Social Trading บทพิสูจน์ฝีมือและความสม่ำเสมอ - Forbes Thailand

Social Trading บทพิสูจน์ฝีมือและความสม่ำเสมอ

FORBES THAILAND / ADMIN
24 Sep 2018 | 11:29 AM
READ 11275

ถ้าเทียบสัดส่วนเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จสามารถเอาตัวรอดได้ในตลาดน่าจะมีเพียง 20% แต่เทรดเดอร์ที่จะมีความสามาถในการยืนระยะในการสร้างผลงานให้สม่ำเสมอได้น่าจะมีน้อยกว่านั้น โดยเฉพาะผู้ที่สามารถรับบริหารพอร์ตให้ผู้อื่นได้ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก

คำถามคือเราจะวัดผลงานของเทรดเดอร์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้จากไหน? ที่ผ่านมาเราจะได้เห็นการโชว์พอร์ตในโลกออนไลน์ซึ่งไม่สามารถพิสูจน์ผลงานได้จริง นอกจากไม่เข้าข่ายหลอกลวง (Scam) ก็อาจจะเป็นเพียงผลงานช่วงสั้นๆ เท่านั้น หรือการโชว์ผล Backtest โมเดลเทรดต่างๆ ที่สามารถสร้างตัวเลขผลตอบแทนได้สูงๆ แต่นั่นก็เป็นเพียงข้อมูลในอดีต ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเทรดจริงแล้วจะได้ตามนั้น แพลตฟอร์ม Social Trading ถือเป็นเวทีที่จะวัดผลงานของเทรดเดอร์ได้ดีที่สุดเพราะบันทึกจากการเทรดจริง (Forward Test) และแสดงออกมาอย่างโปร่งใสให้ทุกคนสามารถเข้ามาติดตามได้ นอกจากนี้ยังเป็นเวทีให้เทรดเดอร์ได้แสดงมุมมองด้านการเทรดของตัวเองให้สาธารณะได้ติดตามด้วย ในต่างประเทศเรามีแพลตฟอร์ม Social Trading เกิดขึ้นมากมาย ที่ดังๆ อย่างเช่น ETORO, OLYMTRADE, Wetrade ฯลฯ ส่วนในประเทศไทยเรามี TripleS ที่ดำเนินการโดยกลุ่มซุปเปอร์เทรดเดอร์และสกายเนตซิสเต็ม ในเครือเอเชียซอฟท์ เป็นผู้ให้บริการรายแรก ตรงนี้จะเป็นเวทีให้เทรดเดอร์สามารถแสดงผลงานของตัวเองอย่างเต็มที่ซึ่งผู้ที่มีผลงานดีและสม่ำเสมอ (ตรงนี้สำคัญมากเพราะสร้างผลตอบแทนดีในภาวะตลาดขาขึ้นใครก็ทำได้ แต่ใครที่สร้างผลตอบแทนได้สม่ำเสมอแม้ตลาดจะแย่สิของจริง) เทรดเดอร์ที่สามารถสร้างผลงานติดอันดับต้นๆของ Ranking ได้สม่ำเสมอก็จะมีโอกาสที่จะมีผู้ติดตาม (Follower) เป็นจำนวนมากซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ให้กับคนๆ นั้นเป็นอย่างดี และยังเป็นการพิสูจน์ความเข้มแข็งของจิตใจของเทรดเดอร์ผู้เป็น The Master ด้วย เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าการเทรดเงินตัวเองกับการเทรดโดยมีเงินคนอื่นมาเกี่ยวข้องด้วยมีความกดดันที่ต่างกันมาก โลกของการแข่งขันมีคำพูดอยู่ว่า Winner Take All หรือผู้ชนะจะได้แทบทุกสิ่ง ส่วนผู้ที่แพ้ก็แทบจะไม่ได้อะไรเลย ในแพลตฟอร์ม Social Trading ก็เช่นกัน โดยธรรมชาติแล้ว Follower มักจะเลือกติดตามเฉพาะผู้ที่อยู่อันดับต้นๆเท่านั้นอาจจะเพียงแค่ 20 อันดับแรก ใครที่สามารถรักษาตำแหน่งบนๆได้อย่างเหนียวแน่นก็จะมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมากเช่นกัน (สำหรับ TripleS มีระบบการคำนวนผลตอบแทนให้ The Master ที่มีความโปร่งใสและยุติธรรมอย่างมาก รายละเอียดจะเปิดเผยได้เร็วๆนี้) นอกจากผลตอบแทนแล้ว สิ่งที่ระบบ Social Trading จะเปิดเผยให้เห็นด้วยก็คือการคุมความเสี่ยงในการเทรดของเทรดเดอร์นั้นๆหรือที่เรียกว่า Draw Down (อัตราการติดลบของพอร์ต) โดยทั่วไปแล้วตัวเลขนี้ไม่ควรจะเกิน 10% ถ้าหากมากกว่านี้แปลว่าเทรดเดอร์ผู้นั้นคุมความเสี่ยงจากการเทรดไม่ได้หรืออาจจะมีวินัยในการตัดขาดทุนต่ำ ผู้ที่นำเงินมาบริหารให้อาจจะไม่สบายใจนักที่เห็นตัวเลขขาดทุนในพอร์ตลบหนักๆ Social Trading จึงเป็นแพลตฟอร์มที่จะมาสร้างมาตราฐานใหม่ให้กับวงการเทรดเดอร์ไทยในหลายมิติ ซึ่ง TripleS เตรียมที่จะเปิดตัวแพลตฟอร์มนี้ในไม่นานนี้ สำหรับเทรดเดอร์ฝีมือดีที่ผมยังไม่รู้จักนี่คือโอกาสดีที่จะได้แสดงฝีมือแล้ว