เมื่อต้นทุนน้ำมันดันราคาพลาสติกปิโตรเลียมวิ่งแซงราคาต้นทุนไบโอพลาสติก หรือจะถึงจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมพลาสติกโลกด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคต “ไบโอเทคโนโลยี”
ตัวเลขในปี 2562 ที่ผ่านมาโลกของเรามีการใช้พลาสติกมากถึง 380 ล้านตัน เมื่อเกิดการแพร่ระบาดโควิดพบว่า ในปี 2563-2564 ผู้คนลดการเดินทางออกจากบ้าน รวมถึงการไปรับประทานอาหารที่ร้าน ผลักดันให้บรรจุภัณฑ์อาหารจากพลาสติกถีบตัวสูงขึ้น แม้ผู้ประกอบการหลายแห่งหันมาใช้กระดาษ แต่กระดาษที่ใช้เป็นบรรจุภัณฑ์อาหารนั้นต้องมีการเคลือบพลาสติกหรือโพลิเมอร์ เพื่อป้องกันความชื้นหรือไอน้ำจากอาหารที่ส่งผลให้กระดาษเปื่อยยุ่ยอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ที่พบเห็นในผลิตภัณฑ์ที่อยู่รอบตัวจากของใช้ในชีวิตประจำวันล้วนแต่มีส่วนประกอบของโพลิเมอร์ทั้งสิ้น หนุนให้ปริมาณการใช้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนในปัจจุบันแตะ 400 ล้านตัน ซึ่งหากเทียบปริมาณให้เข้าใจง่ายจะมีขนาดเท่ากับรถบรรทุก 40 ล้านคัน! ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีก็มีราคาเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว เช่น เม็ดพลาสติกที่ราคาขยับขึ้นมามากกว่า 120% เมื่อเทียบกับปี 2563 รวมถึงแนวโน้มราคาน้ำมันที่คาดว่าจะไม่ลดลงในอีก 2 ปี และมีราคาที่ผันผวนเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้ผลิตไบโอพลาสติกสบช่องในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีให้ไบโอพลาสติกมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าพลาสติกจากปิโตรเคมี ณ ราคาปัจจุบันได้เป็นที่เรียบร้อย ปัจจุบันกำลังการผลิตไบโอพลาสติกทั่วโลกมีเพียง 2.23 ล้านตันหรือเพียง 0.5% ของปริมาณการใช้พลาสติกทั้งหมด ซึ่งไบโอพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้มีเพียงประมาณ 1.36 ล้านตัน หรือมีสัดส่วนเพียง 58% โดยเป็นไบโอพลาสติกประเภท PLA, PHA และ starch ซึ่งคาดว่าไบโอพลาสติกประเภท PHA จะมีอัตราการเติบโตสูงสุดประมาณ 10 เท่าใน 5 ปีนับจากนี้ จากคุณสมบัติเด่นที่มีลักษณะคล้ายพลาสติกประเภทคืนตัว (thermoplastic) ใกล้เคียงกับพลาสติกจากปิโตรเลียม รวมถึงเข้ากับสิ่งมีชีวิตได้ดี เพราะผลิตด้วยการเลี้ยงในเซลล์สิ่งมีชีวิตคือ แบคทีเรียย่อยสลายเร็วที่สุด แต่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงด้านไบโอเทคในการเลี้ยงคุมสภาวะในเตาปฏิกรณ์ชีวภาพราคาแพง จึงทำให้ยังมีต้นทุนที่สูงมาก ปัจจัยต้นทุนการผลิตหลักของไบโอพลาสติกมาจากการลงทุนของเครื่องจักรและต้นทุนด้านพลังงาน utilities ที่ทำให้กระบวนการปลอดเชื้อ เปลี่ยนโครงสร้างคาร์บอน ส่วนวัตถุดิบจะเป็นต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำหากในประเทศมีแหล่งวัตถุดิบปริมาณมาก เช่น ผลิตผลของเหลือจากการเกษตร ดังนั้น แนวทางสำคัญที่นักวิทยาศาสตร์ วิศวกร ผู้ผลิตต้องเร่งพัฒนาคือ กระบวนการผลิตและเครื่องจักรที่ต้นทุนต่ำลง และใช้พลังงานหมุนเวียนจากการผลิตอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องมาแชร์กันให้ต้นทุนต่ำที่สุด ปัจจุบันผู้ผลิตไบโอพลาสติกรายสำคัญของโลกยังอยู่ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเป็นหลัก และเริ่มมีผู้ผลิตรายใหญ่จากจีน ญี่ปุ่น ส่วนแหล่งวัตถุดิบสำคัญอีกแห่งของโลกอยู่ที่บราซิลจากการเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ ซึ่งถือเป็นวัตถุดิบหลักของไบโอพลาสติก ถึงแม้จะมีวัตถุดิบปริมาณมาก แต่ต้นทุนปัจจัยสำคัญของการผลิตไบโอพลาสติกคือ เทคโนโลยีขั้นสูง เครื่องจักร เครื่องมือวัด และระบบควบคุมที่ต้องเป็น real time detection & auto adjustment automation เพื่อการควบคุมการผลิตที่ยังคงมีราคาสูง และจำเป็นต้องมีทีมนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่เข้มแข็งเพื่อพัฒนาอย่างต่อเนื่องได้ ประเทศไทยมีผู้ผลิตไบโอโพลิเมอร์ต้นน้ำเพียง 3 ราย ได้แก่- บริษัท ฟรุตต้า ไบโอเมด ไบโอเทคสตาร์ทอัพที่พัฒนาเทคโนโลยี สร้างไลน์ผลิตไบโอโพลิเมอร์ประเภท PHA รายเดียวในอาเซียน และรายที่ 13 ของโลกในต้นทุนที่ต่ำกว่า เพราะพัฒนาไปสู่การผลิตเครื่องจักรได้เอง มีทีมนักวิทยาศาสตร์ biotech วิศวกร bioengineering /mechatronics พัฒนาเครื่องจักรและไลน์ผลิตเอง โดยใช้วัตถุดิบเหลือใช้จากการผลิตเครื่องดื่มผลไม้ ผลไม้แช่แข็ง โดยมีพื้นฐานทางวิศวกรรมมาจากการผลิต cold aseptic line จากอุตสาหกรรมเครื่องดื่มผลไม้
- กลุ่ม Total-Corbion บริษัทน้ำามันและปิโตรเคมีรายใหญ่จากยุโรป (ฝรั่งเศส) ซึ่งมาลงทุนไลน์ผลิตไบโอพลาสติก PLA ขนาด 75,000 ตันที่ระยอง
- และรายที่ 3 กำลังจะมีการก่อสร้างโรงงานผลิตไบโอพลาสติก PLA ที่นครสวรรค์ โดยกลุ่ม NatureWorks จากสหรัฐอเมริการ่วมกับ PTTGC ของกลุ่ม ปตท.
- HENRIQUE DUBUGRAS และ PEDRO FRANCESCHI คู่ซี้แห่ง ‘BREX’
- สหรัฐฯ อนุมัติหนังสือเดินทาง ‘X’ เป็นกลางทางเพศ 11 เมษายนนี้
คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมีนาคม 2565 ในรูปแบบ e-magazine