ขั้นตอนการทำ ICO : สตาร์ทอัพจะประสบความสำเร็จด้วย Initial Coin Offering จากไอเดียสู่เงินทุนได้อย่างไร - Forbes Thailand

ขั้นตอนการทำ ICO : สตาร์ทอัพจะประสบความสำเร็จด้วย Initial Coin Offering จากไอเดียสู่เงินทุนได้อย่างไร

หากมองย้อนกลับไปยังอุตสาหกรรมบล็อกเชน ปี 2017 จะถูกจดจำว่าเป็นปีที่พลิกโฉมประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ ในบรรดาสิ่งสำคัญที่ได้เกิดขึ้นหลายอย่าง Initial Coin Offering (ICO) อาจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดจากทั้งหมด

แม้ว่าเราอาจจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการที่ ICO จะกลายเป็นกระบวนการระดมทุนที่ถูกกฎหมาย นั่นหมายความว่าผู้ประกอบการจะต้องปฎิบัติอย่างมีความรับผิดชอบและเป็นมืออาชีพ โดยการอธิบายวิธีการที่ใช้ในการระดมทุน นำเงินลงทุนจาก ICO ไปใช้อย่างไร และแสดงความโปร่งใสให้แก่นักลงทุน รวมไปถึงเรื่องอื่นๆ เช่น การปฎิบัติตามสัญญาและข้อผูกมัด เพื่อช่วยเหลือเหล่า Founder ในกระบวนการนี้ และให้มุมมองในทุกด้านที่พวกเขาต้องพบบนเส้นทางการ ICO ผมจึงได้รวบรวมสิ่งที่จำเป็นและปัจจัยพื้นฐานเข้าด้วยกันเป็น Checklist ให้สำหรับทุกคนที่สนใจ  

Checklist 14 ข้อในการทำ ICO

1. คอนเซปท์ของไอเดียหรือ project เหมือนสตาร์ทอัพทั่วไป ทุกอย่างเริ่มจากไอเดียที่จะแก้ปัญหา 2. รวบรวมทีมหลัก ผู้ก่อตั้งต้องรวบรวมทีมงานที่จะทำให้ project เกิดขึ้นได้จริง 3. วางแผนผลิตภัณฑ์ ด้วยทีมที่มีความสามารถหลากหลาย จะมีการตัดสินใจที่สำคัญๆ อย่างเช่น เทคโนโลยีที่จะใช้ การใช้งานของผลิตภัณฑ์ ลักษณะ Token/ICO ฯลฯ 4. หาที่ปรึกษา แก้ไขข้อจำกัดของทีมคุณด้วยคนที่มีประสบการณ์ในการให้คำแนะนำ คำปรึกษา และเครือข่าย 5. การตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์หรือ Community สร้าง community ที่กระตือรือร้น และนำ project เข้าสู่พื้นที่นั้น สร้างแผนการสื่อสารการตลาด (Communication plan) เพื่ออธิบายผลิตภัณฑ์และวิสัยทัศน์ของ project 6. เขียน White paper เขียน White paper เพื่ออธิบายปัญหา วิธีการแก้ไข ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ใช้ token และ ICO รวมไปถึง ทีมงาน ธุรกิจ ฯลฯ 7. ปล่อย roadmap นำเสนอแผนดำเนินการที่สามารถทำได้จริงและพันธกิจในการพัฒนา project รวมถึงสร้าง milestone เพื่อแสดงความรับผิดชอบของทีมต่อ community และผู้สนับสนุน 8. หาคำปรึกษาทางกฎหมาย ทำความเข้าใจอำนาจทางกฎหมาย และหาคำปรึกษาเพื่อปฏิบัติตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น โครงสร้างองค์กร ภาษี หลักทรัพย์ กฎหมาย AML และ KYC ฯลฯ 9. การตลาดสำหรับการขาย Token ประกาศและพัฒนากลยุทธ์การสื่อสาร เพื่อให้ผู้คนได้รับรู้ถึงการขาย token คุณสมบัติของ token ช่องทางการจำหน่าย เงื่อนไขของการซื้อ เป็นต้น 10. ปล่อยโค้ดและหาที่ตรวจสอบ ปล่อยโค้ดของ smart contract ของคุณเพื่อให้การตรวจสอบ และหากเป็นไปได้ก็ควรหาผู้ตรวจสอบเพื่อทบทวน smart contract แก้ไขจุดบกพร่องเพื่อไม่ให้การระดมทุนมีปัญหา 11. ขาย Token (หรือ pre-sale ก่อนก็ได้) ดำเนินการขาย Token ในรอบจริง หรือรอบ pre-sale (ขายทั้งแบบสาธารณะหรือแบบส่วนตัว) เพื่อระดมทุน “seed money” ในการพัฒนา 12. การแปรรูปเงินทุน ทีมต้องแปลงเงินที่ได้รับบางส่วนเป็นเงินสดเพื่อแจกจ่ายทีม ค่าเทคโนโลยี และค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ 13. ปล่อย prototype ยิ่งเปิดตัว prototype ได้เร็วมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี โดยเฉพาะถ้าหากสามารถเปิดตัวได้ก่อน ICO 14. รายงานความโปร่งใสและรายงานภายหลังจากการขาย หลังจากพ้นการ ICO แล้ว งานที่แท้จริงและความรับผิดชอบต่อ community จะเกิดขึ้น สิ่งที่จำเป็นได้แก่ ความโปร่งใส มีความคืบหน้า และต้องคอยรายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง  

พื้นฐานสำหรับการ ICO ของ project บล็อกเชนของคุณ

ถึงแม้บาง project ที่ประสบความสำเร็จนั้นอาจจะไม่ได้ผ่านทุกขั้นตอนข้างต้น แต่มีคุณสมบัติพื้นฐานที่ project บล็อกเชนของคุณจำเป็นที่จะต้องมี ข้อดังต่อไปนี้คือเกณฑ์เบื้องต้นที่เกิดขึ้นในวงการเพื่อใช้ในการคัดเลือก project ที่จริงจังและน่าสนใจ คุณจะต้องมีครบทุกอย่างนี้ตั้งแต่ในช่วงเริ่มต้น ซึ่งปัจจัยที่นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสนใจได้แก่ 1. ทีม สิ่งแรกที่นักลงทุนอาจมองในการพิจารณา project คือ มีใครบ้างที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ project นี้ การเปิดเผยหน้าตาและประสบการณ์จะช่วยสร้างความเชื่อใจได้เป็นอย่างดี บาง project อาจใช้สมาชิกทีมที่แตกต่างกัน คุณควรสร้างทีมที่สามารถแสดงประสบการณ์ทางเทคนิค ความสามารถในการพัฒนาธุรกิจ และมีความรู้ในเรื่องบล็อกเชน (ทั้งเชิงเทคนิคและความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม) การร่วมพัฒนาแบบ open-source จะช่วยได้เป็นอย่างดีในวงการ 2. กลุ่มที่ปรึกษา คุณจะต้องแก้ไขข้อจำกัดของทีมคุณโดยการมีที่ปรึกษา เช่น ความรู้ทางเทคนิค (การหานักพัฒนาบล็อกเชนที่มีประสบการณ์เป็นเรื่องที่ยากมาก ดังนั้นการมีที่ปรึกษาจึงช่วยได้เป็นอย่างมาก) หรือคนที่มีความรู้วงในเกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่คุณกำลังพัฒนา project (เช่น ถ้าคุณจะสร้างบล็อกเชนในอุตสาหกรรมประกันภัย การมีคนที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมนั้นก็จะดูน่าเชื่อถือขึ้น) เลือกที่ปรึกษาโดยวัดจากคุณค่าที่เขาจะสามารถช่วยใน project ของคุณ มากกว่าเลือกเพราะชื่อเสียงของเขา คุณจะได้รับประโยชน์จากพวกเขามากกว่าในระยะยาว 3. White paper (หากมี position และ Yellow paper จะยิ่งดี) อาจเป็นเพราะว่าบล็อกเชนที่โด่งดังที่สุดทั้งสอง ได้แก่ Bitcoin และ Ethereum ริเริ่มด้วย White paper จึงทำให้เอกสารนี้กลายเป็นสิ่งใช้ยืนยันความน่าเชื่อถือและความจริงจังของ project ถึงแม้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยในขณะนี้ แต่การมี White paper ที่อธิบายเชิงลึกถึงวิธีการทำงานของ project คุณสำคัญเป็นอย่างมาก นักลงทุนที่จริงจังและคนที่สนใจแพลตฟอร์มของคุณด้วยเหตุผลที่ไม่ใช่เพื่อเก็งกำไรจะอยากอ่าน White paper ก่อนจะลงทุน Position paper: บาง project อาจเผยแพร่ก่อนที่จะปล่อย White paper ซึ่งเอกสารนี้จะมีข้อโต้แย้งที่ชัดเจน 2-3 หน้า ที่สนับสนุนเทคโนโลยีของคุณเพื่อรับ feedback จาก community ไปใช้ในการพัฒนา White paper ต่อไป Yellow paper: บริษัทด้าน crypto หรือบล็อกเชน ที่ซับซ้อนมากขึ้นจะนำเสนอ Yellow paper หรือ White paper ฉบับที่สอง ซึ่งฉบับนี้จะอธิบายอย่างละเอียดของเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ถูกสร้างขึ้นหรือที่ขอเสนอสร้าง 4. Code และ/หรือ Prototype คุณอาจจะสื่อสารวิสัยทัศน์ได้ดีเยี่ยม แต่คำถามคือ คุณจะสามารถสร้างได้จริงหรือเปล่า การแสดง code repository หรือจะยิ่งดีขึ้นไปอีกหาก แสดง prototype ที่ใช้งานได้ เป็นหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดที่จะบรรลุได้ และในขณะเดียวกันก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่สร้างความแตกต่างได้มากที่สุดเช่นกัน ในปัจจุบัน ICO ส่วนมากระดมทุนจากการให้คำมั่นสัญญาว่าจะสร้างผลิตภัณฑ์ ดังนั้น การพัฒนา prototype ที่ใช้งานได้จะสร้างความได้เปรียบเป็นอย่างมาก 5. Roadmap เมื่อคุณได้รับเงินมาแล้ว คุณก็ควรจะสร้างเครื่องมือที่ทำให้คนอื่นไว้วางใจคุณได้ นี่คือหนึ่งในจุดประสงค์หลักของการสร้าง roadmap โดยที่คุณควรนำเสนอแผนในปีต่อๆ ไปของ project และ milestone หลักๆ ของคุณ รวมถึงการให้เห็นตารางการเปิดตัวแต่ละเวอร์ชั่นของผลิตภัณฑ์ก็เป็นสิ่งสำคัญ 6. เงื่อนไขการขาย Token นอกเหนือจากแพลตฟอร์มและคุณประโยชน์ของ Token แล้ว นักลงทุนจะอยากรู้ว่าเงื่อนไขการขาย Token ของคุณเป็นอย่างไร มีจำนวน Token เท่าไหร่ในการเปิดขาย และจำนวนเท่าไหร่ที่จะถูกจัดเก็บ ระยะเวลาในการขาย มี soft cap (ยอดขายขั้นต่ำ) หรือ hard cap (จำกัดยอดขาย) เท่าไหร่ หรือเครื่องมืออื่นๆ ที่มีผลต่อความสนใจของนักลงทุน การมีปัจจัยครบทั้งหมดและเข้าใจล่วงหน้าถึงขั้นตอนที่คุณจะต้องพบในการ ICO เป็นเพียงขั้นตอนแรกในการเตรียมความพร้อม เพราะการดำเนินการ ICO เป็นหนทางที่ยาวไกลที่ใช้ระยะเวลาหลายเดือน (เป็นอย่างน้อย) ที่จะต้องพบเจออุปสรรคมากมาย ผมหวังว่าผมจะสามารถทำให้คุณมีพื้นฐานเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่คุณกำลังจะต้องพบ และจะทำอย่างไรให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้