จะเล่นหุ้นต้องรู้รอบหุ้น - Forbes Thailand

จะเล่นหุ้นต้องรู้รอบหุ้น

คำถามคลาสสิคที่ทุกคนในวงการหุ้นเจอคือ "ซื้อหุ้นตัวไหนดี" เป็นเรื่องถามง่าย แต่ตอบยาก และไม่แปลกที่คนถูกถามจะกระอักกระอ่วมที่จะตอบเสมอ โดยเฉพาะถ้าไม่รู้จักกันมาก่อน บอกแล้วหุ้นขึ้นก็แล้วไป แต่แค่บอกแล้วหุ้นไม่ขึ้นทันทีมีสิทธิ์โดนด่าอยู่ไม่น้อย คีย์เวิร์ดในที่นี้คือ "ทันที" ซึ่งจากประสบการณ์ตรง ผมว่าผู้ถามส่วนใหญ่ต้องการหุ้นให้ขึ้นทันทีมากกว่าหุ้นที่ต้องรอแม้จะขึ้นมากกว่าก็ตาม. มันน่าแปลกที่ในตลาดหุ้น เงินกำไรกลายเป็นเรื่องที่รอกันไม่ค่อยได้

และผมสันนิษฐานว่านี่คือหนึ่งในเหตุที่การวิเคราะห์ทางเทคนิคได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา. โดยให้คำจำกัดความง่ายๆ ได้ว่าเทคนิคฯ คือ การวิเคราะห์จังหวะซื้อและขายหุ้นจากข้อมูลราคา โดยกราฟราคาหุ้นบอกได้ว่าราคามีแนวโน้มที่จะขึ้นต่อหรือไม่ (ด้วยความแม่นยำระดับหนึ่ง) ภาพที่มักเห็นผ่านสื่อก็จะเป็นนักลงทุนหรือเทรดเดอร์มีจอคอมพ์หลายๆ จอ เปิดกราฟหรือดูราคาวิ่งระหว่างวัน เคาะซื้อเคาะขายกันรัวๆ ให้ความรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่มืออาชีพเขาทำกัน. แต่ภาพดังกล่าวสื่อความจริงเพียวเสี้ยวเดียว และให้ถูกตีความไปผิดอย่างสิ้นเชิง มีเทรดเดอร์ที่นั่งเฝ้าจอตาไม่กระพริบอยู่จริง เดย์เทรดซื้อเช้า-ขายบ่าย แต่นั่นเป็นเพียงส่วนน้อย ส่วนใหญ่จะมีระยะถือมากกว่า 1 วัน เทรดตามรอบหุ้น หรือที่เรียกว่า "สวิงเทรด" ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเก็งกำไรได้ส่วนต่างราคาเป็นกอบเป็นกำมากกว่า แต่ในการสวิงเทรดที่จริงแล้วนั้นวางอยู่บนตรรกะที่เป็นระบบมากกว่าการไล่เปิดกราฟหุ้นไปเรื่อยๆ แบบหุ้นมีตัวไหนมีจังหวะซื้อก็ซื้อ. ให้มองตามความเป็นจริงแล้ว เทคนิคสำนักไหนก็ไม่มีประโยชน์ถ้าราคาหุ้นไม่ไปต่อ เราต้องเข้าใจว่าราคาและพฤติกรรมราคาหุ้นที่เห็น ไม่ได้สะท้อนแค่ปัจจัยพื้นฐานกิจการเท่านั้น แต่สะท้อนแรงเก็งกำไรในตลาดหุ้นด้วย การไล่ราคา-ทำกำไรที่เกิดขึ้นนี่แหละ ทำให้เกิดรอบหุ้น และเพราะไม่ได้จะซื้อขายหุ้นทุกวัน คนที่จะสวิงเทรดต้องอ่านรอบหุ้นให้ออกก่อน. ดังนั้นความเข้าใจกลไก "รอบหุ้น" สำคัญที่สุด ซึ่งการอ่านรอบหุ้นจะต้องดูที่กราฟ SET เราสามารถสังเกตรอบหุ้นได้จากการจังหวะการพักฐานของ SET ซึ่งช่วงประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา มีรอบดังนี้:- 1. วิกฤต ซึ่งคือวิกฤตการเงินครั้งสำคัญๆ เช่น วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2008 เฉลี่ยแล้ว SET จะย่อระหว่าง 50-80% แล้วขึ้น 2. พักฐานรอบใหญ่ เฉลี่ยเกิดขึ้นทุกๆ 2 ปี SET จะย่อประมาณ 25% แล้วขึ้น 3. พักฐานรายปี เฉลี่ยเกิดขึ้นทุกปี SET จะย่อระหว่าง 8-10% แล้วขึ้น 4. พักฐานในปี เฉลี่ยเกิดขึ้นทุกๆ 2 เดือน SET จะย่อระหว่าง 1.5-4.0% แล้วขึ้น *โดยยิ่งพักฐานลึก หลังจากนั้น SET ก็มีโอกาสขึ้นได้ไกล การอ่านรอบหุ้นคือเรื่องที่ถูกพูดถึงน้อย แต่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าเทคนิคจังหวะซื้อขายหุ้น เพราะจะช่วยให้เรารู้ว่าเมื่อจบรอบการพักฐานแล้ว หุ้นจะมีแนวโน้มขึ้นมากหรือน้อย จะเข้าไปเก็งกำไรเราควรหวังไกลแค่ไหน เพราะอย่างที่บอกเทคนิคสำนักไหนก็ไม่มีประโยชน์ถ้าราคาหุ้นไม่ไปต่อ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการลงทุนครับ.