เพชร...ทางเลือกที่เลอค่าและน่าลงทุน - Forbes Thailand

เพชร...ทางเลือกที่เลอค่าและน่าลงทุน

“เพชร” อัญมณีสุดเลอค่าที่ธรรมชาติรังสรรค์มอบเป็นของขวัญให้มวลมนุษยชาติ ด้วยเอกลักษณ์ที่ไม่มีสิ่งอื่นใดมาเทียบเคียง ทำให้เพชรไม่เพียงเป็นเครื่องประดับของชนชั้นสูงมาตั้งแต่อดีต แต่ยังกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งคำมั่นสัญญาของคู่รัก และมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น เพชรเป็นทางเลือกใหม่ของการลงทุน ที่นอกเหนือจากการลงทุนในตราสารหนี้ หุ้น ทองคำ หรืออสังหาริมทรัพย์

เพชรยังเป็นสินทรัพย์ทางเลือกสำหรับนักลงทุน เพราะนอกจากคุณค่าที่กล่าวมาข้างต้น เพชรยังเป็นหนึ่งในไม่กี่สินทรัพย์ที่คงทนเป็น 100 ปี โดยคุณค่าและมูลค่าไม่เลือนหายไปตามกาลเวลา ไม่อ่อนไหวไปตามสถานการณ์โลก หรือสภาพเศรษฐกิจโดยตรงเฉกเช่นสินทรัพย์อื่น จากประวัติศาสตร์ของเพชร พลังหลักที่มีผลต่อราคาคือกลไกตลาดตราบเท่าที่ความนิยมและความต้องการในเพชรยังคงเพิ่มขึ้น สวนทางกับปริมาณเพชรในธรรมชาติที่มีอยู่จำกัด ราคาก็ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นการลงทุนทางเลือกที่ยั่วตายั่วใจนักลงทุนอยู่วันยันค่ำ เพชรมีตลาดเฉพาะตัว แม้จะมีสถาบันที่กำหนดราคากลางทุกสัปดาห์ แต่ราคานี้ไม่สามารถอ้างอิงได้เหมือนราคากลางของทองและน้ำมัน เนื่องจากมีปัจจัยภายนอกเข้ามามีอิทธิพลผลต่อราคา นอกเหนือจากสเปกของเพชรด้วยมูลค่าของเพชรแต่ละเม็ดที่มีราคาทำให้เพชรไม่สามารถซื้อง่ายขายคล่อง แปลงสินทรัพย์เป็นเงินสดได้ทันใจ แถมไม่ได้เป็นรายได้ที่ให้เงินทำงานแทนตัวเอง (passive income) ให้เห็นกันแบบรายเดือนหรือรายปี สำหรับนักลงทุนที่จะลงทุนในเพชรต้องทำการบ้านให้หนัก ต้องเข้าใจธรรมชาติของเพชร

รู้เขารู้เรา ลงทุนแล้วไม่เจ็บตัว

ก่อนจะคิดถึงการลงทุน ต้องรู้จักคุณสมบัติพื้นฐานของเพชร ซึ่งประกอบด้วย 4 คุณลักษณะ เรียกว่า 4 Cs ได้แก่ 1. Carat Weight (กะรัต)  2. Cut (การเจียระไน)  3. Color (สี) และ 4. Clarity (ความสะอาด) โดยธรรมชาติของเพชรนั้นมีหลายสี แต่โดยทั่วไปมักพบเพชรที่มีลักษณะใสหรือไม่มีสี ส่วนเพชรที่มีสีเหลืองเข้ม น้ำตาล ฟ้า ชมพู ม่วง หรือส้ม จัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่าเพชรสีแฟนซี (Fancy Color Diamond) ในการจัดคุณภาพของ เพชร แต่ละเม็ดนั้น ต้องได้รับการการันตีจากสถาบันที่มีความน่าเชื่อถือ มีใบรับรองเพื่อยืนยันว่าเพชรเม็ดนี้ผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดในเรื่องของขนาด สี ลักษณะตำหนิ และการเจียระไนตามมาตรฐานสากลที่คนทั้งโลกให้การยอมรับ ปัจจุบันมีสถาบันด้านอัญมณีอยู่หลายแห่งทั่วโลกที่ออกใบรับรองคุณภาพเพชร แต่ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก และได้รับความนิยมมากที่สุดในวงกว้าง คือ สถาบันหลักได้แก่ GIA (Gemological Institute of America) ของสหรัฐอเมริกา เพชรทุกเม็ดที่ผ่านการรับรองจาก GIA เหมือนมีสมุดพกที่คนทั้งโลกให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจ เลือกของดี ความต้องการสูง ผลตอบแทนงาม ถ้าคิดจะครอบครองเพชรสักเม็ดโดยเฉพาะเพื่อการลงทุนระยะยาว ควรเลือกเพชรคุณภาพดีเป็นสินทรัพย์ตั้งต้น อย่างน้อยก็ต้องมีใบรับรองการันตีว่าระดับ Triple Excellence สำหรับเพชรกลม เพิ่มความอุ่นใจว่าสามารถขายต่อได้ไม่ยาก ยิ่งโลกยุค 4.0 ตลาดซื้อขายเพชรไม่ได้ถูกขีดคั่นด้วยพรมแดนอีกต่อไป สามารถซื้อขายกันได้ทั่วโลก สำหรับผลตอบแทนที่จะได้รับจากการลงทุนเพชร ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ถ้าถือครองเพชรน้ำงาม มีความต้องการสูง ปริมาณเพชรไม่ล้น เมื่อหักลบความสุขที่ได้ครอบครองเพชรเม็ดงามแล้ว ผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 5% แน่นอน มั่นใจว่าเอาชนะตัวเลขเงินเฟ้อได้สบาย เรื่อง: พุสดี สิริวัชระเมตตา
คลิกเพื่ออ่านบทความทางด้านการลงทุนได้ที่ Forbes Wealth Management & Investing 2019 ในรูป e-Magazine