3 ภารกิจทายาทฝ่าบททดสอบยุค New Normal - Forbes Thailand

3 ภารกิจทายาทฝ่าบททดสอบยุค New Normal

FORBES THAILAND / ADMIN
22 Feb 2021 | 07:33 AM
READ 2167

ไม่ว่าจะเป็นทายาทเจนฯ 2 เจนฯ 3 หรือเจนฯ ไหนในฐานะทายาทธุรกิจ เวลานี้ถือเป็นบททดสอบสำคัญในการกลับไปค้นหาจิตวิญญาณของผู้นำธุรกิจในรุ่นแรก นั่นคือ จิตวิญญาณแห่งการเป็นผู้บุกเบิก (Pioneer) และผู้ก่อตั้งธุรกิจ (Entrepreneurship) เพราะด้วยภูมิทัศน์ของธุรกิจที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในวันนี้ รูปแบบ (Business Models) หรือกลยุทธ์เดิมๆ ที่เคยใช้ได้ผล สิ่งที่เคยเป็นข้อได้เปรียบของธุรกิจ อาจจะใช้ไม่ได้ผล หรือแย่กว่านั้นคือ กลายเป็นข้อเสียเปรียบ และเป็นอุปสรรค

 

1. “Set Zero” ด้วย Founder’s Spirit

ข้อแนะนำข้อแรก คือ “Back to your root” หากผู้ก่อตั้งยังมีชีวิตอยู่ ให้เดินไปพูดคุยหรือปรึกษาหารือเกี่ยวกับการก่อร่างสร้างธุรกิจ และการฟันฝ่าอุปสรรคความยากลำบาก โดยฟังอย่างตั้งใจและพยายามเรียนรู้คุณสมบัติของการเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นแพสชัน ความมุมานะ บากบั่น อดทน ความมุ่งมั่น ความเสียสละ ฯลฯ รวมทั้งเคล็ดลับในการสร้างบารมีหรือความน่าเชื่อถือของท่าน ซึ่งหลักการเหล่านี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้ในปัจจุบัน สิ่งที่เปลี่ยนคือ วิธีการการประยุกต์ใช้ และพฤติกรรมที่จะต้องมีการปรับให้เข้ากับยุคสมัย เนื่องจากธุรกิจกำลังเข้าสู่โลกยุคใหม่ที่มีความท้าทายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งของการเปลี่ยนแปลง ดิจิทัล ดิสรัปชัน พฤติกรรมและความคาดหวังของผู้บริโภคที่ไม่เหมือนเดิม การเข้ามาของผู้เล่นหน้าใหม่ ทั้งที่มาจากธุรกิจอุตสาหกรรมอื่นการแข่งขันมาจากนอกประเทศ ผู้ประกอบการหน้าใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตาร์ทอัพที่มาพร้อมกับไอเดียและนวัตกรรมที่พร้อมจะดิสรัปต์โลกใบเก่าและความหิวกระหายในความสำเร็จ สามารถทำงาน 24/7 ได้โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และสามารถเริ่มต้นทุกอย่างในแบบ “Set Zero” โดยไม่ต้องมีพันธนาการของ “Legacy” เก่าๆ มาให้เป็นภาระ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจครอบครัวยังมีความได้เปรียบในหลายด้านเมื่อเทียบกับธุรกิจทั่วไป อาทิ การมีวิสัยทัศน์ในระยะยาวและความต่อเนื่องและความยั่งยืนในดำเนินกลยุทธ์เพื่อให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ Commitment ของผู้นำในฐานะเจ้าของที่มีแพสชันอย่างแรงกล้าในการทำธุรกิจ และในขณะที่ธุรกิจทั่วไปอาจจะมีการเปลี่ยนซีอีโอและทีมผู้บริหารทุก 3-4 ปี หรือสั้นกว่านั้น ธุรกิจครอบครัวส่วนใหญ่จะประกอบด้วยทีมงานที่อยู่กันมานาน มีความผูกพันไว้วางใจกัน และจงรักภักดีสูง ความแข็งแกร่งด้านการเงิน รากฐานและเครือข่ายของธุรกิจที่สร้างไว้ รวมถึงชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลที่เป็นเสมือนใบเบิกทางให้สามารถทำอะไรได้ง่ายกว่าคนที่เริ่มต้นจากศูนย์หรือคนที่ไม่มีใครรู้จัก หรือมีต้นทุนน้อยกว่า ทว่าในทางกลับกัน Legacy หรือมรดกเดิมๆ อาจจะกลายเป็นข้อเสียเปรียบของธุรกิจครอบครัวได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมองค์กร โครงสร้างระบบ และกระบวนการทำงานแบบเดิมๆ ที่อาจไม่สอดคล้องกับโลกในยุคปัจจุบัน การพัฒนาทักษะและ Mindset ของพนักงานที่อยู่กับบริษัทมานานให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคนี้หรือแนวทางธุรกิจใหม่ๆ ที่จะก้าวไป การจัดการในเรื่องของความสัมพันธ์ อารมณ์ การบริหารความคาดหวังของบิดามารดา สมาชิกในครอบครัว ทีมงาน หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญคนอื่นๆ เพราะในบริบทแบบไทย การเปลี่ยนแปลงอาจไม่สามารถเกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นได้อย่างราบรื่น หากไม่มีทักษะในการจูงใจหรือคำนึงถึงการรักษาหน้าตาและชื่อเสียงของคนรุ่นก่อน เช่น การใช้ Crucial Conversation Skills หรือในหลายกรณีพบว่า การส่งต่ออำนาจมาสู่มือผู้บริหารรุ่นใหม่ก็ยังไม่ได้มีความชัดเจนที่จะเอื้อให้ทายาทมีสิทธิและอำนาจในการตัดสินใจและดำเนินการเรื่องสำคัญได้อย่างแท้จริง  

2.เร่งการทรานส์ฟอร์ม

ท่ามกลางความท้าทาย และข้อได้เปรียบเสียเปรียบต่างๆ ของธุรกิจครอบครัวในข้างต้น หนึ่งในภารกิจสำคัญที่ทายาทและผู้นำธุรกิจทุกคนในยุคนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้หากต้องการนำพาธุรกิจให้อยู่รอดและเติบโตในโลกยุค New Normal คือการติดปีกอัตราเร่งให้กับการเปลี่ยนแปลงหรือการทำทรานส์ฟอร์เมชันทั้งในสามมิติ ได้แก่ มิติของธุรกิจ (Business Transformation) วัฒนธรรมองค์กร (Culture Transformation) และมิติความเป็นผู้นำ (Leadership Transformation) ตามกรอบแนวทางในการสร้างองค์กรที่แข็งแกร่งและยั่งยืนดังต่อไปนี้
  • Business Transformation
การปรับเปลี่ยนด้านธุรกิจ เนื่องจากกระแสของการดิสรัปต์โดยเทคโนโลยี และการแข่งขันในรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งหน้าที่ของทายาทในชั่วโมงนี้คือการคิดใหม่ทำใหม่ การผลักดันนวัตกรรมและความกล้าเสี่ยงและลองถูกลองผิดให้เกิดมากขึ้นในองค์กร การออกแบบและริเริ่มรูปแบบธุรกิจและกลยุทธ์ใหม่ ด้วยระบบ กระบวนการ และโครงสร้างใหม่ เพื่อนำพาธุรกิจไปสู่เส้นทางใหม่ ด้วยแพสชันของผู้บุกเบิกพรมแดนใหม่และจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneur Spirit) ที่มองเห็นโอกาสใหม่ๆ ในการสร้าง “New Cash Cows” หรือ “New S-Curve” ให้กับธุรกิจครอบครัว
  • Culture Transformation
การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรน่าจะเป็นเรื่องที่ท้าทายที่สุด เพราะการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมหรือวิถีปฏิบัติที่ฝังรากลึกกันมายาวนานย่อมต้องใช้เวลาพลังงาน และ Commitment ของทุกคนในองค์กรทายาทหรือผู้นำธุรกิจจะต้องคิดว่าจะทำอย่างไรจึงสามารถเปลี่ยนคนที่ทำงานกับบริษัทเป็นเวลานาน 20-30 ปี และ Empower คนรุ่นใหม่ให้มาร่วมสร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ที่ทำให้องค์กรสามารถแข่งขันได้ในโลกยุคใหม่ อาทิ การทำงานในแบบ Agile การเร่งสปีดและลดขั้นตอนการทำงานในระดับต่างๆ การสร้างองค์กรแห่งนวัตกรรม ฯลฯ ซึ่งยิ่งองค์กรมีขนาดใหญ่เท่าไร ความยากก็มักจะมีมากขึ้นตามลำดับ การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรได้กลายเป็นหนึ่งในวาระสำคัญและความท้าทายสูงสุดของบรรดาซีอีโอในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ในหลายกรณีพบว่ายังมีอีกทางเลือกหนึ่ง นั่นคือการแยกออกมาตั้งบริษัทลูกหรือหน่วยธุรกิจใหม่ที่ประกอบด้วยทีมงานคนรุ่นใหม่เพื่อ “Set Zero” หากการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมในองค์กรเดิมไม่ประสบผลสำเร็จ หรืออาจจะต้องใช้เวลามากเกินไป เพราะธุรกิจไม่สามารถรอได้
  • Leadership Transformation
การปรับเปลี่ยนภาวะผู้นำเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งเพราะในการนำองค์กรไปสู่ทิศทางใหม่ๆ จำเป็นต้องอาศัยทักษะหรือคุณสมบัติของผู้นำที่ไม่เหมือนเดิมอย่างไรก็ตาม ในโลกยุคนี้ที่มีความซับซ้อนและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจจึงไม่อาจฝากภาระทุกอย่างไว้กับผู้นำเพียงคนเดียวได้ ดังนั้น หนึ่งในคุณสมบัติของผู้นำในโลกยุคใหม่ คือ การ “สร้างทีม” ที่สามารถผสานจุดแข็งและความแตกต่างของแต่ละคน สามารถทำงานโดยสอดประสานและมีความไว้วางใจซึ่งกันและกันสูง (A High Trust Complementary Team)  

3.Self-Credibility ชี้ขาดความสำเร็จ

สิ่งสำคัญที่ทายาทหรือผู้นำรุ่นใหม่ต้องตระหนักคือ ขณะที่ความเป็นทายาทสามารถส่งต่อสืบทอดได้ความเชื่อมั่น หรือไว้วางใจ (Leader’s Credibility) จากทีมงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ต้องสร้างขึ้นเอง โดยไม่สามารถส่งต่อแบบอัตโนมัติจากคนรุ่นก่อนมาสู่ทายาทได้ ซึ่งกระบวนการสร้าง Trust นั้น มีหลักการที่เป็นขั้นตอนและเป็นวิทยาศาสตร์ ยกตัวอย่างเช่น
  • การสร้าง Character หรือความเป็นตัวตน เช่น ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริง และทำการตัดสินใจในเรื่องยากด้วยวุฒิภาวะและความรับผิดชอบ
  • ความรู้ ความสามารถ (Competency) ไม่ได้หมายความว่า จะต้องรู้ทุกเรื่อง แต่อย่างน้อยผู้นำจะต้องมีความสามารถในการสังเคราะห์ข้อมูลและพิจารณาองค์ประกอบต่างๆ เพื่อทำการตัดสินใจในเรื่องสำคัญได้ รวมทั้งความสามารถในการนำการเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ทักษะใหม่ และการเป็นผู้นำแบบตัวคูณ หรือ “Multipliers” ที่สามารถจุดประกายและดึงศักยภาพสูงสุดจากทีมงานออกมาได้เพื่อความสำเร็จอย่างยั่งยืนขององค์กร
สำหรับวิกฤตในครั้งนี้ นับเป็น Unprecedented Time และเป็นบททดสอบสำคัญของผู้นำในทุกระดับ โดยเฉพาะทายาทธุรกิจที่ต้องเข้ามาช่วยรักษา พลิกฟื้นและนำพาธุรกิจครอบครัวไปสู่ทิศทางใหม่ ด้วยวิธีการและรูปแบบใหม่ โดยอาศัยแพสชัน และสปิริต ของผู้ก่อตั้งเปรียบเหมือนการสร้างรากฐานและปฐมบทใหม่ที่มีความยิ่งใหญ่และยั่งยืนให้กับธุรกิจครอบครัวที่สืบทอดและได้รับความไว้วางใจมา   พรทิพย์ อัยยิมาพันธ์ ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร PacRim กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญในการทำทรานส์ฟอร์มองค์กรวัฒนธรรม และผู้นำให้กับองค์กรชั้นนำของไทยมากว่า 20 ปี     อ่านเพิ่มเติม:
อ่านบทความและเรื่องราวรอบโลกแบบเต็มๆ ได้ที่ นิตยสาร ForbesLife Thailand ฉบับพิเศษ ฉบับเดือนธันวาคม 2563