,800 ตัน ตลอดจนสื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะและบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วอย่างเหมาะสม ส่งเสริมการคัดแยกและเก็บกลับขวดพลาสติก PET ที่ใช้แล้วอย่างจริงจังต่อเนื่องเพื่อรีไซเคิลหมุนเวียนกลับมาเป็นขวดใหม่ นับเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าและยังช่วยส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนอีกด้วย


3. การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Reduction)

    บริษัทฯ มุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตและการขนส่ง รวมถึงเพิ่มการใช้พลังงานทดแทน และนวัตกรรมการผลิตสีเขียวในโรงงานและคลังสินค้าอย่างต่อเนื่อง อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ การวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้สามารถลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้พลังงานไฟฟ้าและการเผาไหม้ทางตรง ได้ 9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และยังคงเดินหน้าพัฒนากระบวนการต่างๆ เพื่อให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น



4. การช่วยเหลือสังคม (Social Contributions)

    ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ดำเนินธุรกิจเคียงข้างคนไทยและร่วมช่วยเหลือสังคมไทยตลอดมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่นน้ำท่วม ภัยแล้ง หรือวิกฤตโรคระบาดอย่างการแพร่กระจายของโควิด-19 โดยมีการดำเนินโครงการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องเพื่อให้คนไทยทุกคนได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติโดยเร็ว

    นอกจากนั้นยังส่งเสริมให้พนักงานได้แสดงจิตอาสาในการช่วยเหลือชุมชนและสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรม Helping Hands ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 โดยนำเงินที่ได้จากการระดมทุนของพนักงานในองค์กรไปช่วยเหลือและทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ให้แก่สังคม อาทิ การติดตั้งระบบกรองน้ำสะอาดให้กับน้อง ๆ นักเรียนในโรงเรียนที่ขาดแคลน การมอบอุปกรณ์การเรียนและเงินสนับสนุนเพื่อซ่อมแซมพื้นอาคารเรียนที่ชำรุด การปรับปรุงสนามเด็กเล่น และสร้างลานกิจกรรมเพื่อให้โรงเรียนและชุมชนได้ใช้ประโยชน์


    แนวทางสู่ ‘ความยั่งยืน’ ของ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจ การตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม การเดินหน้าสู่อนาคตที่ยั่งยืนไม่ใช่เพียงแค่ทางเลือก แต่คือเส้นทางสำคัญที่จะสร้างและส่งต่อโลกที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นถัดไป


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘สตาร์บัคส์’ เปิด Community Store แห่งที่ 3 ณ เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม ซื้อเครื่องดื่มทุกแก้วได้บริจาค 10 บาท

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine