PTTGC รับเหมาบริหารสายปิโตรเคมีจาก ปตท. พร้อมเผยกลยุทธ์เร่งต่อยอดการลงทุนจาก โครงการรวมมิตร - Forbes Thailand

PTTGC รับเหมาบริหารสายปิโตรเคมีจาก ปตท. พร้อมเผยกลยุทธ์เร่งต่อยอดการลงทุนจาก โครงการรวมมิตร

FORBES THAILAND / ADMIN
07 Mar 2018 | 07:52 AM
READ 5693

PTTGC ต่อยอดการลงทุนและขยายธุรกิจสายปิโตรเคมี 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท HMC Polymers (HMC) บริษัท PTT Asahi (PTTAC) และ บริษัท  PTTMCC Biochem (PTTMCC) ที่ได้รับโอนจาก ปตท. ในแนวทางที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของทั้ง PTTGC และพันธมิตรผู้ถือหุ้น พร้อมเน้นย้ำกลยุทธ์ สร้างจุดร่วม และกำหนดแผนงานสร้างมูลค่าเพิ่มร่วมกัน (Synergy value) มุ่งการเติบโตร่วมกันอย่างบูรณาการและยั่งยืน โดยทั้ง 3 บริษัท มีผลประกอบการในปี 2560 ในระดับที่น่าพอใจ

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล  เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) กล่าว หลังจากที่ PTTGC ได้เข้าเป็นผู้ถือหุ้นและร่วมบริหารบริษัทสายปิโตรเคมี ที่ได้รับโอนจาก ปตท. ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2560 “ภารกิจแรกสำหรับ บริษัท HMC Polymers (HMC), บริษัท PTT Asahi (PTTAC) และบริษัท PTTMCC Biochem (PTTMCC) ก็คือ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับพันธมิตรผู้ถือหุ้นของทั้ง 3 บริษัท ในฐานะผู้ถือหุ้นใหม่ เพื่อสร้างความเข้าใจ สร้างกลยุทธ์ร่วม และนำศักยภาพของทั้งสองฝ่าย มาต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ทั้งสองฝ่ายร่วมกัน”
สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีที โกลบอล  เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC)
ทั้งนี้ บริษัท พีทีที โกลบอล  เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ได้กำหนดแผนงานสร้างมูลค่าเพิ่มร่วมกัน (Synergy value) ซึ่งจะดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายในปี 2561 โดยการลงทุนในธุรกิจ ABS (Acrylonitrile-Butadiene-Styrene) ซึ่งเป็นพลาสติกที่สำคัญใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยใช้วัตถุดิบหลัก ได้แก่ อะคริโลไนไตรล์ (Acrylonitrile: AN) ที่ผลิตได้จากบริษัท PTTAC ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมกับวัตถุดิบหลัก Butadiene ซึ่ง PTTGC ผลิต รวมทั้งวัตถุดิบ Ethylene และ Benzene ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต Styrene Monomer (SM) โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างโรงงานผลิต SM ซึ่งจะช่วยเติมเต็มห่วงโซ่ธุรกิจ (Business Value Chain) ของธุรกิจ Polystyrene (PS) ในปัจจุบัน และรองรับการขยายธุรกิจ ABS อันจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการบูรณาการตลอดสายห่วงโซ่ (Integration and Synergy Value) และช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสายธุรกิจนี้ได้อย่างดียิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าจะได้บทสรุปและผลการศึกษาในระยะเวลาอันใกล้ ในส่วนของบริษัท บริษัท HMC Polymers HMC ซึ่งเป็นผู้นำทางด้านธุรกิจสาย Polypropylene (PP) จะเพิ่มศักยภาพในการขายและเข้าถึงลูกค้าของ PTTGC ได้มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดเป้าหมายใน CLMV (Cambodia, Laos, Myanmar, Vietnam) และอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ตลอดจนการนำเม็ด PP มาเป็นวัตถุดิบสำคัญในการต่อยอดธุรกิจด้าน High Value Products (HVP) นอกจากนี้ บริษัท  PTTMCC Biochem (PTTMCC) ผู้ผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพ PBS (Poly Butylene Succinate) ถือเป็นบริษัทใหม่ที่ต้องอาศัยเวลาและศักยภาพในการหาตลาดและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ซึ่งผู้ถือหุ้น ทั้งสองฝ่าย ได้แก่ Mitsubishi Chemical Corporation (MCC) และ PTTGC ได้ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ทั้งด้านการขายและการตลาด ไปยังทวีปอเมริกาและยุโรป ที่มีข้อกำหนดด้านมาตรฐานการดำเนินนโยบายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ อาทิ การทดลองผสมเม็ด PLA ของบริษัท NatureWorks กับเม็ด PBS เพื่อพัฒนาคุณสมบัติด้านความยืดหยุ่นและทนความร้อนได้สูงขึ้น รวมถึงการทดสอบการละลายตามธรรมชาติในน้ำทะเล  (Marine degradable) ซึ่ง PTTGC มีความเชื่อมั่นว่า PTTMCC จะสามารถเร่งสร้างยอดขายและหาลูกค้าพันธมิตร (Strategic customers) ได้ตามแผน “ในปี 2560 ที่ผ่านมา ทั้ง 3 บริษัทมีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจและสูงกว่าประมาณการที่ประเมินไว้ตอนเข้าซื้อกิจการ ซึ่งเป็นผลจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนการเดินเครื่องโรงงานที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สามารถผลิตได้ตามแผน และการดำเนินงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ร่วมกันของ PTTGC และพันธมิตรผู้ถือหุ้นของทั้ง 3 บริษัท” สุพัฒนพงษ์ กล่าวสรุป