สถานการณ์เศรษฐกิจของโลกในปี 2565 มีหลากหลายบทเรียนที่อัดเข้ามาสอนนักลงทุนมือใหม่ได้ไม่หยุดหย่อนทีเดียว ทั้งเงินเฟ้อที่พุ่งสูง สงคราม ที่ทำให้เกิดความผันผวนที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมต่างๆ จนกระทบต่อราคาหุ้นเติบโตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ในวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ ผมแอบเห็นนักลงทุนหลายคนย่องไปลงทุนธีมเมกะเทรนด์บางธีมในช่วงที่ราคาถูก และในตอนนี้คนที่ช้อนซื้อในช่วงนั้นก็คงยิ้มออก เพราะหลายๆ ธีมเริ่มให้ผลตอบแทนเป็นบวกกันบ้างแล้ว จากแนวโน้มเงินเฟ้อเริ่มลดลง ผลประกอบการหุ้นเทคโนโลยีหลายบริษัทออกมาดีเกินคาด และธีมเก่าแก่ที่ไม่มีวันตายอย่างเฮลท์แคร์ก็เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
แต่การจะไล่ดูว่าธีมไหนที่เริ่มฟื้นตัวต้องใช้แรงกายแรงใจสูง ไม่ต่างจากการหุ้นดีราคาถูก แต่วันนี้ผมจะช่วยประหยัดเวลาให้คุณด้วยการรวบรวมธีมการลงทุนที่ฟื้นตัวแรงที่สุดมาไว้ที่นี่เลยครับ
ETF ฟื้นตัว ล้วนมาจาก ‘จีน’
ขณะที่ตลาดทั่วโลกผันผวน แต่ประเทศนึงที่ค่อยๆ เสริมเขี้ยวเล็บอย่างเงียบๆ ราวกับพยัคฆ์ที่กำลังจ้องหาจังหวะตะครุบเหยื่อก็คือ ‘จีน’ ที่เร่งปลุกปั้นตัวเองให้ก้าวสู่ตำแหน่งมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก
สาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกพุ่งสูงมาจากราคาพลังงาน เช่น น้ำมันดิบ ก๊าซหุงต้ม ที่จับมือกันปรับตัวขึ้นอย่างไม่มีอะไรมากั้น หากเป็นในอดีต ผู้คนก็คงจำใจยอมเสียเงินเพื่ออุปโภคพลังงานเหล่านี้ต่อไป แต่ในปัจจุบันโลกเรามีทางเลือกอื่นที่เป็นเมกะเทรนด์อย่างชัดเจนแล้ว
ทางเลือกดังกล่าว ก็คือ ‘พลังงานสะอาด’ ที่ทั่วโลกกำลังโหมลงทุนเต็มที่ และในอนาคตมีแนวโน้มว่ารถยนต์ใหม่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือ Electric Vehicle (EV) แทนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแบบเดิมทั้งหมด
รถยนต์เกิน 50% ในสหรัฐฯ จะเป็นรถยนต์ EV ในปี 2573
ปี 2565 นี้เป็นปีที่ทุกคนเริ่มให้ความสนใจเรื่องพลังงานสะอาดกันอย่างมากมาย โดยเฉพาะผู้ใช้งานรถยนต์ที่เห็นราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสูง จนสูบเงินในกระเป๋าคุณไปอย่างมาก
เทรนด์พลังงานสะอาดทั่วโลกกำลังสดใส โดย Bloomberg NEF คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์มากกว่าร้อยละ 50 ในสหรัฐฯ จะเป็นรถยนต์ EV ในปี 2573 และตอนนี้คนที่ซื้อรถยนต์ EV จะได้รับเงินสนับสนุนสูงถึง 7,500 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ แผนงบประมาณรายจ่ายกว่า 3.74 แสนล้านเหรียญฯ ก็จะเน้นไปที่อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถยนต์ EV ในสหรัฐฯ ยังต่ำมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของโลกและประเทศผู้ผลิตรถยนต์ EV รายใหญ่อย่างจีน โดยประธานาธิบดี Joe Biden มีแผนในการสนับสนุนด้วยการออกกฎหมายเพื่อกระตุ้นให้ชาวอเมริกันหันมาใช้รถยนต์ EV มากขึ้น
การมีแผนสนับสนุนจากรัฐบาลทั่วโลกเป็นสิ่งตอกย้ำว่าธีมพลังงานสะอาดเป็นเมกะเทรนด์ของโลกแบบจริงแท้แน่นอน สุดท้ายเมื่อผู้บริโภคสหรัฐฯ เริ่มใช้รถยนต์ EV มากขึ้นจะผลักดันให้ธีมพลังงานสะอาดเติบโตได้ต่อเนื่อง
ยอดขายรถยนต์พลังงานสะอาดจีนโต 103.9%
ขณะที่ The China Passenger Car Association (CPCA) รายงานยอดขายรถยนต์พลังงานสะอาดจีนประจำเดือนสิงหาคมปี 2565 ที่ 632,000 คัน เพิ่มขึ้นกว่า 103.9% yoy และ 12% mom ส่วนยอดขายรถยนต์พลังงานสะอาดรวมตั้งแต่มกราคม-สิงหาคม 2565 อยู่ที่ราว 3.66 ล้านคัน ขยายตัว 119.4% yoy และทำให้สัดส่วนยอดขายรถยนต์ EV ต่อรถยนต์ทั้งหมดทะลุเป้าที่รัฐบาลจีนตั้งไว้เรียบร้อย
จากยอดขายทั้งหมดในเดือนสิงหาคม 2565 พบว่า BYD ยังมีส่วนแบ่งตลาดนำโด่งมาเป็นอันดับแรกที่ 27.68% ทิ้งห่าง Tesla ที่มีส่วนแบ่งตลาดรองลงมาที่ 12.18% ในขณะที่ Neta ที่เพิ่งเปิดจำหน่ายรถยนต์ EV ในไทยมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 2.53% ในเดือนล่าสุด
อุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและรถยนต์ EV ที่เติบโตแบบหยุดไม่อยู่ในจีนจะส่งผลดีต่อหลายธีมของ Thematic ETF ไม่ว่าจะเป็นธีมพลังงานสะอาดจีน หรือธีมลิเธียมและแบตเตอรี่ ที่มีอนาคตสดใสทีเดียว
และไม่ใช่เรื่องแปลกที่ว่า ผู้นำทั้งในอุตสาหกรรมรถ EV และพลังงานสะอาดของโลกก็คือ ‘จีน’ ทำให้ธีมที่ฟื้นตัวแรงที่สุดตั้งแต่ 1 พฤษภาคม - 26 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมาก็คือ ธีมพลังงานสะอาดจีน (KGRN) นั่นเอง
ETF ฟื้นตัว: KGRN พลังงานสะอาดจีน (ผลตอบแทน +21.54%)
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากระแสพลังงานสะอาดกำลังมาแรงจากเรื่องวิกฤตพลังงานในยุโรป และเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon Emission) ภายในปี 2593 ที่ทั่วโลกตกลงร่วมกัน และประเทศที่เป็นผู้นำด้านการผลิตชิ้นส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดของโลกก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น ’จีน’
กองทุน KGRN ETF จะลงทุนในหุ้นประมาณ 50 บริษัทที่มีรายได้อย่างน้อย 50% จากผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดขึ้น ผมได้นำตัวอย่างบริษัทที่ KGRN มีสัดส่วนลงทุนมากที่สุด 3 บริษัท มาเจาะลึกให้คุณดู
Li Auto
บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนที่พัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทยังทำธุรกิจการพัฒนาเทคโนโลยีและบริการด้านการจัดการองค์กร ตลอดจนการจัดซื้ออุปกรณ์การผลิตด้วย แต่รายได้ส่วนใหญ่มาจากการผลิตและจำหน่ายรถ EV เป็นหลัก
NIO
บริษัทผู้ผลิต EV จากจีนอีกแห่งที่ทำธุรกิจให้บริการจัดหาแพ็คเกจพลังงานและบริการให้กับผู้ใช้ด้วย บริษัทมีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดอย่างเต็มรูปแบบ
BYD Company Limited
บริษัทผู้ผลิตรถ EV ยักษ์ใหญ่ของจีนที่ทำยอดส่งมอบรถยนต์ประเภท PHEV และ BEV แซงหน้าผู้นำในด้านนี้อย่าง Tesla ไปแล้ว BYD เริ่มขยายธุรกิจการผลิตและจำหน่ายรถ EV ออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อเพิ่มทางเลือกรถ EV ในราคาที่จับต้องได้ให้กับผู้ที่สนใจ ไม่เว้นแม้แต่ในไทยที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน
ETF ฟื้นตัว: LIT ลิเธียมและแบตเตอรี่ (ผลตอบแทน +15.73%)
ธีมพลังงานสะอาดจีนที่ฟื้นกลับมาอย่างแข็งแกร่งย่อมส่งผลดีต่อธีมที่ได้ประโยชน์ต่อเนื่องด้วย คุณรู้หรือไม่ว่า รถ EV มีแบตเตอรี่ลิเธียมเป็นหัวใจหลักในการกักเก็บพลังงาน ดังนั้น ธีมที่ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ ก็คือ ธีมลิเธียมและแบตเตอรี่ (LIT) นั่นเอง
นอกจากจีนจะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของโลกแล้ว หลายบริษัทจากแดนพญามังกรยังมีส่วนแบ่งสูงในตลาดโลกของธีมลิเธียมและแบตเตอรี่เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม กองทุน LIT ETF จะลงทุนในบริษัท 20-40 แห่งที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมทั่วโลกตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ
นั่นทำให้ LIT ไม่ได้ลงทุนเฉพาะบริษัทจากจีน คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะได้ลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสายการผลิตลิเธียมและแบตเตอรี่ทั่วโลกจริงๆ ตัวอย่างบริษัทที่ LIT มีสัดส่วนลงทุนมากที่สุด 3 บริษัท มีดังนี้
Albemarle Corporation
บริษัทเป็นผู้ทำธุรกิจเหมืองแร่ลิเธียมแบบใช้น้ำเค็มแห่งเดียวในสหรัฐฯ โดย Albemarle เป็นผู้ผลิตแบตเตอรีลิเธียมชั้นนำระดับโลก และขยายธุรกิจไปยังต้นน้ำโดยการซื้อเหมืองแร่ลิเธียม รวมถึงก่อตั้งบริษัทร่วมทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจแบตเตอรีลิเธียมอีกมากมาย
Sociedad Química y Minera de Chile S.A.
บริษัทด้านเคมีชั้นนำของชิลีและเป็นผู้จัดจำหน่ายธาตุอาหารพืช แร่ไอโอดีน ลิเธียม และเคมีภัณฑ์ทางอุตสาหกรรม เป็นผู้ผลิตแร่ลิเธียมรายใหญ่ของโลก โดยโรงงานผลิตหลักตั้งอยู่ในทะเลทรายอาตากามาของชิลี ประเทศที่มีทรัพยากรแร่ลิเธียมมากที่สุดในโลก
EVE Energy
บริษัทสัญชาติจีนผู้จำหน่ายแบตเตอรี่ลิเธียมทั้งในจีนและต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทมีธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งระบบรถโดยสารไฟฟ้าประจำทาง ระบบไฟฟ้ารถยนต์ขนาดเล็ก ทาง EVE Energy ผลิตแบตเตอรี่มากมายหลายชนิด แต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม
ทั้งหมดนี้คือ ETF ‘ตัวแรง’ ที่ราคาฟื้นตัวมากที่สุดตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม-26 สิงหาคม 2565 ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับจีนทั้งหมด ย้ำเตือนว่าโอกาสลงทุนในจีนมีอยู่เสมอ การลงทุนระยะยาวในธีมเหล่านี้จะช่วยลดความผันผวนเรื่องกฎระเบียบและข้อบังคับที่เข้มงวดของจีนลงได้
หากคุณกำลังคิดจะปรับพอร์ตหรือมองหาการลงทุนในเมกะเทรนด์ ลองมองมาที่ Thematic ETF ที่เกี่ยวข้องกับจีน หรือนโยบายลงทุนหุ้นจีนโดยตรง อุตสาหกรรมหัวหอกของจีนอย่างพลังงานสะอาด รถ EV และเฮลท์แคร์กำลังเติบโตอย่างเงียบๆ ท่ามกลางข่าวร้ายในจีนที่เป็นเหตุการณ์ชั่วคราวซะส่วนใหญ่
ผมเชื่อว่าคุณจะค้นพบโอกาสที่ดีในการลงทุนได้ในทุกวิกฤตครับ
บทความโดย
ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์
CEO Jitta Wealth
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine