รถยนต์ไฟฟ้ามาแรงแวดวง "เทรนด์อสังหาฯ" เปลี่ยนเตรียมพร้อมให้ไม่ตกขบวน - Forbes Thailand

รถยนต์ไฟฟ้ามาแรงแวดวง "เทรนด์อสังหาฯ" เปลี่ยนเตรียมพร้อมให้ไม่ตกขบวน

กระแสรักษ์โลกและพลังงานสะอาดเป็นที่ถูกพูดถึงมากขึ้นในปัจจุบัน ไม่เว้นแม้แต่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ เห็นได้จากปัจจุบันที่ "เทรนด์อสังหาฯ" มีการออกแบบโครงการที่อยู่อาศัย โดยคำนึงถึงฟังก์ชันที่เป็นมิตรต่อโลกมากขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้วยนวัตกรรมที่ยั่งยืน โดยเทรนด์นี้น่าจะเติบโตต่อไปในอนาคตด้วย

ปัจจุบันโครงการที่อยู่อาศัยหลายแห่ง เริ่มนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย มาใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน เช่น บ้านปลอดฝุ่น จากปัญหาฝุ่นละออง pm 2.5 ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ดังนั้นบ้านที่ถูกพัฒนาในช่วงหลังมานี้ จึงมีการติดตั้งระบบกรองอากาศมากับตัวบ้าน บ้างก็เลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่สามารถกรองฝุ่นละอองได้ พร้อมระบบหมุนเวียนอากาศ ช่วยให้บ้านมีอากาศที่บริสุทธิ์ สามารถอยู่อาศัยได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย ส่วนปัญหาสภาพอากาศร้อนอบอ้าว การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนไม่ใช่แค่การติดตั้งเครื่องปรับอากาศ แต่ยังมีการออกแบบบ้านให้มีระบบระบายความร้อนที่ดี ช่วยรักษาอุณหภูมิภายในบ้านให้เย็นสบาย มีช่องรับลมอย่างเหมาะสม ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาการเปิดแอร์เสมอไป แถมยังช่วยประหยัดพลังงานในระยะยาวด้วย นอกจากนี้ การออกแบบบ้านในปัจจุบัน ยังมีการติดตั้ง EV Charger หรือที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอีกเทรนด์ที่มาแรงเช่นกัน ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ไม่เว้นแต่ในประเทศไทย เห็นได้จากยอดสั่งจองรถยนต์ไฟฟ้าในงาน Motor Show 2022 สูงถึง 34,000 คันเลยทีเดียว ประกอบกับมีมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ ยิ่งช่วยให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นตามไปด้วย โครงการที่อยู่อาศัยหลายแห่ง ยกตัวอย่าง คอนโดมิเนียมมีการติตดั้งจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง หรือถ้าเป็นบ้านเดี่ยว บางโครงการมีจุดชาร์จให้ในพื้นที่ของบ้านด้วย รองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าของลูกบ้านได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องไปติดตั้งเองเพิ่มให้เสียเวลาหรือเสียงบประมาณเพิ่มเติม หากโครงการไหนมี EV Changer รวมอยู่ในสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน ยิ่งได้รับความสนใจจากผู้ซื้อ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนในยุคนี้ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสะท้อนว่าผู้พัฒนา ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและนวัตกรรมแห่งอนาคต ยกระดับภาพลักษณ์และวิสัยทัศน์ของบริษัทได้ดี

ผู้บริโภคยินดีจ่ายเพิ่ม เพื่อซื้ออสังหาฯ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม-มีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

จากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศไทย DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด พบว่า คนไทยส่วนใหญ่กว่า 82% ยินดีจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีรายได้สูง (High income) เนื่องจากมองว่าเป็นสิ่งจำเป็น หากราคาอสังหาฯ จะแพงขึ้น แต่ถ้าแลกมาด้วยฟังก์ชันที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย ดีต่อโลกในระยะยาวด้วย ก็คุ้มค่าที่จะจ่าย นอกจากนี้ ยังพบว่า คนไทย 2 ใน 3 หรือราว 67%  ยินดีจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางและรายได้สูง สอดคล้องไปกับแนวโน้มการใช้รถยนต์ไฟฟ้าด้วย เพราะคนกลุ่มนี้วางแผนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีจุดชาร์จไว้ในโครงการของตัวเอง ในอีกแง่มุมหนึ่ง สะท้อนสถานการณ์ความเป็นจริง ผู้ตอบแบบสอบถามบางคนมองว่า แม้ตนจะต้องการที่อยู่อาศัยที่มีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า แต่ปัจจุบันบางโครงการยังไม่ตอบโจทย์ อีกทั้งตอนนี้อาจจะยังไม่เหมาะที่จะใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพราะมองว่าโครงสร้างพื้นฐานอย่างสถานีชาร์จยังไม่พร้อมมากพอ เช่น ตามคอนโดมิเนียมยังมีจุดชาร์จไม่แพร่หลาย ไม่เพียงพอ เจ้าของรถจำเป็นต้องไปชาร์จไฟตามสถานีชาร์จสาธารณะแทน เช่น ปั๊มน้ำมันหรือห้างสรรพสินค้า

ความคาดหวังของผู้บริโภค ต่อมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าจากรัฐบาล

ผลการสำรวจผู้บริโภค ยังมีอีกประเด็นที่น่าสนใจ คือความคิดเห็นต่อมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าจากรัฐบาล โดยส่วนใหญ่ ต้องการให้รัฐบาลสร้างจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติมในที่จอดรถสาธารณะ และในพื้นที่ส่วนตัว เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคหันมาซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยผู้บริโภคกว่า 61% ต้องการให้รัฐบาลสร้างจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแห่งใหม่ ที่สามารถเข้าถึงได้ รองลงมา 60% ต้องการให้รัฐช่วยเพิ่มจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้น ทั้งในพื้นที่จอดรถสาธารณะและพื้นที่จอดรถส่วนตัว ตามมาด้วย ต้องการให้รัฐสนับสนุนมาตรการเงินคืนเมื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เช่นเดียวกับการใช้จุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ฟรี ในพื้นที่การค้า เป็นต้น นอกเหนือจากความต้องการสถานีชาร์จแล้ว ยังมีความเห็นที่น่าสนใจอื่น ๆ ด้วย เช่น ต้องการให้รัฐบาลละเว้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้า และสนับสนุนเงิน 4-5 แสนบาท สำหรับซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันแรก ด้วยอัตราดอกเบี้ยผ่อน 0% ฯลฯ จากหลายความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสถานีชาร์จ การสนับสนุนเงินแพ็กเกจเมื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงมาตรการทางภาษี ถือเป็นข้อเสนอแนะและเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลด้วยเช่นกัน ที่จะต้องหามาตรการที่เหมาะสมมาช่วยเหลือผู้บริโภคอย่างตรงจุด เพื่อให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ที่สำคัญยังช่วยให้ภาคเศรษฐกิจใหม่เติบโตขึ้นด้วย พร้อมกระตุ้นความพร้อมของภาคอสังหาฯ ให้เตรียมรับมือกับการเข้ามาของเทคโนโลยีนี้ให้ทันเวลา สามารถเติบโตไปกับเทรนด์ยานยนต์แห่งอนาคตและรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน บทความโดย DDproperty
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine