ข่าวดังก้องโลกในวงการโซเซียลมีเดียในรอบปี 2564 ที่ผมนึกถึงเป็นเรื่องแรกๆ เลย ก็คือ Facebook เพราะทันทีที่ Mark Zuckerberg CEO ของ Facebook ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น Meta Platforms, Inc., ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากคำว่า ‘Metaverse’ ทำเอาทั้งโลกตะลึงกับจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่นี้
แต่ที่แน่ๆ Zuckerberg ประสบความสำเร็จในการเข้ามาจุดพลุให้คนทั้งโลกได้รู้จักเรื่องราวของ Metaverse ที่เป็นเทคโนโลยีสร้างโลกเสมือนกันมากยิ่งขึ้น เพราะเขาชูวิสัยทัศน์นำ Meta จะมุ่งสู่ถนนสายเทคโนโลยีแห่งอนาคต การสร้าง Metaverse ซึ่งเป็นโลกใบใหม่กว้างใหญ่ยิ่งกว่าโลกโซเซียลมีเดียที่ Facebook เป็นอยู่ในปัจจุบัน หลังจากที่ผ่านมา คนทั่วโลกต่างยกย่องเขาเคยสร้างโซเซียลเน็ตเวิร์กที่ยิ่งใหญ่ประสบความสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง ที่สามารถดึงดูดคนทั้งโลกมาเข้าใช้งานเคลื่อนไหวถึงเดือนละ 2,800 พันล้านคนทีเดียว (ข้อมูล ณ 31 มีนาคม 2564 จาก Wikipedia) Metaverse สร้างโลกเสมือนเชื่อมโลกจริง ผมเชื่อว่า ผู้คนส่วนใหญ่ยังงงๆ แล้ว Metaverse คืออะไร เป็นของเล่นใหม่หรือ และใช้งานได้ดีกว่าโซเซียลมีเดียที่ติดลมบนทุกวันนี้อย่างไรบ้าง จริงๆ แล้ว เรื่องราวของ Metaverse ไม่ใช่เรื่องใหม่ คนทำงานในแวดวงเทคโนโลยีมีความมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การสร้าง Metaverse ให้เกิดขึ้นจริงได้ ด้วยการพยายามจะเชื่อมระหว่างโลกเสมือนจริงกับโลกจริงมาอย่างต่อเนื่อง เชื่อกันว่าเทคโนโลยี Extended Reality (XR) จะเป็นตัวแปรสำคัญที่สร้างโลกใบนั้น ไม่ว่าจะเป็น Augmented Reality (AR) หรือ Virtual Reality (VR) เพียงแต่ว่า ช่วงก่อนหน้านี้ เทคโนโลยีเหล่านี้ ส่วนใหญ่ผู้ใช้จะอยู่แค่อุตสาหกรรมเกมและการพัฒนาแอปพลิเคชันบางกลุ่มเท่านั้น จึงยังไม่สามารถตีตลาดเข้าถึงผู้ใช้วงกว้างได้ดีนัก
บริษัทเทคทั่วโลกพุ่งเป้าหาอนาคตกับ Metaverse
การสร้าง Metaverse ไม่ได้มีเพียง Meta ที่เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันเท่านั้น ยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่ที่อยู่ฝั่งโลกตะวันตกและโลกตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นบริษัท Microsoft บริษัท Nvidia บริษัท Snapchat บริษัท Epic Games และบริษัท Tencent เป็นต้น ต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน คือ กำลังมุ่งหน้าเดินเข้าสู่การสร้าง Metaverse ขึ้นมา นั่นแปลว่า ไม่มีใครจะครอบครองเบ็ดเสร็จเหมือนกับแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์กอีกต่อไป เพราะแม้แต่บริษัทพัฒนาเกมก็เข้ามาถนนสาย Metaverse อย่างบริษัท Niantic ผู้พัฒนาเกม Pokemon Go มีแผนจะสร้าง Metaverse มูลค่ากว่า 9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยจะพัฒนาเทคโนโลยีที่มาในรูปแบบแพลตฟอร์ม AR บนพื้นฐานของแบบจำลอง 3 มิติ เพื่อให้โลกเสมือนจริงออกมาสมจริงมากที่สุด ปัจจุบัน Niantic ระดมทุนได้กว่า 300 ล้านเหรียญ จาก Coatue Management บริษัทที่ลงทุนในธุรกิจคริปโทเคอร์เรนซี ขณะที่เกม Pokemon Go ได้รับความนิยมสูงสุดในประวัติศาสตร์ และมีผู้เล่นหลายล้านคนทุกเดือน เมื่อต้นปีนี้ มียอดขายสูงถึง 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพราะฉะนั้นการเข้ามาสร้าง Metaverse เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก
โอกาสลงทุนว่าที่เมกะเทรนด์ Metaverse
Grayscale บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านคริปโตเคอร์เรนซี่ เปิดเผยการศึกษาทิศทางของ Metaverse เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง เป็นโอกาสเติบโตของโลกคริปโตฯ คาดสร้างรายได้ต่อปีทะลุ 1 ล้านล้านเหรียญฯ เนื่องจาก Metaverse คือโอกาสทางธุรกิจที่จะขยายรายได้จากการโฆษณา งานดิจิทัล อีเวนต์ อีคอมเมิร์ซ และฮาร์ดแวร์ต่างๆ ได้ถึง 1 ล้านล้านเหรียญฯ เมื่อรวมผลประกอบการจากบริษัททั่วโลกเอาไว้ด้วยกัน แนวโน้มการเติบโตที่ดีของ Metaverse ยังส่งผลให้เม็ดเงินมหาศาลไหลเข้าไปลงทุนบริษัทที่เกี่ยวข้องมากขึ้น ในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา มีรายงานว่า Web3 และ NFT (Non-Fungible Token) สามารถระดมทุนได้ถึง 1.8 พันล้านเหรียญฯ จากการระดมทุนในอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีโดยรวมที่ 8.2 พันล้านเหรียญฯ ขณะที่อุตสาหกรรม Metaverse คือ บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยี รวมไปถึงธุรกิจเกมและอีสปอร์ต ตอนนี้คุณคงได้เห็นความเคลื่อนไหวของบริษัทเกมว่ากำลังมุ่งหน้าพัฒนา Metaverse เพื่อรองรับผู้เล่นจำนวนมากบนโลกใบนี้
อีกตัวอย่างรายบริษัท อย่างบริษัท Nvidia ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ รับอานิสงส์เต็มๆ ทำผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นร้อยละ 29 ในเดือนพฤศจิกายน และ ร้อยละ 66.6 ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และมีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 8.246 แสนล้านเหรียญฯ ถูกคำนวณในดัชนี S&P500 ซึ่งหุ้น Nvidia ก็อยู่ในธีมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ธีมเกมและอีสปอร์ต และธีมเทคโนโลยี
หากคุณไม่อยากจะตกเมกะเทรนด์ Metaverse ที่กำลังจะเข้ามาในอนาคต สามารถจัดพอร์ตลงทุนได้ผ่าน Passive ETF ที่ถือหุ้นเกี่ยวกับเทคโนโลยี เช่น iShares Exponential Technologies ETF (XT) ที่เป็นตัวแทน 198 บริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเปลี่ยนแปลงสังคมวงกว้าง หรือหากเป็นธีมเกมและอีสปอร์ต ก็จะมี Global X Video Games & E-sports ETF (HERO) รวมไปถึงธีมที่เกี่ยวข้องในเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น อีคอมเมิร์ซ ฟินเทค คลาวด์ หุ่นยนต์และ AI ที่มีอีกหลาย ETF ที่น่าลงทุนพร้อมเติบโตไปกับ Metaverse
ว่าที่เมกะเทรนด์ Metaverse กำลังถูกจับตามองและอยู่ในแผนพัฒนาของบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก ยิ่งจีนกำลังจะเร่งพัฒนาเพื่อแข่งกับสหรัฐฯ อย่างเต็มรูปแบบ จะยิ่งทำให้เห็นพลัง Metaverse จะเข้ามาเปลี่ยนโลกในอนาคต หากการเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวกับ Metaverse ที่กำลังอยู่ในเวฟแรกๆ โอกาสที่เงินลงทุนจะเติบโตตามวัฏจักรธุรกิจนี้ก็ยิ่งมีมากกว่า
โดย
ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์
CEO Jitta Wealth
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine


