Syed Azman Syed Ibrahim อดีตทหารมาเลเซียผู้ผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการ มีแผนการทะเยอทะยานสำหรับ Weststar Group ของเขาโดยการมองหาพันธมิตรธุรกิจเข้าช่วยจากตลาดใหม่ๆ
Syed Azman Syed Ibrahim กำลังโหมทำงานสุดแรงเกิด เพื่อให้ Weststar Group กลุ่มบริษัทนอกตลาดและพอร์ตธุรกิจที่มีหุ้นอยู่ในบริษัทต่างๆ อย่างธุรกิจให้บริการเฮลิคอปเตอร์นอกชายฝั่ง ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ดำเนินกลยุทธ์แบบหลายขาในเวลาเดียวกันเพื่อขยายฝูงเฮลิคอปเตอร์ บุกตลาดใหม่ และกระตุ้นยอดขายยานยนต์เพื่อความยั่งยืน
หัวใจสำคัญของแผนนี้คือ Weststar Aviation Services บริษัทเรือธงซึ่งมีเฮลิคอปเตอร์ 34 ลำ (เห็นชอบที่จะซื้ออีก 5 ลำในเดือนพฤษภาคม) ทำให้กลายเป็นผู้ให้บริการนอกชายฝั่งที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตามข้อมูลของบริษัทวิจัยตลาดในอินเดียได้ Imarc Group ได้ระบุไว้
โดย Ibrahim ผู้ก่อตั้งและเจ้าของ Weststar Group ซึ่งตั้งอยู่ในเขต Ampang ประเทศมาเลเซีย มีเป้าหมายที่สูงลิ่ว “เราต้องการเป็นผู้ให้บริการเฮลิคอปเตอร์รายใหญ่ที่สุดในโลกภายใน 10 ปี” เขากล่าว
เฮลิคอปเตอร์ของ Weststar ถูกใช้ในการรับส่งผู้บริหาร ลูกเรือ และขนวัสดุอุปกรณ์ให้อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ รวมถึงการตรวจสอบท่อและสายไฟ การสำรวจป่าไม้ และการขนส่งผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลที่ใกล้เคียงแบบเร่งด่วนซึ่งมักอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถเข้าถึงได้หรือยากต่อการเข้าถึงโดยการขนส่งรูปแบบอื่น
บริษัทมีฐานปฏิบัติการหลายแห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา และลูกค้าก็มีทั้ง Petronas บริษัทน้ำมันของรัฐบาลมาเลเซีย และยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอย่าง Shell กับ ExxonMobil นอกจากนี้ ยังมี Weststar General Aviation ที่ดำเนินธุรกิจอย่างอิสระ มีเครื่องบินไอพ่น 2 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำสำหรับรับส่ง VIP
ปัจจุบัน Ibrahim วัย 63 ปี เป็นเจ้าของ Weststar Aviation Services 100% หลังจากทำข้อตกลงซื้อหุ้นคืน 21% จาก KKR บริษัทใหญ่นอกตลาดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เขาบอกว่า บริษัทนี้มีมูลค่า 4 พันล้านริงกิต (890 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ผู้ประกอบการรายนี้อยู่ในอันดับที่ 24 ในทำเนียบ 50 เศรษฐีของมาเลเซียโดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 825 ล้านเหรียญ
ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการกลุ่มของ Weststar Group และประธานกรรมการของ Weststar Aviation Services
ตามรายงานจากบริษัทวิจัยและการตลาดใน Dublin คาดว่า ตลาดบริการเฮลิคอปเตอร์นอกชายฝั่งทั่วโลกจะเติบโตเป็น 3.1 พันล้านเหรียญภายในปี 2028 จาก 2.5 พันล้านเหรียญในปี 2022
แผนของ Ibrahim นั้นรวมถึงการลงทุน 250 ล้านเหรียญเพื่อเพิ่มจำนวนเฮลิคอปเตอร์ที่เขาเป็นเจ้าของและเช่าเกือบ 30% ในอีก 2 ปีข้างหน้า ฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางส่วนใหญ่ของเขารวมถึงเครื่องที่ผลิตโดยบริษัท Airbus ยักษ์ใหญ่ด้านการบินของยุโรปและบริษัท Leonardo ของอิตาลี
นอกจากนี้ Ibrahim ยังมองหาตลาดใหม่ๆ เพื่อที่ Weststar จะได้ลดการพึ่งพาแต่ตลาดมาเลเซีย “เรากำลังมองหานักลงทุนเข้าร่วมลงทุนที่ช่วยให้เราเติบโตในต่างประเทศได้” อดีตนายทหารบอก “เราได้คุยกับนักลงทุน 2-3 รายในตะวันออกกลางแล้ว”
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาบริษัทได้ประกาศร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่ชื่อ Helicopter & Cooperation SAS ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง French Avico Group และ Westair Aviation ในนามิเบีย ข้อตกลงนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซในยุโรปและแอฟริกา
ในขณะเดียวกัน Weststar Aviation Services ก็ขยายธุรกิจโดยเพิ่มบริการเครื่องบินเช่าเหมาลำให้กับรัฐบาลต่างๆ ในปีที่แล้วบริษัทได้ปล่อยเช่าเฮลิคอปเตอร์ 4 ลำให้กับกองทัพอากาศมาเลเซีย โดยบอกว่า จะมีการส่งมอบอีก 4 ลำภายในต้นปี 2024 และจะมีการทำสัญญาอีก 3 ลำกับรัฐบาลมาเลเซีย
สำหรับเป้าหมายของเขาในการเป็นผู้ประกอบการเฮลิคอปเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้น เขาต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือด ผู้เล่นรายใหญ่ระดับโลกบางรายมีเครื่องบินมากกว่า 200 ลำ แต่ Ibrahim ก็ไม่สะทกสะท้าน
“ธุรกิจนี้ไม่ได้เกี่ยวกับว่าใครมีจำนวนลำเยอะที่สุด” เขาบอก “มันเกี่ยวกับว่าใครมีนักบินที่ดีที่สุด วิศวกรที่ดีที่สุด ประวัติความปลอดภัยที่ดีที่สุด และกำไรที่สมเหตุสมผล”
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : แตกเพื่อโต Sequoia แบ่งย่อยเป็นแบรนด์ใหม่ในเอเชีย