Web 3.0 จะช่วยแก้ปัญหาของอินเทอร์เน็ตอย่างไร - Forbes Thailand

Web 3.0 จะช่วยแก้ปัญหาของอินเทอร์เน็ตอย่างไร

แพลทฟอร์มบล็อคเชนคือเรื่องการ decentralization เพื่อกระจายอำนาจไม่ให้คนใดคนหนึ่งคุมทุกอย่าง แต่มันมีความหมายอะไรกับ ข้อมูลส่วนตัว สื่อ และประวัติการท่องอินเทอร์เน็ตต่างๆที่เราทำอยู่ทุกวัน

เราต้องไม่ลืมว่าที่จริงแล้วจุดประสงค์ของ Web 1.0 คือเพื่อสร้างห้องสมุดสำหรับข้อมูล ซึ่งให้ทุกคนเข้าถึงได้ฟรีและสามารถแลกเปลี่ยนหรือส่งต่อข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ซึ่งเชื่อมต่อกันภายใต้เครือข่ายเดียวกัน กลยุทธทางการตลาดของ  Web 2.0 ถ้าพูดง่ายๆไม่ให้ไปดึงดูดนักวิจารณ์หรือผู้เชี่ยวชาญ ก็คือการเชื่อมต่อผู้คนเข้าด้วยกัน

ด้วยข้อมูลมากมายมหาศาลที่ถูกสร้างขึ้นและออนไลน์ตั้งแต่เริ่มแรก มันเป็นธรรมชาติอยู่แล้วที่จะมีคนกลางมาคอยคัดแยก จัดการ และส่งต่อข้อมูลอันมหาศาลเหล่านี้ตามความต้องการของผู้ใช้ และจุดนี้เองที่ทำให้เราตระหนักถึงผลกระทบที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Google YouTube Instagram และ Facebook สร้างในชีวิตประจำวันของเรา

คำว่าเชื่อมต่อกับผู้อื่น จริงๆ แล้วมีหลายความหมาย ซึ่งเราหวังว่าจะอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายที่สุดเพื่อที่จะเข้าใจว่าทำไม บล็อคเชน ถึงจะเป็นเสาหลักของ Web 3.0 เพื่อที่จะหลุดพ้นจากระบบที่เน่าเสียของ Web 2.0 ที่มีแต่บริษัทยักษ์ใหญ่คอยแต่จะทำกำไร

เราได้พอเห็นกันมาบ้างแล้วว่าผู้คนจะโจมตีบริษัทเทคโนโลยีเจ้าใหญ่ๆ หนักมากเมื่อมีคนเปิดโปงว่าบริษัทเหล่านั้นนำข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเราไปใช้หรือแม้กระทั่งขายให้แก่บริษัทอื่น บริษัทเหล่านี้ใช้ algorithm ที่สร้างมาอย่างดีนำข้อมูลของเรามาใช้กับตัวเราเองด้วยการเสนอขายสิ่งที่เราไม่เคยคิดว่าต้องการ

คุณเคยเห็นสินค้าที่ตามเสนอให้กับคุณทุกๆ ที่ใน Google ไหม นี่แหละคือการเจาะผู้บริโภคของ Google และเนื่องจากข้อมูลทุกอย่างของเราถูกเก็บแบบ centralized และถูกนำไปวิเคราะห์เพื่อคาดเดาการกระทำ ความสนใจ และความพึงพอใจของเรา เราจึงไม่มีทางเลือกนอกจากตกเป็นทาสของมัน

เมื่อผู้สร้าง content (เนื้อหา) เชื่อมต่อกับผู้อื่นหรือผู้รับชมผ่านแพลทฟอร์มแบบ centralized ของบริษัทยักษ์ใหญ่ พวกเขาถูกกดดันจากทั้งทางบริษัทเจ้าของแพลทฟอร์มเองและบริษัทที่จ่ายเงินสนับสนุนเพื่อให้ใช้เวลามากขึ้นในการผลิต content ซึ่งได้ผลตอบแทนเพียงน้อยนิด ซึ่งนี่เป็นความจริงสำหรับ YouTubers ในขณะเดียวกันบริษัทเจ้าของแพลทฟอร์มเหล่านี้ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับความชอบส่วนบุคคลอย่างมหาศาล และนำไปใช้เจาะผู้บริโภคเพื่อขายโฆษณามากมาย ซึ่งได้ประโยชน์ทั้งจากผู้สร้าง content ผู้ชม และบริษัทที่มาซื้อโฆษณาในแพลทฟอร์ม

สรุปคือสิ่งที่ไม่สมควรแบบนี้เกิดขึ้นและเราซึมซับมันเข้าไปโดยยอมรับและมองเป็นเรื่องปกติทั้งที่เราได้สูญเสียข้อมูลส่วนบุคคลและความคิดสร้างสรรค์ไป

แต่มันเปลี่ยนแปลงได้

ทุกวันนี้เราเห็นบริษัท startup เกี่ยวกับบล็อคเชนเกิดขึ้นใหม่มากมาย นวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นไปได้ด้วยเทคโนโลยีนี้ทำให้เราไม่ขึ้นกับแหล่งข้อมูลแบบ centralized และสามารถหันมาพึ่ง decentralized ecosystem แทน ซึ่งเราสามารถเข้าสู่การใช้งาน decentralized ecosystem ได้โดยการเป็นเจ้าของ “coins” หรือ “tokens” ซึ่งทำได้โดยการเข้าถึงบล็อคเชนต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์

ที่จริงแล้วรากฐานของ Web 3.0 ซึ่งถูกกลบด้วยกระแสบล็อคเชนและ cryptocurrency ได้ถูกวางไว้แล้ว แต่ที่จริงแล้ว Web 3.0 คืออะไรกันแน่ จริงๆ แล้วก็ยังไม่มีใครที่รู้แน่ชัดว่ามันคืออะไร แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามันเกี่ยวกับการทำให้อินเทอร์เน็ตกลับไปเป็นเหมือนสิ่งที่มันควรจะเป็นก่อนที่จะมีบริษัทใหญ่เข้ามาแสวงหากำไรกับข้อมูลและ content ซึ่งก็คือการส่งต่อของข้อมูลอย่างอิสระผ่านเครือข่ายแบบ peer-to-peer (blockchain) และยังเพิ่มการให้ผลตอบแทนอย่างเป็นธรรมต่อผู้สร้าง content อีกด้วย ทั้งหมดนี่คือการ decentralization ของอินเทอร์เน็ต

บล็อคเชนจะเป็นหนึ่งในเสาหลักที่จะช่วยให้ Web 3.0 แก้ไขปัญหาของ Web 2.0 ได้ เพราะมันมีความปลอดภัยสูงมาก ไม่มีหน่วยงานกลาง โปร่งใส ให้คนเป็นเจ้าของข้อมูลของตนเอง และสามารถเก็บข้อมูลไว้บน cloud ได้แบบ decentralized นอกจากการลงทุนในการเทรด cryptocurrency ในฐานะผู้สร้าง content ยังมีส่วนร่วมในระบบนิเวศ (ecosystem) ที่มุ่งเน้นที่จะให้ผลตอบแทนสูงสุดแก่ผู้สร้าง content โดยไม่มีหน่วยงานกลางคอยควบคุม ในทางตรงกันข้าม จะเกิด community ของผู้สร้าง content และผู้ให้การรับรองที่จะคอยผลักดันโปรเจ็กต์และ content ดีๆให้ได้เกิด

นี่คือ ecosystem ที่ไม่เก็บข้อมูลส่วนบุคคล หรือไม่ก็เก็บแค่อันที่สำคัญ เช่น KYC/AML เพื่อการันตีความชอบธรรมของผู้ถือบัญชี ecosystem ที่คุณจะไม่ถูกเสนอขายสินค้าที่อิงจากการท่องอินเทอร์เน็ตของคุณในช่วงปีที่ผ่านมา แต่จะเป็นเทคนิคการโฆษณาที่ฉลาดและไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของคุณ ecosystem ที่บริษัทยักษ์ใหญ่ยังคงเป็นคนกลางอยู่แต่จะทำเงินจากการเก็บค่าธรรมเนียมการประมวลผลและให้รางวัลตอบแทนการเข้าร่วมใช้งานแพลทฟอร์ม

ทั้งหมดนี้อาจฟังดูเหมือนเพ้อฝัน แต่ที่ Bitkub ด้วยการให้บริการและคำปรึกษาด้าน blockchain และ ICO เราช่วยให้องค์กรต่างๆ ผสานรวมและเป็นส่วนหนึ่งใน ecosystem ของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีนี้ และมันสามารถเป็นจริงได้ถ้าเราเชื่อมั่นพอที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของนวัตกรรมเปลี่ยนโลกนี้อย่างบล็อคเชน ทั้งหมดนี้คือการคืนความเป็นเจ้าของให้กับพวกเราเหล่าผู้ใช้