YOSHIKO MORI เศรษฐีนีผู้ไม่ก้มหัวให้วิกฤต - Forbes Thailand

YOSHIKO MORI เศรษฐีนีผู้ไม่ก้มหัวให้วิกฤต

FORBES THAILAND / ADMIN
09 Sep 2020 | 10:07 AM
READ 1983

Yoshiko Mori มีมูลค่าทรัพย์สินลดลง 19% มา อยู่ที่ 1.4 พันล้านเหรียญ ท่ามกลางความปั่นป่วนของตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก แต่ Mori Building ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่นที่เธอดูแลอยู่นั้นยังคงเดินหน้าโครงการขนาดมหึมามูลค่า 5.4 พันล้านเหรียญ เพื่อพัฒนาพื้นที่ขนาด 8.1 เฮกตาร์ใจกลางกรุง Tokyo ขึ้นมาใหม่

โครงการนี้คือ Toranomon-Azabudai ซึ่งมีชื่อตามสถานที่ตั้ง อยู่ท่ามกลางโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ของบริษัทอีก 3 โครงการใน Tokyo คือ Ark Hills, Roppongi Hills และ Toranomon Hills วางแนวคิดให้เป็นโครงการอเนกประสงค์รูปแบบ “เมืองในเมือง” ประกอบไปด้วยอะพาร์ตเมนต์สำนักงาน ร้านอาหาร และโรงเรียนนานาชาติ รวมถึงตึกที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เป็นอาคารระฟ้า (ยังไม่ได้ตั้งชื่อ) ความสูง 330 เมตร สูงกว่าเจ้าของแชมป์ในปัจจุบันคือ Abeno Harukas ใน Osaka 30 เมตร โฆษกบริษัทบอกว่า แม้กระทั่งการระบาดของโควิด-19 ก็ไม่ได้ทำให้บริษัทต้องเลื่อนการพัฒนาโครงการออกไปแต่อย่างใด และยังคงมีกำหนดสร้างแล้วเสร็จช่วงต้นปี 2023 โดยคาดว่าจะช่วยพลิกสถานการณ์ยอดขายที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ ของบริษัทลดลง ทั้งนี้ Mori Building มีรายได้ลดลง 3 ปีติดต่อกันก่อนที่ในปี 2019 รายรับสุทธิยังลดลงอีกราว 16% มาอยู่ที่ 1.8 พันล้านเยน (176 ล้านเหรียญ) ขณะผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือน ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมามียอดขายลดลง 9% เหลือ 1.2 แสนล้านเยน นอกจากโครงการต่างๆ ใน Tokyo แล้ว บริษัทยังมีชื่อเสียงจากการสร้างอาคารระฟ้าที่สูงที่สุดในประเทศจีนคือ Shanghai World Financial Center ความสูง 101 ชั้น นอกจากนี้ Mori Building ยังเป็นผู้บริหารอาคาร 100 แห่งในประเทศจีนและญี่ปุ่น เมื่อปีที่แล้ว Mori Hospitality ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าซื้อ Conduit House บริษัทไพรเวทอิควิตี้ด้านธุรกิจบริการในฮ่องกงโดยไม่เปิดเผยสัดส่วนการถือหุ้น ทำให้บริษัทได้เข้ามาสัมผัสกิจการโรงแรมของ Conduit ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย Mori กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน Mori Building หลังจากได้รับมรดกจาก Minoru Mori สามีผู้ล่วงลับ ซึ่งเขาเองเข้ามาบริหารกิจการที่บิดาคือ Taikichiro Mori เป็นผู้ก่อตั้งเมื่อปี 1959 จนกระทั่ง Minoru เสียชีวิตเมื่อปี 2012 ในวัย 77 ปี เวลานี้ Mori ยังคงนั่งอยู่ในบอร์ดของบริษัท โดยมี Hiroo Mori ลูกเขยวัย 58 ปีซึ่งรับหน้าที่เป็นซีอีโอ Mori Hospitality อยู่ และคาดว่าเขาจะได้สืบทอดบังเหียนจากเธอในที่สุด  
คลิกอ่านการจัดอันดับฉบับเต็ม “JAPAN'S 50 RICHEST” ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนสิงหาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine