The Road Not Taken - Forbes Thailand

The Road Not Taken

ครั้งนี้ขอพิเศษหน่อย แทนที่จะพูดถึงทัศนะต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ผมขอแนะนำหนังสือ The Road Not Taken ซึ่งถือเป็นงานชิ้นเยี่ยมเล่มหนึ่ง เขียนโดย Max Boot (สำนักพิมพ์ Liveright, 35 เหรียญสหรัฐฯ) ว่าด้วยเรื่องราวสายลับหัวขบถคนสำคัญที่ถูกลืมจากหน้าประวัติศาสตร์โดยมีฉากหลังที่บอกเล่าความผิดพลาดในสงครามเวียดนามได้อย่างถึงแก่น Edward Lansdale เป็นสายลับที่มีปฏิบัติการไม่ธรรมดาคนหนึ่งของโลก เขาเข้าพบ Robert McNamara รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของรัฐบาลประธานาธิบดี John F. Kennedy

McNamara เป็นอดีตประธานบริษัท Ford Motor เขาเชื่อว่าทุกอย่างสามารถจัดการได้ด้วยตัวเลข (หรือที่ทุกวันนี้เราเรียกว่า“ระบบเมตริก”) McNamara มีไอคิวระดับปรอทแตก บุคลิกที่เย็นชาขนาดพื้นที่ร้อนระอุยังหนาวยะเยือก และเหยียดหยามผู้ที่เขาคิดว่ามีสติปัญญาด้อยกว่าซึ่งก็คือเกือบทุกคน Lansdale ได้รับอนุญาตให้เข้าพบ McNamara เป็นเวลา 10 นาที เพื่อแนะนำท่านรัฐมนตรีว่าสหรัฐฯ ควรจะจัดการกับปัญหาการรุกคืบของคอมมิวนิสต์ในเวียดนามใต้อย่างไร เวลาที่จำกัดนั้นบอกอยู่แล้วว่าการเข้าพบครั้งนี้จะเป็นไปรูปแบบไหน Lansdale เป็นคนที่ควรค่าแก่การรับฟัง ระหว่างที่ทำงานกับบริษัทโฆษณาใน California ในช่วงทศวรรษ 1930 เขาได้แสดงให้เห็นถึงทักษะด้านการเขียนและความเข้าใจในจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับศิลปะการจูงใจ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 Lansdale ได้ทำงานให้กับสำนักบริการด้านยุทธศาสตร์ (Office of Strategic Service: OSS) ซึ่งต่อมาก็คือ CIA ที่มี William Donovan สมญานาม Wild Bill เป็นหัวเรือใหญ่ ที่นั่นเขาเปรียบเสมือนปลาได้น้ำหลังสงคราม เขาย้ายไปประจำหน่วยงานด้านการทหารใหม่ล่าสุดคือกองทัพอากาศ ซึ่งถูกใช้เป็นฉากบังหน้าสำหรับปฏิบัติการของเขาในต่างแดน Lansdale ถูกย้ายไปประจำการที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งกำลังประสบปัญหาการลุกฮือของขบวนการคอมมิวนิสต์ที่แข็งแกร่งภายใต้ ชื่อกองโจร Huk Rebellion แนวทางการรับมือของรัฐบาลและกองทัพฟิลิปปินส์ยิ่งเติมเชื้อไฟให้กับกลุ่มกองโจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสังหารพลเรือนจำนวนมากในการต่อสู้กับกบฏคอมมิวนิสต์ Lansdale เข้าใจได้ทันทีว่าวิธีการดังกล่าวเมื่อใช้กับศัตรูที่สู้รบแบบกองโจรด้วยฝีมือระดับพระกาฬแถมพ่วงด้วยการใช้กลยุทธ์โฆษณาชวนเชื่อที่มีประสิทธิภาพควบคู่ไปด้วยแล้ว ก็คือสูตรสำเร็จของความพ่ายแพ้แบบนองเลือดดีๆ นี่เอง Lansdale ผูกมิตรกับ Ramon Magsaysay นักการเมืองมือสะอาดที่หาไม่ได้ง่ายนักในฟิลิปปินส์ ผู้ที่ต่อมาให้ความไว้ใจLansdale และคบหากับเขาอย่างสนิทสนม ด้วยความช่วยเหลือของ Lansdale Magsaysay ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากนั้นชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี (Lansdale เป็นผู้อยู่เบื้องหลังชัยชนะครั้งนั้น) ผู้นำฟิลิปปินส์ใช้กลยุทธ์ของ Lansdale ในการหาทางเอาชนะสิ่งที่เรียกว่า “จิตใจและความรู้สึกนึกคิดของประชาชน” ผนวกกับการเปลี่ยนแปลงสำคัญในปฏิบัติการทางทหาร จำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บที่เป็นพลเรือนลดลงอย่างมาก Lansdale ยังแสดงให้เห็นด้วยว่าเขามีความเก่งกาจในด้านการโฆษณาชวนเชื่อและการทำสงครามจิตวิทยา สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นชัยชนะของคอมมิวนิสต์อย่างไร้ข้อกังขากลายเป็นความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ เมื่อกองกำลังคอมมิวนิสต์ของ Ho Chi Minh โค่นอำนาจของฝรั่งเศสได้สำเร็จ Lansdale มีบทบาทสำคัญยิ่งยวดในการสถาปนาประเทศเวียดนามใต้ โดยร่วมมือกับ Ngo Dinh Diem พระชาวเวียดนามผู้ที่มักจะใช้เวลาหลายชั่วโมงในการแสดงธรรมเทศนา Lansdale ได้รับความไว้วางใจจาก Diem อย่างที่ไม่มีใครเคยได้รับ ยกเว้นพี่ชายจอมวิตกจริตของเขาในความไม่น่าจะเป็น กอปรกับความช่วยเหลือจาก Lansdale Diem สามารถปราบปรามบรรดาขุนศึกและผู้นำลัทธิที่ทรงอิทธิพลทั้งหลาย จากนั้นประเทศจึงได้รับการสถาปนาขึ้นอย่างแท้จริงภายหลังเศษซากความเสียหายยุคหลังการปกครองของฝรั่งเศส ในปี 1959 ผู้มีบทบาททางการเมืองฝ่ายอนุรักษนิยมในเวียดนามเหนือที่ต่อต้านแนวทางของ Ho Chi Minh ได้ตัดสินใจโจมตีเวียดนามใต้อย่างเต็มกำลัง เหตุนี้เองที่นำไปสู่การพบปะระหว่าง Lansdale และ McNamara แต่ในขณะที่ Lansdale มีความสามารถชนิดหาตัวจับได้ยากในการทำงานกับผู้นำต่างประเทศความเกลียดชังในระบบราชการทำให้เขาไม่เป็นที่โปรดปรานของรัฐบาลที่ Washington McNamara ปฏิเสธคำแนะนำของ Lansdale อันเป็นการสะท้อนทัศนคติที่ว่านี้ แม้ Lansdale จะกลับไปยังเวียดนาม แต่ปฏิบัติการของเขาที่นั่นส่วนใหญ่กลับดำเนินไปอย่างน่าอึดอัดคับข้องใจ เขาไม่ได้รับมอบหมายอำนาจอย่างแท้จริง และสหรัฐฯ เอง ก็ทำความผิดพลาดแบบเดียวกับที่ฝรั่งเศสเคยทำ ยังไม่นับรวมความผิดพลาดเล็กน้อยอื่นๆ ที่สร้างขึ้นเอง โดย STEVE FORBES Editor-in-Chief แห่ง FORBES
คลิกอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ พฤษภาคม 2561 ในรูปแบบ e-Magazine