อยากลงทุนแต่รู้สึกว่าเสี่ยง อยากลองทำธุรกิจแต่รู้สึกว่าเสี่ยง อยากทำอะไรใหม่ๆรู้สึกว่าเสี่ยง
ไม่แปลกครับที่จะรู้สึกแบบนี้และผมเองมองว่าไม่ผิดด้วยที่เราจะมองการทำอะไรบางอย่างให้ครอบคลุมไปถึงด้านของอันตรายหรือความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วย
แต่อย่าเข้าใจผิดระหว่างการตกอยู่ในสภาวะสุ่มเสี่ยงอันตรายกับการกล้าที่จะเสี่ยง
เพราะ Being Risk กับ Taking Risk เป็นคนละเรื่องกัน
ผมว่าเราคงเคยผ่านตาพวกกีฬา extreme มาบ้าง ดูแล้วอันตรายถึงชีวิตใช่มั้ยครับ แล้วอะไรคือเหตุผลให้คนอีกกลุ่มนึงยังคงเข้าไปสนุกกับกิจกรรมแบบนี้ ทั้งๆที่ในมุมของเรามันไม่ make sense เลย
คำตอบคือเค้าไม่ได้เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเฉยๆ แต่เป็นการกระทำที่อยู่บนความเสี่ยงที่ได้ถูกคำนวณไว้แล้วเรียบร้อย
Calculated Risk เลยกลายเป็นหัวใจในทุกเรื่องตั้งแต่กีฬาไปถึงการทำธุรกิจและการลงทุน
การที่เทรดเดอร์เอาเงินเป็นแสนเป็นล้านไปลงสนาม ไม่รู้เหรอว่ามันเสี่ยง เอาจริงๆรู้ครับ แต่มันเป็นความเสี่ยงที่เรารับได้ ที่เราคุมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อคำนวณ Downside Risk ที่เกิดขึ้นไว้แล้วเรียบร้อย กำไรที่ได้คือโบนัสทั้งหมด
ซื้อหุ้นราคานี้ได้มั้ย
- ผมถามกลับยอมขาดทุนกี่บาทในเกมส์นี้
เอาเงินไปซื้อ Bitcoin ดีมั้ย
-ผมตอบกลับซื้อได้ครับ ทิ้งไว้สักสองสามปี จะรู้สึกอะไรมั้ย รีบเอาเงินไปใช้รึเปล่า
มีคนมาชวนลงทุน ผลกำไรดีเยี่ยม ลองเอาเงินไปลงดีมั้ย
- ผมจะบอกว่า การลงทุนที่ไร้ความเสี่ยง ผลตอบแทนดีเยี่ยมไม่มีขาดทุน ไม่มีในโลก เอาเงินก้อนนี้ไปลงแล้วถ้าหายไปทั้งก้อนเราจะโอเคมั้ย ถ้าใช่ลุยเลย
ว่าจะกู้เงินมาทำธุรกิจ แต่กลัวไปไม่รอด
- เราไม่สามารถพยากรณ์อนาคตได้ครับ เราอาจจะเจ๊งขาดทุน หรือไม่ก็กลายเป็นธุรกิจแบบ Rising Star เลยก็ได้ แต่ถ้าพลาดขึ้นมา เราเสียหายได้เท่าไหร่ ที่ยังพอกลับมาลุกขึ้นยืนได้
เน้นย้ำครับว่า หัวใจของการคุมความเสี่ยงเรียกว่า Risk to Reward Ratio หรือในวงการเรียกกันย่อๆว่า RR
แปลเป็นภาษาชาวบ้านได้ง่ายๆว่า เวลาได้ได้เท่าไหร่ เวลาโดนโดนเท่าไหร่
และการ Take Risk ที่ดี เวลาได้ต้องได้มากกว่าโดน
ทุกๆ การกระทำเราเลยต้องจำเป็นมองถึง downside risk เสมอ
สำหรับคนที่ต้องการออกมาเทรดหาเงินแบบ Full Time Trader
Downside Risk ของเราก็คือเงินเดือนที่ได้รับในวันนี้
คุ้มมั้ยถามใจตัวเองดู
ถ้ารู้สึกว่าความสามารถวันนี้หาอะไรได้มากกว่าเงินเดือน
เตรียมตัวให้พร้อมออกมา Take Risk ได้เลย
Unlimited Upside รออยู่ครับ