REIC เผยราคาที่ดินไตรมาส 2-3 ปี 2561 โตพุ่งกว่า 30% จากปีก่อน หลังโครงการรถไฟฟ้าก่อสร้าง - Forbes Thailand

REIC เผยราคาที่ดินไตรมาส 2-3 ปี 2561 โตพุ่งกว่า 30% จากปีก่อน หลังโครงการรถไฟฟ้าก่อสร้าง

PR / PR NEWS
26 Oct 2018 | 01:37 PM
READ 7156

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) เผยดัชนีราคาที่ดินไตรมาส 2-3 ปี 2561 พุ่งกว่า 30% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ผลจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า เขตพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ แชมป์ราคาที่ดินโตสูง

ในไตรมาส 3 ปี 2561 ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 219.2 จุด ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียงร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 217.8 จุด และปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.6 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 166.5 จุด  ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินเปล่าที่อยู่ใกล้แนวเส้นทางการก่อสร้างรถไฟฟ้า โดยเฉพาะแนวเส้นรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ซึ่งมีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2561 (ดูตารางที่ 1 และแผนภูมิที่ 1-2) สำหรับ 5 อันดับทำเลที่มีการปรับราคาของที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในไตรมาส 3 ปี 2561 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนได้แก่ 
  1. เขตพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นมากที่สุดร้อยละ 49.5
  2. เขตจังหวัดนครปฐม มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.0
  3. เขตจังหวัดสมุทรสาคร มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.5 
  4. เขตราษฎร์บูรณะ-บางขุนเทียน-ทุ่งครุ-บางบอน-จอมทอง มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.8 
  5. เขตอำเภอเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.9 
สะท้อนให้เห็นแนวโน้มความต้องการที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ชานเมืองที่มีมากขึ้น ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2561 ศูนย์ข้อมูลฯ ได้วิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างที่ดินเปล่าในการใช้ประโยชน์เพื่อเกษตรกรรมที่มีราคาต่ำสุดกับราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในแต่ละแผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่น พบว่า  พื้นที่พาณิชยกรรม มีราคาสูงกว่าพื้นที่เกษตรกรรม ร้อยละ 125.9 ส่วนพื้นที่ที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก มีราคาสูงกว่าร้อยละ 116.7 พื้นที่ที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง มีราคาสูงกว่าร้อยละ 96.5 พื้นที่ที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย มีราคาสูงกว่าร้อยละ 75.3 พื้นที่ที่อยู่อาศัยชุมชน (ทำเลในจังหวัดปทุมธานี นครปฐม และสมุทรสาคร) มีราคาสูงกว่าร้อยละ 68.2 และพื้นที่อุตสาหกรรม มีราคาสูงกว่าร้อยละ 8.0 ตามลำดับ (ดูตารางที่ 3) นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูลฯ ยังได้วิเคราะห์เปรียบเทียบราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในแต่ละทำเลที่มีเส้นทางรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนผ่านกับราคาที่ดินในทำเลที่ไม่มีโครงการรถไฟฟ้าผ่าน พบว่า  ทำเลที่มีแผนการลงทุนโครงการลงรถไฟฟ้าในอนาคต มีราคาสูงกว่าร้อยละ 66.7 เนื่องจากราคาที่ดินปรับเพิ่มจากฐานราคาเดิมที่ยังไม่สูงมากนัก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่แถบชานเมือง ส่วนทำเลที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า จะมีราคาสูงกว่าร้อยละ 51.6 ในขณะที่ทำเลที่มีโครงการรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้ว จะมีราคาสูงกว่าร้อยละ 28.8 (ดูตารางที่ 4) แต่เมื่อแยกตามทำเลเฉพาะที่มีเส้นทางรถไฟฟ้าผ่านแล้วจะพบว่า 5 อันดับแรกที่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นสูงสุด ได้แก่ 
  1. BTS สายสุขุมวิท มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นมากที่สุดร้อยละ 27.6 
  2. สายสีส้ม (ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.1
  3. สายสีเขียว (ช่วงสมุทรปราการ-บางปู) ปรับราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.9; 
  4. สายสีเขียว (ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ) มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.8 
  5. สายสีแดงเข้ม (ช่วงหัวลำโพง-มหาชัย) มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.8 
  ระเบียบวิธีศึกษาข้อมูล ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ทำการติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล รวม 6 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม โดยกำหนดให้ปี 2555 เป็นปีฐาน และจัดทำดัชนีเป็นรายไตรมาส ในการศึกษาจะใช้ข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเปล่าของกรมที่ดิน โดยจะคัดเลือกเฉพาะที่ดินเปล่าไม่รวมสิ่งปลูกสร้างที่มีขนาดที่ดินตั้งแต่ 200 ตารางวาขึ้นไป และจะใช้ข้อมูลเฉพาะการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ผู้โอนหรือผู้รับโอนที่เป็น “นิติบุคคล” เท่านั้น เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นราคาซื้อขายจริงซึ่งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะต้องบันทึกค่าใช้จ่ายหรือรายได้ให้ถูกต้องเพื่อสามารถคำนวณภาษีและค่าใช้จ่ายในแต่ละปี การคำนวณค่าดัชนีฯ ใช้วิธีการวิเคราะห์แบบ Chain Laspeyresโดยราคาที่ดินเปล่าที่นำมาคำนวณคือ ราคาเฉลี่ยต่อตารางวา ซึ่งถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ตั้งแต่ปี 2555-2559โดยปัจจัยที่นำมาวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) ได้แก่  1) ทำเลที่ตั้งของที่ดิน 2) แผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน 3) เส้นทางรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนผ่าน