แนวโน้มตลาดหุ้นโลกในปี 2021 มีโอกาสมากที่จะสดใสกว่าปี 2020 ที่กำลังจะจบลงทั้งนี้ พิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่เพิ่งจะเริ่มผ่านจุดต่ำสุดและกำลังฟื้นตัว ระดับอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกมีแนวโน้มต่ำไปอีก 2-3 ปี สภาพคล่องในตลาดการเงินโลกยังคงสูงและส่วนใหญ่อยู่ในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และที่สำคัญที่สุดคือ การคิดค้นวัคซีนหรือยาเพื่อต้านโควิด-19 มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในปี 2021 มากกว่าปี 2020 ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลก
Investment Theme ที่คาดว่าจะมาแรงในปี 2021 ได้แก่
- Computerization of Health Care คือ ธุรกิจที่เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในธุรกิจการแพทย์
- Digital Transformation of Business คือ ธุรกิจที่เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในภาคธุรกิจ
- Workflow Automation คือ ธุรกิจที่เกี่ยวกับระบบอัตโนมัติที่ใช้ในกระบวนการทำงาน
- E-commerce and Digital Payment คือ ธุรกิจที่เกี่ยวกับการค้าและการจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์
- Advancements in Life Sciences คือ ธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านการแพทย์ยุคใหม่
ความเสี่ยงหลักต่อตลาดหุ้นโลกในปี 2021 ยังคงเป็นการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เชื่อว่าจะลดลงหลังพบวัคซีนหรือยาในกรณีเลวร้ายที่สุดหากไม่สามารถควบคุมโรคนี้ได้ ก็คาดว่าจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไม่รุนแรงไปกว่าที่เคยเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2020
ประเด็นที่ต้องติดตามอีกหนึ่งประเด็นคือ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีนซึ่งคาดว่าจะดำเนินต่อไป โดยมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็น Cold War เนื่องจากเป็นการช่วงชิงความเป็นผู้นำของโลกยุคใหม่
สุดท้ายคือผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งอาจไม่ใช่ความเสี่ยงเสียทีเดียวแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่จะส่งผลต่อเนื่องต่อตลาดหุ้นโลกไปอีก 4 ปี โดยเฉพาะหาก Joe Biden ชนะการเลือกตั้ง คาดว่าจะมีผลกระทบต่อตลาดการเงินในช่วงแรก โดยเบื้องต้นคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้น เงินเหรียญสหรัฐฯ อ่อนค่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวน ส่วนข้อดีคือ เงินทุนต่างชาติมีโอกาสไหลมาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงประเทศไทย ดังนั้นนักลงทุนจึงควรเตรียมปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม
การฟื้นตัวหลังผ่านวิกฤตโควิด-19
ปี 2021 ถือว่าเป็นปีแรกหลังเกิดวิกฤตโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจโลกและไทยเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2020 ดังนั้นภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2021 จึงมีแนวโน้มฟื้นตัว แม้ไม่ใช่ V-shape แต่ก็ถือว่าได้ผ่านช่วงที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว
โดยล่าสุด IMF ได้มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2021 จะขยายตัวได้ 5.2% ซึ่งดีกว่าปี 2020 ที่คาดว่าจะหดตัว -4.4% รวมถึงคาดการณ์เศรษฐกิจไทยว่าจะขยายตัวได้ 4% จากปี 2020 ที่คาดว่าจะหดตัว -7.1%
ภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ปี 1997 และวิกฤตการเงินสหรัฐฯ ปี 2007 ซึ่งจะเห็นได้ว่าหลังจากเกิดวิกฤตแล้ว ในปีต่อมาก็จะเริ่มเห็นการฟื้นตัว
แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าการฟื้นตัวในรอบนี้จะแตกต่างจาก 2 รอบที่ผ่านมา เนื่องจากในรอบนี้ยังมีผลกระทบด้านอื่นๆ ที่เกิดขึ้นก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่แล้ว เช่น เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะเติบโตต่ำ การเปลี่ยนโครงสร้างภาคธุรกิจ ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเทคโนโลยีมากขึ้น การให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม การดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันโรคและเตรียมรับสังคมสูงวัย รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่จะเปลี่ยนไป (new normal) ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นอย่างไร
ทั้งหมดนี้คาดว่าจะทำให้ภาคธุรกิจเกิดการปรับตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของหุ้น เช่น ธุรกิจไอซีที พลังงาน การเงิน ท่องเที่ยว ขนส่ง และการแพทย์เป็นต้น นักลงทุนควรติดตามเพื่อนำไปใช้กำหนดกลยุทธ์การลงทุนต่อไป
ตลาดหุ้นไทยทำไม Underperform
ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วและตลาดหุ้นเอเชีย ยกเว้นญี่ปุ่น ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ด้วยซ้ำแต่มาลดลงแรงในช่วงเกิดวิกฤตโควิด-19 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ช่วงหลังวิกฤตการเงินสหรัฐฯ ปี 2007 ที่ตลาดหุ้นไทยถือว่าเป็นตลาดหุ้น แห่งหนึ่งในโลกที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่น โดยสาเหตุสำคัญเป็นผลจาก
- การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อภาคธุรกิจ ทั้งการเงิน พลังงาน ท่องเที่ยว ขนส่ง รวมถึงการแพทย์
- การที่ตลาดหุ้นไทยขาดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลก ส่งผลให้เงินทุนต่างชาติไม่ได้ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างเช่นที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จีน ไต้หวัน และเกาหลีใต้ เป็นต้น ทั้งนี้ การลงทุนผ่าน passive fund หรือ ETF ได้รับความนิยมสูงมาก ดังนั้น หากตลาดหุ้นไหนไม่มีหุ้นเทคโนโลยีก็จะถูกมองข้ามไป
คาดหวังผลตอบแทน 8-10%
คาดว่า SET Index ในปี 2021 มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปได้ที่ 1,400 จุดบนสมมติฐานว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนจะฟื้นตัวในปี 2021-22 โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ว่า กำไรสุทธิต่อหุ้นจะฟื้นตัว +31% และ +24% ตามลำดับ โดยหากการฟื้นตัวเป็นไปตามคาดการณ์ก็จะทำให้ SET Index มีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องไปถึง 1,500 จุด ในปี 2022 อีกด้วย
ปัจจัยสำคัญที่จะชี้วัดว่าตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวหรือไม่คือ การเปิดรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจต่างชาติเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้แข็งแรงขึ้น รวมถึงจะส่งผลดีต่อเนื่องถึงหุ้นกลุ่มธนาคาร พลังงาน ขนส่ง ท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ และการแพทย์ ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มหลักที่กดดันตลาดหุ้นไทยในปี 2020
กลยุทธ์การลงทุนสำหรับปี 2021 คือการซื้อสะสมหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคายังคงไม่แพง บริเวณ SET Index ที่น่าสนใจคือ ระดับที่ต่ำกว่า 1,300 จุด โดยหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะเป็นผู้ชนะ ได้แก่ กลุ่มอาหารส่งออก ขนส่งทางบก (รถไฟฟ้า) การแพทย์ และกลุ่มพาณิชย์ ซึ่งถือว่าเป็นหุ้นในกลุ่มปลอดภัย (defensive) เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง
สุกิจ อุดมศิริกุล
กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย
บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด
คลิกอ่านบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine