กับดักความสำเร็จ... ในอดีต - Forbes Thailand

กับดักความสำเร็จ... ในอดีต

เรื่องที่จะเล่าให้ในฟังวันนี้ เป็นเรื่อง “กับดักความสำเร็จ.. ในอดีต” จริงๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องของการลงทุนเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน เรื่องการทำธุรกิจ หรือเรื่องการลงทุนด้วยก็ดี กับดักความสำเร็จ.. ในอดีต คืออะไร? ขอยกตัวอย่าง ข้อแรกเพื่อให้เข้าใจง่ายๆ เมื่อเราเรียนหนังสือเก่งกว่าเพื่อน เรามักจะคิดว่า ตนเองจะต้องประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าคนอื่น แต่ในโลกของความจริง กลับมีคนเรียนเก่งหลายๆ คน ที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จเปรี้ยงปร้างตามที่ใจคิดไว้ ทำให้คนที่เรียนหนังสือเก่ง รู้สึก Fail ในตนเอง และไม่เข้าใจ เพราะความสำเร็จในอดีตมา.. ในโลกของคนทำงาน บางคนที่มีความสามารถในการสร้าง Products ขึ้นมาเพื่อขาย คิดทำธุรกิจเก่งมากๆ และมักจะคิดว่าตนเอง สามารถขายอะไรก็ได้ ปั้นอะไรมาขายก็ได้ หรือเข้าลงมาแล้วสำเร็จแน่นอน ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็ไม่ใช่ ในชีวิตจริงมันเป็นได้ทุกอย่างยกเว้นเป็นไปตามแผน ยกตัวอย่าง นักธุรกิจบางคนที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ทำธุรกิจแบบแรกดังเปรี้ยง! ได้ แต่เมื่อได้ขยับมาทำสินค้าอีกประเภทกลับแป้ก! นั้นเพราะจริงๆ แล้วความสำเร็จ มันมีองค์ประกอบหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Timing ของการทำธุรกิจ มีเรื่องความต้องการของตลาด เป็นต้น ซึ่ง “ความสำเร็จ.. ในอดีต” ไม่ได้เป็นสิ่งที่รับประกันว่า เราจะทำอะไรสำเร็จทุกอย่าง! แต่เรากลับคิดว่าเป็นอย่างนั้นเพียงเพราะเราไปคิดว่าเราเคยทำสำเร็จมาแล้ว สิ่งนี้ คือ เราได้ติดกับดักเรียบร้อยแล้ว.. สำหรับเรื่องการลงทุน  “กับดักความสำเร็จ.. ในอดีต” ถือเป็นเรื่องที่คลาสสิกที่สุด ยกตัวอย่าง คนที่ลงทุนในปี 2008-2009 ซึ่งเป็นช่วงที่ SET ถูกมาก และมีช่วงที่ SET ปรับขึ้นรอบใหญ่ และเผอิญว่า เราได้เลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ ที่ทำกำไรได้ 3-5 เท่า จากราคา 1 บาท ขึ้นไป 5 บาท ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง ว่าเราเก่งมาก เรารวยแล้ว ประสบความสำเร็จแล้ว และคิดหลงไปว่า ดวงของเรา ถูกโฉลกกับหุ้นพลังงานหรือคิดว่า แนวลงทุนของเรา ถูกโฉลกกับหุ้นอสังหาริมทรัพย์ทำให้ทุกครั้งๆ หรือทุกๆ รอบที่เล่นหุ้น จะเลือกหุ้นสองกลุ่มนี้ แต่ถ้ารอบหุ้นมันไม่ใช่ผลก็ไม่เวิร์ค! นี่เป็นสิ่งสะท้อนว่า เราได้ยึดติดกับความสำเร็จในอดีตไปแล้ว แต่สถานการณ์จริงภาวะอารมณ์ของตลาดเปลี่ยนได้ตลอดเวลา สนามรบมันเปลี่ยนได้เสมอ ถ้าเมื่อไหร่ที่เรายังคงยึดติดกับ ความสำเร็จในอดีต เราจะเริ่ม งง และเกิดคำถามมากมาย ว่า ทำไม? อะไรๆ ไม่เป็นไปตามแผน ทั้งๆ ที่ทำทุกอย่างเหมือนเดิมเป๊ะ! ซึ่งความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในกรณีนี้ คือ การที่เราทำอะไรเหมือนเดิมเป๊ะ ในสถานการณ์ที่เปลี่ยน.. ผมมีมุมมองและแนะนำว่า จะทำอย่างไร เราจึงจะสามารถหลุดพ้นจากกับดักความสำเร็จ.. ในอดีตของตัวเราเองได้? โดยโฟกัสในเรื่องของการลงทุน มุมมองแรก คือ ปรับมายด์เซ็ตของตัวเราเอง ว่าต้องพร้อมเปลี่ยนตลอดเวลา เป็นนักเรียนตลอดเวลา เพราะเมื่อเราเก่งในบางเรื่อง จนถูกยกให้เป็น ครู อาจารย์ เซียน กูรู หรือเรียกเรา ว่า ท่านผู้รู้ เมื่อเราอยู่ในสถานะที่สูง ต้องเตือนตนเองเสมอ ว่า เราสามารถเปลี่ยนจากครู เป็นนักเรียนได้ตลอดเวลา เราต้องไม่มีหัวโขนตรงนี้ เพราะถ้าเมื่อไหร่ เรายึดติดกับหัวโขน ยึดติดกับตัวตนเดิมๆ เวลานั้นเราจะพัง! มุมมองที่สอง คือ ต้องเป็นผู้ที่สามารถหักล้างคำพูดของตนเอง ยกตัวอย่างเช่น เราเคยบอกว่าอสังหาฯ คือ The Winner และจะเป็นอีกนาน  แต่หากรอบนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว โดยอาจจะเป็นรอบของหุ้นโรงไฟฟ้า หรือหุ้นโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งสำคัญที่เราต้องรีบทำ คือ ต้องกล้าพูด ว่าอสังหาฯ ไม่ดีอีกต่อไปแล้ว ซึ่งการที่ออกมาหักล้างคำพูดของตนเอง จะเป็นการดีต่อเราเองที่สุด เพราะธรรมชาติของตลาดหุ้น จะอยู่ที่ว่า เมื่อตลาดมันเปลี่ยน มุมมองการลงทุนเราต้องเปลี่ยนตาม จะมีแต่เพียง คนบ้า คนที่เสียสติ เท่านั้น ที่ยังคงยึดติดกับเรื่องในอดีต ยังคงมองเห็นภาพเดิม! ซึ่งผมกล้ารับรองว่า ในกรณีเช่นนี้ หากเราไม่กล้าพูดหักล้างคำพูดของตนเอง จะต้องมีผู้อื่น ออกมาพูดหักล้างคำพูดของเราอย่างแน่นอน กรณีนี้จะส่งผลเสียกับเรามากกว่า มุมมองที่สาม ถือเป็นสิ่งที่ยืนยันได้เลย ว่า สิ่งไหนที่เคยเวิร์คในอดีต สิ่งไหนที่เคยดีมากๆ ในรอบต่อไปสิ่งนั้น อาจจะไม่ใช่พระเอกอีกต่อไป อาทิ ใครเคยเล่นหุ้นพลังงาน ที่เคยขึ้นมหาศาลในอดีต หรือ หุ้นพลังงานทางเลือก ในช่วง 3-4 ปี ก่อน ที่ในเวลานั้นปรับขึ้นรอบละ 10 เด้ง แต่ในรอบปัจจุบันที่ SET ปรับตัวขึ้น เห็นได้ชัดว่า หุ้นพลังงานทางเลือกไม่ปรับขึ้นเลย กลับเป็นรอบของ หุ้นลีสซิ่ง ที่ขึ้นมาเป็นพระเอก แต่หลังจากนี้ ผมสามารถบอกได้เลยว่า ในรอบหน้า หุ้นลีสซิ่ง จะไม่มาอีก เพราะจุดอิ่มตัวแล้ว! สิ่งสำคัญอีกประเด็นที่ต้องระวัง คือ ต้องคิดเสมอว่า ในอดีตเคยได้กำไรมาเท่าไหร่ ไม่ได้แปลว่าจะต้องได้กำไรเท่าเดิม เช่น เคยได้หุ้นมา 5 เด้ง ครั้งที่แล้ว จากการซื้อหุ้นแบบนี้ ไม่ได้ยืนยันว่า รอบนี้จะทำได้ 5 เด้ง จากการซื้อหุ้นแบบเดิม ในความจริง อาจจะได้ไม่เท่าเดิม หรืออาจจะได้มากกว่าเดิม ขอย้ำอีกครั้งครับ ว่า เราต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนตลอดเวลา เราต้องเป็นนักเรียนตลอดเวลา และพร้อมที่จะกล้าหักล้างคำพูดตัวเองตลอดเวลา เพื่อที่เราจะเอาชนะ กับดักความสำเร็จ.. ในอดีตของเราให้ได้ เพราะความน่ากลัวที่สุดในเวลานี้ คือเราอยู่ในโลกของ Social Network มี Facebook ดังนั้นสิ่งที่เราพูด สิ่งที่เราแสดงความคิดเห็นออกไป จะกลายเป็นของสาธารณะ แต่การที่เรารู้สึกเสียหน้าหรือยึดติดกับคำพูดเดิมๆ หรือความเชื่อในอดีต โดยเฉพาะภาพความสำเร็จในอดีต จนไม่กล้าแตะต้องมัน .. สิ่งนี้จะดึงเราเข้าติด “กับดักความสำเร็จ.. ในอดีต ของเรา” แน่นอนครับ!