Spencer Fung ซีอีโอของ Li & Fung ได้ขับเคลื่อนบริษัทอายุ 113 ปีแห่งนี้ของเขาผ่านห้วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดครั้งหนึ่ง หุ้นของบริษัททำราคาต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบเกือบ 20 ปี ที่ 1.3 เหรียญฮ่องกง เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นการดิ่งลงร้อยละ 63 ในช่วงเวลา 12 เดือน
ปีที่แล้ว Victor และ William พ่อและลุงของเขารั้งอันดับที่ 27 ในทำเนียบมหาเศรษฐีด้วยทรัพย์สินมูลค่า 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ต้องหลุดจากอันดับในปีนี้เพราะมีทรัพย์สินไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 1.27 พันล้านเหรียญ
หลังจากทำรายได้ลงลง 4 ปีติดต่อกัน และขาดทุน 309 ล้านเหรียญ ในปี 2017 Li & Fung สามารถฟื้นตัวกลับมาในปีที่แล้ว โดยบริษัททำกำไรสุทธิ 50 ล้านเหรียญในช่วงครึ่งปีแรก แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2017 ก็ยังเป็นตัวเลขที่ลดลงถึงร้อยละ 19
ผู้ค้าออนไลน์อย่าง Amazon ได้สร้างปัญหาอย่างมากให้กับลูกค้ารายใหญ่ของ Li & Fung ซึ่งรวมถึง Walmart และ Macy’s ขณะเดียวกัน สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ที่ลุกลามก็ยังอาจเป็นอันตรายกับการดำเนินงานของบริษัท และเพื่อเป็นการรับมือกับอุปสรรคเหล่านี้ Fung ได้ริเริ่มความพยายามในการพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงอย่างโปรแกรมช่วยออกแบบสามมิติ และการนำกระบวนการทางเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ร่วมกับปฏิบัติการห่วงโซ่อุปทาน (supply chain operation) เพื่อช่วยเหลือลูกค้าทั้งที่เป็นร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมและผู้ค้า ออนไลน์ในการบริหารคลังสินค้าแบบเรียลไทม์ และให้พวกเขาสามารถปรับตัวเข้ากับแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
Fung กล่าวว่า กุญแจสำคัญของการอยู่ให้รอดจากสงครามการค้าคือการกระจายธุรกิจ (diversification) กลยุทธ์ที่ Li & Fung ใช้มานานคือการให้กำลังสนับสนุนในด้านการผลิตแก่ลูกค้าที่เผชิญสถานการณ์ยุ่งยากในฐานการผลิตหลักของตนเอง ในเอเชีย Li & Fung มีซัพพลายเออร์อยู่ทั้งในจีน บังกลาเทศ อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม โดยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทุกประเทศเผยถึงแผนการ “ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง”
Fung ยังประเมินสถานการณ์ในแง่บวก เขาเชื่อว่า บริษัทที่เก่าแก่น่าเกรงขามอย่าง Li & Fung จะฟื้นตัวกลับมาได้ พร้อมกับความเป็นไปได้ที่ครอบครัวของเขาจะได้กลับเข้าสู่ทำเนียบ 50 อันดับบุคคลร่ำรวยที่สุดของฮ่องกง
Fung กล่าวว่า Li & Fung คุ้นเคยกับความปั่นป่วนด้านภูมิศาสตร์การเมืองเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย หรือแอฟริกา ตลอดความเป็นมาอันยาวนาน บริษัทมีประสบการณ์การดำเนินธุรกิจในประเทศที่ไร้เสถียรภาพ และได้เห็นวัฏจักรของตลาดผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมามาก Fung เป็นซีอีโอคนที่ 9 ของบริษัท ที่ Fung Pak-liu ปู่ทวดของเขาก่อตั้งขึ้นในปี 1906 ร่วมกับหุ้นส่วน Li To-ming (สองผู้ก่อตั้งดั้งเดิมของ Li & Fung) “สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นอะไรที่เราประสบมาแล้วตลอด 40 ปีที่ผ่านมา” Fung กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Forbes Asia เมื่อเดือนกรกฎาคม – เรื่องโดย Pamela Ambler
อ่านเพิ่มเติมคลิกเพื่ออ่านฉบับเต็ม “ทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีฮ่องกง ประจำปี 2019” ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ เมษายน 2562 ในรูปแบบ e-Magazine