เปิดจักรวาล ‘Metaverse’ เมกะเทรนด์แห่งอนาคต เมื่อโลกเสมือนจะเชื่อมโลกจริง - Forbes Thailand

เปิดจักรวาล ‘Metaverse’ เมกะเทรนด์แห่งอนาคต เมื่อโลกเสมือนจะเชื่อมโลกจริง

FORBES THAILAND / ADMIN
04 Jan 2022 | 01:40 PM
READ 3005

ข่าวดังก้องโลกในวงการโซเซียลมีเดียในรอบปี 2564  ที่ผมนึกถึงเป็นเรื่องแรกๆ เลย ก็คือ Facebook เพราะทันทีที่ Mark Zuckerberg CEO ของ Facebook ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น Meta Platforms, Inc., ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากคำว่า ‘Metaverse’ ทำเอาทั้งโลกตะลึงกับจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่นี้

แต่ที่แน่ๆ Zuckerberg ประสบความสำเร็จในการเข้ามาจุดพลุให้คนทั้งโลกได้รู้จักเรื่องราวของ Metaverse ที่เป็นเทคโนโลยีสร้างโลกเสมือนกันมากยิ่งขึ้น เพราะเขาชูวิสัยทัศน์นำ Meta จะมุ่งสู่ถนนสายเทคโนโลยีแห่งอนาคต การสร้าง Metaverse  ซึ่งเป็นโลกใบใหม่กว้างใหญ่ยิ่งกว่าโลกโซเซียลมีเดียที่ Facebook เป็นอยู่ในปัจจุบัน หลังจากที่ผ่านมา คนทั่วโลกต่างยกย่องเขาเคยสร้างโซเซียลเน็ตเวิร์กที่ยิ่งใหญ่ประสบความสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง ที่สามารถดึงดูดคนทั้งโลกมาเข้าใช้งานเคลื่อนไหวถึงเดือนละ 2,800 พันล้านคนทีเดียว (ข้อมูล ณ 31 มีนาคม 2564 จาก Wikipedia) Metaverse สร้างโลกเสมือนเชื่อมโลกจริง ผมเชื่อว่า ผู้คนส่วนใหญ่ยังงงๆ แล้ว Metaverse คืออะไร เป็นของเล่นใหม่หรือ และใช้งานได้ดีกว่าโซเซียลมีเดียที่ติดลมบนทุกวันนี้อย่างไรบ้าง จริงๆ แล้ว เรื่องราวของ Metaverse ไม่ใช่เรื่องใหม่ คนทำงานในแวดวงเทคโนโลยีมีความมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การสร้าง Metaverse ให้เกิดขึ้นจริงได้ ด้วยการพยายามจะเชื่อมระหว่างโลกเสมือนจริงกับโลกจริงมาอย่างต่อเนื่อง เชื่อกันว่าเทคโนโลยี Extended Reality (XR) จะเป็นตัวแปรสำคัญที่สร้างโลกใบนั้น ไม่ว่าจะเป็น Augmented Reality (AR) หรือ Virtual Reality (VR)  เพียงแต่ว่า ช่วงก่อนหน้านี้ เทคโนโลยีเหล่านี้ ส่วนใหญ่ผู้ใช้จะอยู่แค่อุตสาหกรรมเกมและการพัฒนาแอปพลิเคชันบางกลุ่มเท่านั้น จึงยังไม่สามารถตีตลาดเข้าถึงผู้ใช้วงกว้างได้ดีนัก
Photo Credit: https://envision-is.com/xr/
  สำหรับคำนิยามของ Metaverse ผมคิดว่า ยังไม่มีออกมาชัดเจน แต่ก็มีบทความ ‘101: What on earth is the metaverse?’ ในเว็บไซต์ PwC พูดถึง Metaverse ว่า ไม่ใช่คอมมูนิตี้ออนไลน์ที่อยู่แบบโดดๆ เหมือนเกมออนไลน์ที่ต่างมีโลกของตัวเอง ในทางกลับกัน Metaverse เปรียบเหมือน ‘จักรวาล’ ที่มีชุมชนต่างๆ รวมถึงเกมออนไลน์เข้ามาอยู่ด้วยกัน Metaverse อาจไม่ได้เป็นสถานที่ในโลกดิจิทัลเสมอไปก็ได้ แต่จะอยู่รอบๆ ตัวเราที่เป็นโลกจริง  เราจะสามารถเชื่อมต่อกับโลกเสมือนจริงผ่านเทคโนโลยี Internet of Things (IoTs) และอุปกรณ์ AR และ VR ต่างๆ สร้างพื้นที่หรือโลกอีกใบที่ผู้คนสามารถเชื่อมต่อได้ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ (Cross Device) เช่น แว่นตา AR หรือ อุปกรณ์ VR บทความขยายภาพให้เห็นชัดๆ  Metaverse จะมีลักษณะคล้ายกับโลกที่จำลองสภาพแวดล้อมของความเป็นจริง ทุกอย่างจะเชื่อมต่อกันแบบ Always On เราสามารถสวมแว่น AR และช้อปปิ้งใน Metaverse ได้ โดยไม่ต้องก้าวเข้าไปในร้านค้า สินค้านั้นก็จะถูกส่งไปถึงบ้านเราได้จริง สรุปว่า Metaverse คือการสร้างพื้นที่หรือโลกอีกใบที่ผู้คนสามารถเชื่อมต่อได้ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับโลกจริงให้เป็นเนื้อเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกม แม้แต่จะเรียน เล่น ประชุมออนไลน์ ทำธุรกิจ หรือกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันเรา ก็ทำผ่าน Metaverse ได้ และผู้ใช้ยังสามารถเลือก Avatar (กราฟิกสร้างรูปตัวตน) ขึ้นมาแทนตัวเองแบบไหนก็ได้ และดำดิ่งสู่ประสบการณ์แบบ Immersive ใน Metaverse ในมุมมองของ Zuckerberg เห็นว่า ประสบการณ์ใน Metaverse จะต่างจากการแชทหรือประชุมออนไลน์ในปัจจุบัน ผู้ใช้ไม่เพียงพูดคุยโต้ตอบกับเพื่อนฝูงและครอบครัวเท่านั้น แต่ยังสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงและอากัปกิริยาเหมือนในชีวิตจริง โดยจะไม่มีหน้าจอมากั้น สินค้าและบริการต่างๆ ในโลกเสมือนก็จับต้องได้ด้วย  สามารถซื้อขายได้จริง จะนำมาสู่การเกิดเศรษฐกิจดิจิทัลขึ้นได้ นี่คือ ก้าวต่อไปของ Meta นั่นเอง ในปี 2564 ก่อนจะเปลี่ยนเชื่อบริษัท Facebook ทุ่มงบมหาศาลไปกับแผนก Facebook Reality Labs เพื่อเดินหน้าสร้าง Metaverse อย่างจริงจัง รวมถึงอุปกรณ์ AR และ VR ซอฟต์แวร์ และคอนเทนต์ต่างๆ การเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะที่พัฒนาร่วมกับ Ray-Ban ทำให้เทคโนโลยีเสมือนดูใกล้ตัวและกลืนไปกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังพัฒนา Horizon Workrooms พื้นที่ทำงานและประชุมเสมือนจริงผ่าน VR เพื่อรองรับการทำงานยุคใหม่ พิสูจน์ให้เห็นว่าบริษัทกำลังทุ่มเทกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง หาก Facebook ประสบความสำเร็จในการสร้าง Metaverse  ก็จะทำให้สามารถเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้ ตอนเป็น Facebook ไม่สามารถเอาชนะใจกลุ่มวัยรุ่นที่ต่างหันไปใช้แพลตฟอร์มอื่นแทนอย่าง TikTok ซึ่งวัยรุ่นถือเป็นผู้บริโภคกลุ่มสำคัญของธุรกิจ อีกทั้งจะทำให้ภาพลักษณ์ของ Facebook ยกระดับเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่ล้ำสมัยอีกครั้ง

บริษัทเทคทั่วโลกพุ่งเป้าหาอนาคตกับ Metaverse

การสร้าง Metaverse ไม่ได้มีเพียง Meta ที่เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันเท่านั้น ยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่ที่อยู่ฝั่งโลกตะวันตกและโลกตะวันออก  ไม่ว่าจะเป็นบริษัท Microsoft บริษัท Nvidia บริษัท Snapchat บริษัท Epic Games และบริษัท Tencent เป็นต้น ต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน คือ กำลังมุ่งหน้าเดินเข้าสู่การสร้าง Metaverse ขึ้นมา นั่นแปลว่า ไม่มีใครจะครอบครองเบ็ดเสร็จเหมือนกับแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์กอีกต่อไป เพราะแม้แต่บริษัทพัฒนาเกมก็เข้ามาถนนสาย Metaverse  อย่างบริษัท Niantic ผู้พัฒนาเกม Pokemon Go มีแผนจะสร้าง Metaverse มูลค่ากว่า 9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยจะพัฒนาเทคโนโลยีที่มาในรูปแบบแพลตฟอร์ม AR บนพื้นฐานของแบบจำลอง 3 มิติ เพื่อให้โลกเสมือนจริงออกมาสมจริงมากที่สุด ปัจจุบัน Niantic ระดมทุนได้กว่า 300 ล้านเหรียญ จาก Coatue Management บริษัทที่ลงทุนในธุรกิจคริปโทเคอร์เรนซี ขณะที่เกม Pokemon Go ได้รับความนิยมสูงสุดในประวัติศาสตร์ และมีผู้เล่นหลายล้านคนทุกเดือน เมื่อต้นปีนี้ มียอดขายสูงถึง 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพราะฉะนั้นการเข้ามาสร้าง Metaverse เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก
จำนวนความนิยมในเกม Pokemon Go
ส่วนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ Metaverse อย่างเช่น บริษัท Nvidia ก็มุ่งความสนใจไปที่เทคโนโลยี Metaverse เช่นกัน เพราะชิปของบริษัทจะเป็นที่ต้องการจากทั่วโลก ทำให้บริษัทจะมีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมการ์ดจอและชิปนี้ด้วย โดย Jensen Huang CEO จาก Nvidia มองว่า ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้ Metaverse จำลองการทำงาน ช่วยลดความสิ้นเปลืองในทรัพยากร และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น ซึ่งเป็นการลงทุนเพื่อลดต้นทุนการปฏิบัติงานเป็นหลายร้อยหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ผู้นำโลกตะวันออกอย่างบริษัทเทคยักษ์ใหญ่จากจีนก็ออกตัวแรง ล่าสุดบริษัท Baidu ผู้ให้บริการค้นหาบนเอ็นเตอร์เน็ตชื่อดัง ก็ประกาศสร้าง Metaverse ใช้ชื่อว่า Xirang เตรียมแผนจะเปิดตัวภายในสิ้นปี 2564 ที่ Baidu AI Developer Conference เป็นการประชุมเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดที่ Baidu เคยจัดมานับตั้งแต่ปี 2560 โดยในงานจะรวบรวมบริษัทต่างๆ ที่เป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ ของจีนเอาไว้มากมาย ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของบิ๊กเทคจีนรายนี้ คำว่า Xirang แปลว่า ดินแดนแห่งความหวัง โดยเป็นโลกเสมือนจริงให้กลิ่นอายและสภาพแวดล้อมคล้ายกับจีน จะเป็นแพลตฟอร์มที่เข้าถึงผู้ใช้งานทั้งในรูปแบบสมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ และ VR ผู้ที่เข้ามาอยู่ใน Xirang สามารถซื้อของ ประชุมสัมมนา หรือสื่อสารกับผู้อื่น โดยใช้เสียงตอบโต้ได้และไม่จำเป็นต้องใช้การพิมพ์ข้อความ

โอกาสลงทุนว่าที่เมกะเทรนด์ Metaverse

Grayscale บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านคริปโตเคอร์เรนซี่ เปิดเผยการศึกษาทิศทางของ Metaverse เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง เป็นโอกาสเติบโตของโลกคริปโตฯ คาดสร้างรายได้ต่อปีทะลุ 1 ล้านล้านเหรียญฯ เนื่องจาก Metaverse คือโอกาสทางธุรกิจที่จะขยายรายได้จากการโฆษณา งานดิจิทัล อีเวนต์ อีคอมเมิร์ซ และฮาร์ดแวร์ต่างๆ ได้ถึง 1 ล้านล้านเหรียญฯ เมื่อรวมผลประกอบการจากบริษัททั่วโลกเอาไว้ด้วยกัน แนวโน้มการเติบโตที่ดีของ Metaverse ยังส่งผลให้เม็ดเงินมหาศาลไหลเข้าไปลงทุนบริษัทที่เกี่ยวข้องมากขึ้น ในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา มีรายงานว่า Web3 และ NFT (Non-Fungible Token) สามารถระดมทุนได้ถึง 1.8 พันล้านเหรียญฯ จากการระดมทุนในอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีโดยรวมที่ 8.2 พันล้านเหรียญฯ ขณะที่อุตสาหกรรม Metaverse คือ บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยี รวมไปถึงธุรกิจเกมและอีสปอร์ต ตอนนี้คุณคงได้เห็นความเคลื่อนไหวของบริษัทเกมว่ากำลังมุ่งหน้าพัฒนา Metaverse เพื่อรองรับผู้เล่นจำนวนมากบนโลกใบนี้ อีกตัวอย่างรายบริษัท อย่างบริษัท Nvidia ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ รับอานิสงส์เต็มๆ ทำผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นร้อยละ 29 ในเดือนพฤศจิกายน และ ร้อยละ 66.6 ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และมีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 8.246 แสนล้านเหรียญฯ ถูกคำนวณในดัชนี S&P500 ซึ่งหุ้น Nvidia  ก็อยู่ในธีมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ธีมเกมและอีสปอร์ต และธีมเทคโนโลยี หากคุณไม่อยากจะตกเมกะเทรนด์ Metaverse ที่กำลังจะเข้ามาในอนาคต สามารถจัดพอร์ตลงทุนได้ผ่าน Passive ETF ที่ถือหุ้นเกี่ยวกับเทคโนโลยี เช่น iShares Exponential Technologies ETF (XT) ที่เป็นตัวแทน 198 บริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเปลี่ยนแปลงสังคมวงกว้าง หรือหากเป็นธีมเกมและอีสปอร์ต ก็จะมี Global X Video Games & E-sports ETF (HERO) รวมไปถึงธีมที่เกี่ยวข้องในเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น อีคอมเมิร์ซ ฟินเทค คลาวด์ หุ่นยนต์และ AI ที่มีอีกหลาย ETF ที่น่าลงทุนพร้อมเติบโตไปกับ Metaverse ว่าที่เมกะเทรนด์ Metaverse กำลังถูกจับตามองและอยู่ในแผนพัฒนาของบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก ยิ่งจีนกำลังจะเร่งพัฒนาเพื่อแข่งกับสหรัฐฯ อย่างเต็มรูปแบบ  จะยิ่งทำให้เห็นพลัง Metaverse จะเข้ามาเปลี่ยนโลกในอนาคต หากการเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวกับ Metaverse ที่กำลังอยู่ในเวฟแรกๆ โอกาสที่เงินลงทุนจะเติบโตตามวัฏจักรธุรกิจนี้ก็ยิ่งมีมากกว่า โดย ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO Jitta Wealth
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine