Mega Trend for Life ก้าวที่ท้าทายของโลกธุรกิจ ตอนที่ 3 - Forbes Thailand

Mega Trend for Life ก้าวที่ท้าทายของโลกธุรกิจ ตอนที่ 3

Forbes Thailand เลือกนำเสนอ mega trend ที่ประกอบด้วยกระแสความเป็นเมืองขนาดใหญ่ หรือ urbanization สังคมผู้สูงอายุ พลังของผู้หญิง และการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อให้ทุกคนได้มีมุมมองต่อแผนการดำเนินธุรกิจ กลยุทธ์การตลาด การมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการลงทุนประโยชน์จากแนวโน้มเหล่านี้

Sustainability เทคโนโลยีมุ่งสู่ความยั่งยืน “เทคโนโลยี” เป็นส่วนสำคัญในการปฏิรูปอุตสาหกรรมทุกทศวรรษที่ผ่านมา ช่วยส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีและมีความสุขยั่งขึ้น ขณะเดียวกันเทคโนโลยีได้ช่วยสร้างสังคมที่ดี ให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน (sustainable development) หรือความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน (growing sustainability) ได้เป็นรูปธรรม และกลายเป็น mega trend สำหรับโลกของธุรกิจในทศวรรษใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นการพัฒนาที่ยั่งยืน (sustainable development) ประกอบด้วย 3 เสาหลัก ได้แก่ความยั่งยืนด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม โดยการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการของมนุษย์ในปัจจุบันโดยไม่เบียดเบียนศักยภาพและทรัพยากรของคนรุ่นหลัง เพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง เป็นความยั่งยืนที่สามารถอยู่ในองค์กรได้ และทำให้ธุรกิจมีความยั่งยืน “ความสำเร็จที่สร้างความยั่งยืนให้องค์กรและให้สังคมด้วยนั้น ต้องมาจากความตื่นตัวด้านสังคมด้วย โดยเฉพาะเรื่องสิ่งแวดล้อมซึ่ง IBM เป็น leader company ทางด้านอุตสาหกรรมไอทีทั้งเรื่องความสามารถด้านการผลิตและให้บริการด้านคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา IBM ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนซึ่งถือว่ายากมากที่องค์กระดับโลกจะมองอะไรที่มากกว่าตัวองค์กรเอง ทั้งที่ IBM อยู่ในมาตราฐาน ISO 14001 แล้วก็ตาม” ปฐมา จันทรักษ์ รองประธานด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย (IBM) กล่าว
ปฐมา จันทรักษ์ รองประธานด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย (IBM)
ไอบีเอ็ม ประเทศไทย เป็นหนึ่งในบริษัทสาขาของ IBM (International Business Machines) หรือบิ๊กบลู (ยักษ์สีฟ้า) ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และให้บริการด้านคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ ที่บุกเบิกเทคโนโลยีเมนเฟรมและนาโนเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลก สัญชาติอเมริกัน ซึ่งก่อตั้งมาร่วม 109 ปี จนกลายเป็นบริษัทสารสนเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีสาขามากกว่า 170 ประเทศทั่วโลก และครองตลาดเทคโนโลยีอันดับต้นในภูมิภาคเอเชีย ให้ ความสำคัญเรื่อง sustainable development อย่างเป็นรูปธรรมด้วยเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาสินค้าและบริการให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น IBM จึงเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพสินค้าของตน การบริการ ความไว้วางใจของผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ต่างๆ ที่ทำงานถูกต้องแน่นอนไม่ผิดพลาดเป็นเวลานาน และความคงทนถาวรไม่ชำรุดเสียหายง่ายซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ IBM สามารถรักษาไว้อย่างยั่งยืนและประสบผลสำเร็จในการแยกแยะผลิตภัณฑ์ของบริษัทแต่ละบริษัทโดยไม่หยุดนิ่ง “ผลิตภัณฑ์ล่าสุดที่ IBM ทำตลาดคือ A-AI , B-Blockchain & C-Cloud โดย AI (artificial intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาช่วยบริหารจัดการระบบโครงสร้างพื้นฐาน ด้านไอทีให้ยืดหย่นุ และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น อย่างด้านการเกษตร ด้วยการพัฒนาแดชบอร์ดอัจฉริยะและแอปพลิเคชันบนมือถือ เพื่อช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญและชาวไร่ได้รับข้อมูลเชิงลึกโดยอาศัยเทคโนโลยี AI, IoT และข้อมูลสภาพอากาศที่มีความแม่นยำสูง ร่วมกับข้อมูลความสัมพันธ์เชิงเวลาและพื้นที่ (เช่น ภาพถ่ายพืชผลจากกล้องหลายช่วงคลื่นที่เก็บภาพมาจากดาวเทียมหลายตัว ข้อมูลดินข้อมูลแบบจำลองความสูงของภูมิประเทศในรูปแบบดิจิทัล) ร่วมกับข้อมูลทางการเกษตร สำหรับ Blockchain คือ ระบบโครงข่ายในการเก็บบัญชีธุรกรรมออนไลน์ มีลักษณะเป็นเครือข่ายใยแมงมุมที่เก็บสถิติการทำธุรกรรมทางการเงินและสินทรัพย์อื่นๆ โดยไม่มีตัวกลาง ได้แก่ TradeLens แพลตฟอร์มบล็อกเชนของ IBM ที้ใช้ในกรมศุลกากรไทยหน่วยงานราชการลำดับที่ 2 ในประเทศกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นอันดับที่ 3 ในประเทศกลุ่มเอเชียแปกซิฟิกที่นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ เพื่อเปลี่ยนกระบวนการค้าระหว่างประเทศให้เป็นระบบดิจิทัล ช่วยให้กรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทางเรือระหว่างประเทศ สามารถเข้าถึงข้อมูลทางการค้าระหว่างประเทศบนแพลตฟอร์มเดียวกันได้แบบเรียลไทม์ มีเครื่องมือในการติดตามแบบอัตโนมัติและแม่นยำ ส่งผลให้การทำงานมีความปลอดภัย โปร่งใส และมีประสิทธิภาพมากขึ้น อันสุดท้ายคือ Cloud ในรูปแบบ Hybrid Cloud ที่เป็นการผสมผสานระหว่างระบบโครงสร้างพื้นฐานของระบบ Private Cloud และ Public Cloud เพื่ออุดข้อเสียของ Cloud ทั้งสองรูปแบบนี้ และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการได้มากยิ่งขึ้น โดย IBM ร่วมมือกับ Red Hat บริษัทด้านซอฟต์แวร์ OpenSource และเป็นผู้นำตลาดของระบบปฏิบัติการลินุกซ์ ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทคือ Red Hat Enterprise Linux (Linux OS ตัวหนึ่ง) โดย Red Hat เป็น Distribution หนึ่งใน Linux ที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในอเมริกา” นอกจากนี้ IBM มีบริการดูแล infrastructure ที่ฝีมือไม่เคยตกชั้นในอันดับต้นของโลก ผนวกกับความเชี่ยวชาญในทุกผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีใหม่อย่างลงตัว โดยเฉพาะการดึงแอปพลิเคชันสมัยใหม่ให้สามารถใช้บน Cloud และขจัดปัญหาเรื่องความไม่เสถียรของอัตราความเร็ว และความปลอดภัยขณะใช้งาน เป็นผลให้สามารถลดค่าใช้จ่ายให้ลูกค้าได้อย่างน้อยร้อยละ 10 “เพื่อช่วยลูกค้าให้ประสบความสำเร็จในยุค digital transformation ในการนำเทคโนโลยีเข้าสู่การดำเนินธุรกิจที่มีความจำเป็นต้องใช้ analytics ขับเคลื่อนองค์กรโดยใน 2-3 ปี ข้างหน้า IBM มองเห็นตัวเองเป็นอันดับ 1 ใน Blockchain เรามีความภาคภูมิใจในเรื่องนี้เพราะเราไม่ได้เป็นศูนย์กลาง Blockchain เฉพาะในไทย แต่ IBM ยังเป็นศูนย์กลาง Blockchain ของอาเซียน เพราะเราสามารถ นำ Blockchain เขาไปอยู่ใน 22 ธนาคารในไทย และ 11 สถาบันทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร” ปฐมากล่าวทิ้งท้าย อ่านเพิ่มเติม: Mega Trend for Life ก้าวที่ท้าทายของโลกธุรกิจ ตอนที่ 2 เรื่อง: กนกวรรณ ไม้สนธิ์  ภาพ: จันทร์กลาง กันทอง
คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine