ผู้นำธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าของไทยประกาศทุ่มงบ 4,000 ล้าน เสริมศักยภาพธุรกิจในประเทศและต่างประเทศพร้อมเดินหน้าขยายอาณาจักร 2.3 ล้านตารางเมตร สู่การเติบโตแบบติดปีก ครองอันดับ 1 ในอาเซียน
เรื่อง: พรพรรณ ปัญญาภิรมย์ ภาพ: เอกพงศ์ ตันติผลประเสริฐ บนความผันผวนทางเศรษฐกิจและการชะลอตัวด้านการลงทุนในประเทศ ผู้นำกลุ่มไทคอนยังคงเดินหน้าแสวงหาโอกาสในตลาดประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเติบโตสูงเพื่อสร้างการเติบโตฝ่าขีดจำกัดในประเทศไทยหลังจากธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดในประเทศ ด้วยจำนวน 2,355,586 ตารางเมตร รวม 51 โครงการ แบ่งเป็นพื้นที่โรงงานของ TICON 1,118,705 ตารางเมตรและพื้นที่คลังสินค้าของ TPARK 1,236,881 ตารางเมตร กว่า 10 ปีของ วีรพันธ์ พูลเกษ ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON กับการขับเคลื่อนอาณาจักรไทคอนให้เติบโตที่พร้อมขึ้นแท่นผู้นำในการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าด้วยมาตรฐานชั้นนำในระดับสากล “เราสามารถสร้างการเติบโตกระจายพื้นที่มากที่สุดในประเทศทั้งโรงงานและคลังสินค้าแบ่งเป็นโรงงาน 18 แห่งเน้นทำเลนิคมอุตสาหกรรม และคลังสินค้า 33 แห่ง รวมถึงการบริหารกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์” สำหรับธุรกิจหลักของบริษัทแบ่งเป็นการพัฒนาโรงงานสำเร็จรูปคุณภาพสูงพร้อมใช้เพื่อให้เช่าที่มีหลากหลายขนาด และตอบสนองความต้องการในการใช้งานที่หลากหลายของลูกค้า พร้อมให้บริการกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมหลักของประเทศรวม 18 แห่ง ภายใต้ชื่อ TICON ซึ่งเริ่มก่อตั้งในปี 2533 และ บริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด หรือ TPARK ดำเนินธุรกิจพัฒนาคลังสินค้าคุณภาพสูงพร้อมใช้และโลจิสติกส์ พาร์คในระดับสากล รวม 33 แห่งทั่วประเทศ ตลอดจนการให้บริการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าแบบ built to suit เพื่อรองรับความต้องการใช้งานที่เฉพาะเจาะจงของลูกค้าแต่ละราย ด้วยความริเริ่มของวีรพันธ์ ไทคอนยังเป็นผู้บุกเบิกนำบริษัทระดมทุนผ่านกองทุน ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทีพาร์คโลจิสติคส์ (TLOGIS) และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน อินดัสเทรียล โกรท (TGROWTH) โดยกลุ่มไทคอนเป็นผู้บริหาร ก่อนตั้งบริษัทใหม่ในปี 2556 คือ บริษัท ไทคอน แมแนจเม้นท์จำกัด (TMAN) เป็นบริษัทจัดการทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ พร้อมเปิดตัวกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TREIT) ซึ่งลงทุนทั้งทรัพย์สินของ TICON, TPARK และโรงงานหรือคลังสินค้าจากกลุ่มอื่น ด้านกลยุทธ์ในปีนี้ บริษัทมุ่งเน้นการขยายพื้นที่คลังสินค้าในทำเลที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยเฉพาะพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ และปริมณฑล เช่น บางพลี และวังน้อย โดยในปีที่ผ่านมา วีรพันธ์ได้มีการเปิดและขยายคลังสินค้าใหม่ เพื่อรองรับลูกค้าในกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักหลายราย ซึ่งเป็นการยืนยันความเชื่อมั่นในคลังสินค้าคุณภาพสูงในทำเลศักยภาพเช่น เนสท์เล่ สยามแมคโคร และลอรีอัล เป็นต้น รวมถึงความต้องการจากลูกค้ากลุ่มอี-คอมเมิร์ซเพิ่มขึ้น ได้แก่ ลาซาด้า ไม่เพียงการให้ความสำคัญกับการขยายอาณาจักรทางธุรกิจบนทำเลยุทธศาสตร์บริษัทยังให้ความสำคัญกับนวัตกรรมการก่อสร้างและวิศวกรรมคุณค่าอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้าและการตอกย้ำคุณภาพและมาตรฐาน พร้อมทั้งความเชี่ยวชาญในการออกแบบคลังสินค้าที่สามารถตอบสนองความต้องการอันหลากหลายของลูกค้า เช่น คลังสินค้าวัตถุอันตราย คลังสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ “เราเน้นให้ลูกค้ามีทางเลือกที่ตอบโจทย์ตามความต้องการทั้งหมด ตั้งแต่ทำเล รูปแบบโรงงาน หรือคลังสินค้าที่สามารถออกแบบให้เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจ และคุณภาพมาตรฐานในระดับสากล ซึ่งทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในกลุ่มไทคอน รวมถึงการให้บริการครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น การให้คำแนะนำหรือคำปรึกษา พร้อมทั้งทีมงาน TFIXอสังหาริมทรัพย์ ก่อนที่จะตั้งบริษัทใหม่ในบริการซ่อมบำรุงและช่วยดูแลรักษาตลอด24 ชั่วโมง” จับมือยักษ์ใหญ่ลุยอินโดฯ เมื่อประตูการค้าเสรีอาเซียนเปิด วีรพันธ์ เล็งเห็นโอกาสสร้างการเติบโตนอกประเทศโดยตามแผนการลงทุน 5 ปี (พ.ศ.2558-2562) ที่จะใช้เงินลงทุน 50,000 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา กลุ่มไทคอนได้ร่วมทุนกับ บริษัท พีที เซอร์ยา ซีเมสตา อินเตอร์นูซ่าทีบีเค (PT Surya Semesta Internusa Tbk-SSIA) และ บริษัท มิตซุย แอนด์ คัมปนี จัดตั้ง บริษัท พีที เอสแอลพี เซอร์ยา อินเตอร์นูซ่า (PT SLP Surya Ticon Internusa SLP) ในอินโดนีเซีย มีทุนจดทะเบียนขั้นต้น 46.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,500 ล้านบาท โดย SSIA ถือหุ้น 50% มิตซุย 25% และไทคอน 25% วีรพันธ์ มั่นใจในบิ๊กดีลที่เกิดจากความร่วมมือของยักษ์ใหญ่สามประเทศ โดยมิตซุยนับเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านการค้า การลงทุนและบริการที่หลากหลายและครบวงจรของโลก ด้วยจำนวนสำนักงาน 142 แห่งใน 66 ประเทศ (ณ เดือนมีนาคม 2558) โดยทำเลแรกที่ SLP เลือกเปิดประเดิมอยู่ในโครงการ Suryacipta Technopark บริเวณทางเข้านิคมอุตสาหกรรม Suryacipta City of Industry จังหวัดการาวังในชวาตะวันตกทางตะวันออกของกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของประเทศ จึงเป็นทำเลยุทธศาสตร์ของอินโดนีเซียซึ่งในเฟสแรกวีรพันธ์เริ่มต้นโครงการจำนวน 16 ยูนิต ขนาดพื้นที่อาคาร 2,160 ตารางเมตร รวมพื้นที่ให้เช่า 34,560 ตารางเมตร และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกประมาณ 51,000 ตารางเมตร ซึ่งน่าจะขยายพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานให้เช่าในโครงการ Technopark ได้รวม 146,195 ตารางเมตร “เราต้องการเป็นอันดับ 1 ของอินโดนีเซียนอกเหนือจากพื้นที่ 150,000 ตารางเมตรเรายังมองทำเลเพิ่มในอินโดนีเซียอีก 2 แห่งซึ่งมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน คือ ท่าเรืออินโดที่มีการนำเข้าส่งออกและใช้กระจายสินค้าไปยังเกาะต่างๆ ในประเทศ รวมถึงทำเลที่อยู่ใกล้เมืองหลวง เช่น จาการ์ตาซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่รอบนอกถึง 40 ล้านคน” ทั้งนี้ วีรพันธ์ย้ำเป้าหมายการสร้างการเติบโตให้ SLP เป็นผู้พัฒนาและบริหารจัดการคลังสินค้าและโรงงาน เพื่อให้เช่าระดับสากลในประเทศอินโดนีเซีย และ ปิดท้ายถึงเป้าหมายการแจ้งเกิดธุรกิจไว้ว่า “เราหวังว่าจะเป็นเบอร์ 1 ของทุกประเทศภายใน 5 ปี จากกลุ่มลูกค้าจำนวนมากในเมืองไทยที่มีฐานธุรกิจในอาเซียน เรามองเห็นศักยภาพการเติบโต”คลิ๊กอ่าน "ไทคอนรุกสู่ผู้นำอาเซียน ประเดิมปั้น SLP ถิ่นอิเหนา" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ JULY 2016 ในรูปแบบ e-Magazine