นักวิเคราะห์สะท้อนมุมมองเศรษฐกิจไทยในอนาคต พร้อมภาพความเปลี่ยนแปลงหลังวิกฤต และโจทย์ท้าทายของเศรษฐกิจโลกถึงเศรษฐกิจไทยยุคหลัง โควิด-19 สิ้นสุดลง
การคิดค้นวัคซีนเพื่อต้านการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้สำเร็จ และเริ่มแผนการฉีดวัคซีนแล้วในหลายประเทศ ประกอบกับมาตรการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลต่างๆ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดี Joe Biden ที่ออกมาตรการฟื้นฟู (American Rescue Plan) มูลค่า 1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และตามมาด้วยแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (Build Back Better Plan) อีกราว 2 ล้านล้านเหรียญ ส่งผลให้ทิศทางของเศรษฐกิจโลกปี 2564 กลับด้านอย่างชัดเจนจากปีก่อนที่ติดลบกันถ้วนหน้า มองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวแรง จากตัวเลขล่าสุดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยประเมินว่า GDP โลกปีนี้จะขยายตัวที่ 6.0% และ GDP สหรัฐอเมริกาเติบโตที่ร้อยละ 6.4 นั่นสะท้อนถึงความร้อนแรงของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและโลกได้อย่างชัดเจน ด้าน ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาสถาบัน วิจัยภัทร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า ไตรมาส 3 จะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจอเมริกาคึกคักมากที่สุด โดยทาง Bank of America Merrill Lynch ประเมิน GDP ไตรมาส 3 คาดการณ์การเติบโตได้ถึงระดับร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ชาวอเมริกันที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และคาดว่าเดือนมิถุนายน ชาวอเมริกันเกินกว่า 100 ล้านคนจะได้รับวัคซีนแล้ว โดยมีความเป็นไปได้ว่าประชาชนกว่าร้อยละ 70 (ของจำนวนประชากรกว่า 320 ล้านคน) น่าจะได้รับ วัคซีนไม่ 1 ก็ 2 เข็มต่อคน นั่นหมายถึง การเข้าใกล้ Herd Immunity (ภูมิคุ้มกันหมู่) เข้าไปทุกที นอกจากนี้ ภายใต้แผนฟื้นฟู 1.9 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการแจกเงินแบบให้เปล่าแก่ประชาชนจำนวน 1,400 เหรียญต่อคน รวมกับก่อนหน้ารัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี Donald Trump แจก 900 เหรียญต่อคน ทำให้ชาวอเมริกันมีเงินตุนอยู่ในกระเป๋าพร้อมที่จะจับจ่ายมากกว่า 2,000 เหรียญ ผลักดันให้เกิดความต้องการสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากต้องอัดอั้นมานาน และอีกปัจจัยที่จะผลักดัน ให้เกิดการใช้จ่ายมากคือ อยู่ในช่วงของวันชาติ (4 กรกฎาคม) “ความต้องการทั้งสินค้าและบริการจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ปริมาณสินค้าที่มีอยู่จำกัดจะ ผลักดันให้ราคาพุ่งสูงขึ้น ในจุดนี้จึงต้องติดตามว่า ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นไปจะเป็นการปรับเพิ่มขึ้นเพียงชั่วคราว หรือจะติดลบบนไตรมาส 4 จึงจะเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญว่าทิศทางเงินเฟ้อจะเป็นอย่างไร เศรษฐกิจจะ Over Heat หรือไม่ ซึ่งต้องดูด้วยว่า ในวันนั้นธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะมีปฏิกิริยาอย่างไร” อย่างไรก็ตาม โอกาสที่เงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นเร็วเกินกว่าคาด ทั้ง Fed และ IMF มองว่า มีน้อยมาก เพราะในระยะสั้น แม้เศรษฐกิจอเมริกาจะฟื้นตัวแรง แต่เศรษฐกิจโลกไม่ได้ ฟื้นตัวตาม ซึ่งจากการคำนวณประมาณการ คร่าวๆ พบว่า Global Output Gap อยู่ที่ ประมาณร้อยละ 5 หมายความว่า การผลิตจริงของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าศักยภาพการผลิต หรือมีศักยภาพส่วนเกินอยู่ร้อยละ 5 ดังนั้น โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะร้อนแรงมากตามความเห็นของ Fed และ IMF จึงคิดว่ามีน้อย รวมถึงมีความเป็นไปได้ว่า อเมริกาจะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้น
แนะปรับโครงสร้างสู่เศรษฐกิจใหม่
ด้านบทวิจัย KKP Research โดย เกียรตินาคินภัทรได้ตอกย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย แม้ในปีนี้จะคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ไว้ที่ร้อยละ 2 หลังจากหดตัวรุนแรงติดลบร้อยละ 6.1 เมื่อปี 2563 แต่เมื่อมองไปในระยะยาวถึงการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างของเศรษฐกิจโลกที่มีโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้เกิดเร็วขึ้น โครงสร้างของไทยกลับยังไม่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในระยะยาว KKP Research ระบุว่า วิกฤตเศรษฐกิจในแต่ละรอบ เศรษฐกิจไทยไม่เคยกลับมาเติบโตได้เท่าเดิมอีก เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทย Return on Equity (ROE) ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ตกต่ำลง ตั้งแต่ช่วงหลังวิกฤตปี 2551 จากที่เคยเติบโตได้ร้อยละ 17.4 ในปี 2546-2550 เหลือร้อยละ 12.1 ในปี 2551-2556 และร้อยละ 9.5 ในปี 2557-2562 สะท้อนถึงความสามารถในการสร้างรายได้และทำกำไรของบริษัทไทยเริ่มมีโอกาสน้อยลงเรื่อยๆ ส่วนวิกฤตโควิด-19 ในรอบนี้ ทั้งตลาดหุ้นไทย และเศรษฐกิจไทย อาจไม่กลับไปเหมือนก่อนเกิดโควิด-19 อย่างถาวร หากโครงสร้างเศรษฐกิจไทยยังไม่เปลี่ยนแปลงไปตามเทรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นหลัง โควิด-19 โดยพบว่า เทรนด์ของเศรษฐกิจและการเงินโลกที่เริ่มมีพัฒนาการมาแล้ว และ โควิด-19 เป็นตัวเร่งให้เกิดเร็วขึ้นกว้างขวางยิ่งขึ้นกว่าเดิมนั้นมีอย่างน้อย 3 เรื่อง ดังนี้ การทำธุรกิจรูปแบบใหม่ โควิด-19 สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อพฤติกรรมผู้บริโภค โดยมีการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการทำงานและการดำเนินชีวิต โลกาภิวัตน์รูปแบบใหม่ โควิด-19 ส่งผลให้ความเชื่อมโยงทางด้านการค้าและการผลิตรูปแบบเดิมเปลี่ยนไป นโยบายการเงินรูปแบบใหม่ โควิด-19เร่งให้มีการใช้เครื่องมือนโยบายการเงินใหม่ๆ อย่างแพร่หลาย ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจไทยในโลกหลัง โควิด-19 กำลังจะถูกกระทบจาก 3 เทรนด์ ใหญ่ของโลก ประกอบด้วย Knowledge Economy อุตสาหกรรมเก่าของไทยกำลังจะถูกแทนที่ด้วยเศรษฐกิจแห่งความรู้ มูลค่าของธุรกิจจะถูกกำหนดด้วยความรู้ใหม่ๆ เช่น ทรัพย์สินทางปัญญา อัลกอริทึม มากกว่าแรงงานและทุน ซึ่งธุรกิจ 4 ด้านหลักของไทยกำลังมีความเสี่ยงถูกกระทบจากเทรนด์ที่เปลี่ยนไป ส่งผลต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยในภาพรวมที่จะทำให้ไม่สามารถกลับไปเติบโตในระดับเดิมได้อีก ได้แก่ ธุรกิจยานยนต์แบบเก่าอาจถูกแทนที่ด้วยรถยนต์แบบไฟฟ้า การท่องเที่ยว และการเดินทางอาจไม่กลับมาเติบโตได้เหมือนเก่า ธุรกิจค้าปลีกอาจถูกแทนที่ด้วย E-commerce และรายได้ของภาคการเงิน โดยเฉพาะธนาคารจะถูกกดดันจากผู้ให้บริการรูปแบบใหม่ และอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจทั้ง 4 กลุ่ม ซึ่งมีขนาดรวมกันประมาณีร้อยละ 42 ของมูลค่าเศรษฐกิจทั้งหมด อาจถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นแล้ว แม้ผลกระทบอาจจะไม่ใช่ทุกบริษัทที่จะถูกแทนที่ แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าถึงเวลาที่ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องเริ่มปรับตัวอย่างจริงจัง ส่วนเทรนด์ต่อมาที่สำคัญ ได้แก่ กระแสโลกาภิวัตน์แบบเก่า ซึ่งเริ่มถึงจุดอิ่มตัว ทำให้การพึ่งพาต่างประเทศไม่ใช่คำตอบสำหรับประเทศไทยอีกต่อไป รวมถึงเทรนด์สุดท้ายคือ สงครามค่าเงิน (Currency War) อันเกิดจากการอัดฉีดเงินอย่างมหาศาลจากธนาคารกลางทั่วโลก อาจทำให้ท้ายที่สุด โลกจะเข้าสู่ยุคของสงครามค่าเงินโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งยังอาจจะกดดันค่าเงินบาทรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทบต่อผู้ส่งออกสินค้าผ่านรายได้ที่ลดลง และส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขัน
อ่านเพิ่มเติม: “โรช ไทยแลนด์” เผยการอนุมัติใช้ยา “แอนติบอดี ค็อกเทล” กับผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศไทย
คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับพิเศษประจำเดือนมิถุนายน 2564 ในรูปแบบ e-magazine
