หากคุณยังจำนิทานเรื่อง "แจ็คผู้ฆ่ายักษ์" ได้ วันนี้ผมมีเรื่องความกล้าหาญของวีรบุรุษอีกท่านหนึ่งมาเล่าให้ฟังครับ แต่บอกเลยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่นิทาน แต่เป็นตำนาน (ผู้ล่วงลับ) ของโลกการลงทุนก็ว่าได้
วีรบุรุษโลกลงทุนท่านผู้นี้มีนามว่า Jack เช่นเดียวกัน ชื่อจริงของท่านคือ John C. Bogle เขานี่เองที่เป็น Jack ผู้ฆ่า "ความยุ่งยาก" ในการลงทุน จนได้รับการยกย่องว่าเป็น "วีรบุรุษในโลกลงทุน"
เล่าถึงตำนานที่ยิ่งใหญ่ของ John C. Bogle เขาผู้นี้คือผู้ก่อตั้งบริษัทลงทุนชื่อดังระดับโลกอย่าง Vanguard Group และยังเป็นผู้สร้างกองทุนรวมดัชนีกองแรกของโลกที่มีชื่อว่า Vanguard 500 Index Fund Investor Shares ซึ่งเก็บค่าธรรมเนียมต่ำที่สุดในช่วงเปิดตัวเลยล่ะครับ
ในช่วงเริ่มต้นของการเป็นผู้จัดการกองทุน ปู่ Bogle ก็มีแนวคิดไม่ต่างจากผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่ทั่วไปครับ ต้องการที่จะสร้างผลตอบแทนเอาชนะตลาดให้ได้ แต่สุดท้ายคุณปู่ก็ต้องเผชิญกับความล้มเหลวจนต้องกลับมานั่งทบทวนตัวเองอีกครั้ง
แสงสว่างหลังความล้มเหลว
ปู่ Bogle เริ่มศึกษาเรื่องกองทุนดัชนีตั้งแต่ตอนที่เขาเรียนอยู่ที่ Princeton University ครับ และเขาก็สะสมความล้มเหลวในการทำกองทุนเชิงรุก จนเป็นแรงผลักดันให้เขาริเริ่ม กองทุนอิงดัชนี ขึ้นมา
เขามีความเชื่ออย่างสนิทใจว่า การลงทุนในกองทุนดัชนีที่เก็บค่าธรรมเนียมต่ำ และถูกออกแบบให้ผลตอบแทนอิงตามดัชนีอ้างอิงในตลาด จะทำให้คุณสร้างความมั่งคั่งได้ในระยะยาว
ในช่วงแรกกลยุทธ์ลงทุนตามดัชนีอ้างอิงถูกมองว่า ไร้เสน่ห์ ไม่หล่อเท่ เหมือนการลงทุนในกองทุนเชิงรุกที่ต้องปรับพอร์ตอยู่บ่อยครั้งและเอาชนะตลาด
แต่สุดท้าย "ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน" กลยุทธ์ของ Bogle กลายเป็นกลยุทธ์หลักที่ทั่วโลกใช้สร้างความมั่งคั่งในระยะยาวมาจนถึงปัจจุบัน
Bogle เป็นผู้ก่อตั้งกองทุนอิงดัชนี S&P 500 ขึ้นมาในปี 1975 ที่ปัจจุบันคือ Vanguard 500 Index Fund
กลยุทธ์ของ Bogle นี้ยังถูกยกย่องโดยปู่ Warren Buffett ว่าเป็นกลยุทธ์ลงทุนที่เหมาะสำหรับทุกคน ทั้งหมดนี้คือที่มาของสมญานามปู่ Bogle ว่า "วีรบุรุษแห่งโลกลงทุน"
Jack ผู้ฆ่า "ความยุ่งยาก" ในการลงทุน
สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือวีรบุรุษแห่งโลกลงทุนคนนี้ ไม่ได้ทิ้งเพียงแค่สินทรัพย์ลงทุนที่มหัศจรรย์นี้ไว้เท่านั้น แต่ยังทิ้งกลยุทธ์ลงทุนสุดมหัศจรรย์ ที่ทำให้การลงทุนไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างการ DCA ไว้ให้กับทุกคนด้วยเช่นกันครับ
กฎรักของปู่ Bogle : ดูพอร์ตปีละครั้งก็เกินพอ
ปู่ Bogle มีกฎที่ตัวเองชอบเอามาพูดถึงอยู่บ่อยๆ ข้อแรกคือ อย่าแอบดูพอร์ตของตัวเองจนบ่อยเกินไป เพราะเขาเชื่อมั่นในการลงทุนสินทรัพย์ที่ดีระยะยาวจะเติบโตไปได้อย่างแน่นอน
การแอบดูพอร์ตบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงตลาดผันผวน อาจส่งผลต่อ อารมณ์ ของคุณให้ตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง และส่งผลเสียต่อพอร์ต
เช่น ในช่วงตลาดหุ้นตกหากคุณเข้าไปดูบ่อยๆ สมองของคุณจะสั่งการให้คุณ ขายอย่างตื่นตระหนก หรือในช่วงตลาดหุ้นขึ้นจนใกล้เข้าฟองสบู่ สมองคุณอาจสั่งให้ ซื้อด้วยความโลภ
สุดท้ายผลลัพธ์ของการปล่อยให้อารมณ์ควบคุมการลงทุนของคุณ มักส่งผลเสียต่อพอร์ตมากกว่าผลดี นั่นทำให้ปู่ Bogle มักยกกฎเหล็กข้อนี้มาสอนทุกคนครับ
"สม่ำเสมอ" ย่อมดีกว่า "จับจังหวะ"
ปู่ Bogle มีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่า นักลงทุนผู้สม่ำเสมอ ที่ลงทุนอย่างต่อเนื่องในจำนวนเงินที่สม่ำเสมอ โดยไม่คำนึงถึงความผันผวนของตลาด ย่อมให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนระยะยาว
นั่นคือกลยุทธ์ DCA ที่ Bogle คอยให้คำแนะนำกับทุกคน นอกจากกลยุทธ์นี้จะช่วยให้พอร์ตของคุณเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ ยังเป็นกลยุทธ์ที่ ดีต่อใจ ของคุณด้วย
เพราะในช่วง ตลาดหุ้นพุ่งขึ้น จนหุ้นมีราคาแพง DCA จะทำให้คุณได้ซื้อของแพงในจำนวนที่น้อยลง
และในช่วง ตลาดหุ้นตกลง จนหุ้นมีราคาถูก DCA จะทำให้คุณได้ซื้อของถูกในจำนวนที่มากขึ้น
คำแนะนำของ Bogle เน้นย้ำถึงความสำคัญของกลยุทธ์ DCA และยึดมั่นกับมันให้แน่นที่สุดในระยะยาว
แทนที่จะพยายามจับจังหวะตลาด ตัดสินใจตามอารมณ์และการเคลื่อนไหวของตลาดในระยะสั้น ลองเปลี่ยนมาใช้กลยุทธ์ลงทุนที่เรียบง่ายแบบนี้ ก็เป็นกุญแจที่จะทำให้คุณก้าวเข้าสู่เป้าหมายในระยะยาว
DCA ต้องสัมพันธ์กับ "ระยะเวลา" ด้วย
ในหนังสือชื่อดังอย่าง Common Sense on Mutual Funds: New Imperatives for the Intelligent Investor ของปู่ Bogle นั้น เขายอมรับว่า DCA ไม่ใช่วิธีการลงทุนที่ดีที่สุด
นาทีนี้คุณคงอยากร้อง อ้าว…แล้วที่อ่านมาเมื่อกี้คือ?
ใจเย็นๆ ครับ ปู่ Bogle ได้ขยายความต่อดังนี้
DCA ไม่ใช่กลยุทธ์ลงทุนที่ดีที่สุด เพราะวิธีที่ดีที่สุดคือ การลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่ปู่ Bogle เข้าใจดีว่า "นักลงทุนส่วนใหญ่ ไม่ได้มีเงินก้อนใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อย"
ฉะนั้น…หากคุณไม่ได้มีเงินมหาศาลที่ลงทุนเอาไว้ตั้งแต่คุณยังอายุเลขหลักเดียว การ DCA จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในโลกแห่งความเป็นจริง ของนักลงทุนส่วนใหญ่นั่นเอง
เพราะคุณจะสามารถเริ่มลงทุนได้เร็ว แม้จะไม่มีเงินก้อนมหาศาล ก็สามารถใช้เวลาในการสะสมความมั่งคั่งได้
มุมมองของ Bogle เกี่ยวกับ DCA เน้นย้ำถึง ความเรียบง่าย ความมีวินัย และ ความอดทน ในการลงทุน ที่ทุกคนทำตามได้และจะพาไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว
ผสมสูตร "DCA" + "สินทรัพย์ดี" + "สัดส่วนที่เหมาะสม"
และ "กลยุทธ์ DCA ในการลงทุนอยู่เสมอ" นี่เองคือสูตรลับที่ผมแนะนำให้กับนักลงทุนที่ลงทุนกับ Jitta Wealth รวมถึงตัวผมเองก็ใช้กลยุทธ์นี้มาอย่างยาวนานแล้วครับ เพราะเห็นด้วยกับปู่ Bogle ว่ากลยุทธ์นี้คือกุญแจแห่งความสำเร็จระยะยาว
นอกเหนือไปจากการผสมผสาน สินทรัพย์ที่ยอดเยี่ยม และ ปรับสัดส่วนอย่างเหมาะสม ให้กับพอร์ตของนักลงทุนเสมอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ DCA อีกด้วย เพราะปู่ Bogle เคยให้คำแนะนำเอาไว้ว่า "บางทีการลงทุนอย่างสม่ำเสมออาจจะไม่เพียงพอ เพราะคุณจำเป็นต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ที่กระจายความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ในสัดส่วนที่เหมาะสมด้วย"
อ่านมาจนถึงตรงนี้คุณอาจสังเกตเห็นว่ากลยุทธ์ของปู่ Bogle ทำให้คุณไม่เปลืองเวลาไปกับการจับจังหวะเลยแม้แต่น้อย และนั่นยิ่งทำให้การลงทุนของคุณ "ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก" อีกต่อไป
หัวใจสำคัญอยู่ที่ ความสม่ำเสมอ และ วินัยในการลงทุน และรวมไปถึงการ ลงทุนสินทรัพย์ที่หลากหลาย และ ปรับสมดุลพอร์ต ตามความเสี่ยงที่คุณรับได้
กลยุทธ์ทั้งหมดที่วีรบุรุษแห่งโลกลงทุนอย่าง John C. Bogle ทิ้งเอาไว้ให้กับทุกคน…นอกจากจะช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายในระยะยาว ยังทำให้คุณลงทุนอย่างสบายใจอีกด้วย
สุดท้ายสิ่งที่ปู่ Bogle ฝากบอกกับทุกคนคือ
“การลงทุนไม่ได้ยากอย่างที่คิด…การลงทุนที่ประสบความสำเร็จนั้น คุณแค่ต้องทำสิ่งที่ถูกต้องในบางครั้ง และหลีกเลี่ยงการทำผิดร้ายแรงแค่นั้นเอง”
หากคุณอยาก ลงทุน ตามรอย Jack หรือ John C. Bogle ลงทุนแบบ "ไม่ยุ่งยาก" ให้ลองศึกษาวิธีการบริหารพอร์ตลงทุนของ Jitta Wealth ได้นะครับ
อ่านเพิ่มเติม : ส่องแนวโน้มราคาข้าวโลก ปัจจัยเสี่ยงเงินเฟ้อไทยในระยะต่อไป
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine