Pawan Munjal ผู้พลิกโฉมรถไฟฟ้าแห่ง Hero MotoCorp - Forbes Thailand

Pawan Munjal ผู้พลิกโฉมรถไฟฟ้าแห่ง Hero MotoCorp

FORBES THAILAND / ADMIN
16 Apr 2022 | 09:14 AM
READ 2297

Pawan Munjal ประธานกรรมการและซีอีโอ Hero MotoCorp กำลังเร่งเครื่องเพื่อเป็นผู้นำในตลาดรถไฟสองล้อในอินเดีย แม้ว่าจะเข้ามาเล่นในสนามที่เต็มไปด้วยคู่แข่งมากรายช้ากว่ารายอื่นและยังต้องแข่งกับบริษัทของหลานชายก็ตามที 

มอเตอร์ไซค์และสกูตเตอร์ของ Hero MotoCorp ตั้งประดับอยู่ในล็อบบี้ของศูนย์วิจัยของบริษัทในเมือง Jaipur ซึ่งห่างจากเมือง New Delhi ลงไปทางใต้ 270 กม. หนึ่งในหลายรุ่นที่เป็นความภาคภูมิใจคือ รุ่น CD 100 ที่โด่งดัง ซึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 1985 จากบริษัทร่วมลงทุนในอดีตระหว่าง Hero Honda กับ Honda Motor Co. ของญี่ปุ่น

ความสำเร็จของรุ่น CD 100 และรุ่นอื่นๆ ช่วยให้ Hero ซึ่งตั้งอยู่ใน New Delhi กลายเป็นผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์และสกูตเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลกในปี 2001 (คิดเป็นจำนวนคัน) ทุกวันนี้ Hero ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่ร้อยละ 37 (จำนวนคัน) ในตลาดรถสองล้อของอินเดีย นำหน้า Honda ไปเยอะ ซึ่งมีส่วนแบ่งอยู่ที่ร้อยละ 25 และยังต้องแข่งกับอดีตพันธมิตรของเขาในอินเดียรายนี้ 

HERO XTREME 160R

แต่ตำแหน่งผู้นำตลาดของ Hero อาจสั่นคลอนจากเทรนด์ที่เปลี่ยนไปหารถไฟฟ้า ทั้งนี้การเดินทางด้วยรถสองล้อไฟฟ้ามีส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อยในตลาดอินเดีย นั่นคือ 143,837 คัน หรือแค่ร้อยละ 1.3 ของยอดขายรถสองล้อรวมทั้งปีจนถึงเดือนมีนาคมในปี 2021 ซึ่งตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าภายในเวลา 3 ปี 

รัฐบาลเองก็กำลังสนับสนุนการเติบโตของตลาดดังกล่าว โดยเพิ่มงบอุดหนุนผู้บริโภคที่จะซื้อรถสองล้อไฟฟ้าอีกร้อยละ 50 และเพิ่มเพดานของสิทธิพิเศษนี้อีกเท่าตัวเป็นร้อยละ 40 ของราคารถ ทำให้ราคารถสองล้อไฟฟ้าที่เคยสูงได้ลดลงมาสอดคล้องกับรุ่นคล้ายๆ กันที่ใช้แก๊สมากขึ้น เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมารัฐบาลประกาศว่า ได้อัดฉีดสิทธิพิเศษต่างๆ มูลค่า 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อเร่งการผลิตแบตเตอรี่และเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนในประเทศ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้รัฐบาลบรรลุเป้าหมายที่ประกาศไว้ว่า ภายในปี 2030 อย่างน้อยร้อยละ 30 ของยานยนต์ใหม่ทั้งหมดที่ขายในอินเดียรวมถึงรถสองล้อจะต้องเป็นรถไฟฟ้า 

กระแสนิยมรถไฟฟ้าถือเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดประการหนึ่งกับตำแหน่งผู้นำตลาดที่ Hero ครองมานานหลายทศวรรษ เป็นที่รู้กันว่า Hero มักจะออกรถรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่กลับออกตัวช้าในเรื่องรถไฟฟ้าเพราะไม่มีรถสองล้อไฟฟ้าวางจำหน่ายเลย ในขณะที่บริษัทกว่าสิบแห่งในอินเดียตั้งแต่สตาร์ทอัพจนถึงคู่แข่งยักษ์ใหญ่ในประเทศอย่าง Bajaj Auto และ TVS Motor ตอนนี้ขายรถสองล้อไฟฟ้าได้มากกว่า 50 รุ่นที่แตกต่างกัน (รถสองล้อหมายถึง โมเพด สกูตเตอร์ และมอเตอร์ไซค์

แล้ว Pawan Munjal ประธานกรรมการและซีอีโอของบริษัทจะรับมือกับความท้าทายนี้อย่างไร เขามั่นใจว่า Hero MotoCorp ไม่เพียงแต่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ แต่ยังจะเป็นผู้นำตลาดเกิดใหม่อย่างตลาดรถไฟฟ้าด้วยเรามีศักยภาพ เรามีความแข็งแกร่ง เรามีเครื่องมือ เรามีพลังทางการเงินที่จะเป็นผู้นำตลาดรถไฟฟ้าได้ Munjal วัย 67 ให้สัมภาษณ์ผ่านวิดีโอเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาจากเมือง Baltimore ขณะเดินทางไปทำธุรกิจอยู่ที่นั่น 

เหยียบคันเร่ง แซงหน้าคู่แข่ง

เรื่องตลกร้ายคือ หนึ่งในคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดของ Munjal ในอาณาจักรรถไฟฟ้าคือ Naveen Munjal หลานชายของเขาเอง ซึ่งบริหาร Hero Electric Vehicles บริษัทที่แยกตัวออกมาและปัจจุบันเป็นผู้นำตลาดรถสองล้อไฟฟ้าในอินเดียเมื่อดูจากส่วนแบ่งตลาด และด้วยรถนับสิบรุ่นที่มีทำให้ Hero Electric ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนนอกตลาดหลักทรัพย์ขายรถไฟฟ้าไปกว่า 50,000 คัน

เมื่อปี 2020 Sohinder Gill ซีอีโอของ Hero Electric กล่าวว่า การเข้ามาของผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Hero MotoCorp เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าการเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้นจริง และมีแต่จะทำให้ตลาดนี้ขยายขึ้นไปอีกมีพื้นที่ให้ทุกคนโตแบบมากเกินพอเสียด้วยซ้ำแต่ประเด็นยุ่งยากสำหรับ Hero MotoCorp คือไม่สามารถใช้ชื่อแบรนด์ Hero Electric บนสินค้ารถไฟฟ้าใดๆ 

สถานการณ์ที่ไม่ปกตินี้ผุดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2010 เมื่อคนในตระกูล Munjal แบ่งกิจการครอบครัว Hero Group เป็น 4 ส่วน Pawan ได้ JV Hero Honda กิจการร่วมค้าที่มีมูลค่ามากสุด (เปลี่ยนชื่อเป็น Hero MotoCorp ในปี 2011) ในขณะที่ครอบครัว Naveen ได้สิทธิใช้ชื่อ Hero Electric ในชื่อบริษัทและสินค้า Naveen อ้างว่า เขาเป็นหัวหอกในการสร้างโมเดลรถไฟฟ้ารุ่นแรกของ Hero Cycles ในปี 2001 (ซึ่งล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า) จึงมีเหตุสมควรให้พูดได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกตลาดรถสองล้อไฟฟ้าในอินเดีย 

คู่แข่งอีกรายที่ Hero ต้องต่อสู้ด้วยคือ Ola Electric ซึ่งเป็นสาขาของ Ola บริษัทให้บริการเรียกรถในประเทศที่ลงทุนไป 322 ล้านเหรียญเพื่อสร้างโรงงานใหม่ทางตอนใต้ของอินเดีย โดยมีกำลังการผลิตสกูตเตอร์ไฟฟ้า 10 ล้านคันต่อปี หลังจากที่ Bhavish Aggarwal ผู้ร่วมก่อตั้ง Ola ประกาศว่า จะเปิดตัวสกูตเตอร์ไฟฟ้าในทวิตเตอร์เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทได้รับ 100,000 คำสั่งซื้อภายใน 24 ชั่วโมงทันทีที่เปิดให้จอง 

แผนของ Hero ที่จะตีตื้นในสนามนี้ต้องพึ่งพา Global Centre of Innovation and Technology ศูนย์วิจัยของบริษัทในเมือง Jaipur อย่างมาก และศูนย์วิจัยของ Hero ที่คล้ายกันในเมือง Munich ที่นี่เองที่อนาคตของ Hero ในตลาดรถไฟฟ้าก็ยังคงคาบลูกคาบดอก

คอมเพล็กซ์ถูกออกแบบให้ทันสมัยและเปิดใช้ในปี 2016 บนพื้นที่กว่า 250 เอเคอร์ เป็นศูนย์รวมของวิศวกรนับพัน ศูนย์วิจัยต่างๆ ห้องประชุมใหญ่ และสนามทดสอบรถรุ่นปกติและรุ่นไฟฟ้า มีแผงโซลาร์บนหลังคาช่วยจ่ายไฟฟ้า Munjal บอกว่าเราจะเปิดตัวสินค้าใหม่และเทคโนโลยีใหม่จากศูนย์วิจัยแห่งนี้และเสริมว่า ศูนย์แห่งนี้เป็นความภาคภูมิใจที่ใหญ่ที่สุด ยิ่งใหญ่จริงๆ” 

Munjal ยืนยันว่ารถสองล้อไฟฟ้าคันแรกของบริษัทหรือสกูตเตอร์กำลังจะมาในไม่ช้า ซึ่งน่าจะพร้อมเปิดตัวภายในเดือนมีนาคม ปี 2022 ผู้คนได้เห็นสิ่งที่ดูเหมือนต้นแบบของสกูตเตอร์รุ่นใหม่เพียงแค่นาทีเดียวในการถ่ายทอดงานฉลองครบรอบ 10 ปีบริษัทเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาจากศูนย์วิจัยเมือง Jaipur

Munjal เก็บสิ่งนี้ไว้ตอนจบของงานอันตระการตาที่มีความยาว 1 ชั่วโมง เขาบอกผู้ชมแค่ว่ามีเรื่องราวให้ประหลาดใจเล็กน้อยและไม่ให้รายละเอียดอะไรอื่นอีก เขายืนอยู่ข้างสกูตเตอร์สีขาวซึ่งเขาบรรยายว่าเป็นเหมือนสายฟ้าแลบและบอกว่าเรามาถึงจุดที่พร้อมเผยโฉมสิ่งนี้สู่สายตาโลก” 

ถึงแม้จะยังปิดปากเงียบเกี่ยวกับลูกเล่นของรถคันดังกล่าว Munjal ก็แอบแย้มระหว่างให้สัมภาษณ์กับ Forbes Asia ว่าสกูตเตอร์ไฟฟ้าจะใช้เทคโนโลยีแบบเสียบชาร์จ ถึงแม้ว่าจะลงสนามรถสองล้อไฟฟ้าช้า แต่ Munjal ก็ยืนยันชัดเจนว่าอนาคตของบริษัทจะเน้นรถไฟฟ้า เขาบอกว่าหนทางข้างหน้าซึ่งไม่ใช่แค่สำหรับเรา (แต่) สำหรับอุตสาหกรรมทั่วโลกด้วย คือรถไฟฟ้าหรือเทคโนโลยีที่คล้ายกัน” 

ศูนย์วิจัยที่เมือง Jaipur คือ สิ่งที่แสดงถึงความมุ่งมั่นด้านงานวิจัยของบริษัท ภายในกำแพงตกแต่งสีขาวแวววาวคุณจะได้เห็นโครงมอเตอร์ไซค์ที่กำลังทดสอบความเค้นบนเครื่องที่หน้าตาเหมือนลู่วิ่งซึ่งจำลองสภาพถนนลูกรังเป็นหลุมเป็นบ่อในอินเดียใกล้ๆ กันก็มีเครื่องยนต์ที่กำลังทดสอบวิ่ง 200 ชั่วโมงต่อเนื่อง เพื่อดูความทนทาน ในขณะที่บนแท่นอีกแท่นที่จับกำลังถูกหมุนจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง 150,000 รอบเพื่อดูว่าทำงานผิดปกติหรือไม่ ส่วนที่อยู่ข้างนอกท่ามกลางแสงจ้า คือ สนามทดสอบที่ถูกออกแบบมาเพื่อจำลองสภาพถนนอันหลากหลายในอินเดียตั้งแต่ทางหลวงเรียบๆ ไปจนถึงเส้นทางออฟโรดอันขรุขระ 

โรงงานในเมือง Neemrana

นอกจากศูนย์วิจัยของบริษัทเอง Munjal กำลังสร้างอนาคตให้รถไฟฟ้าของ Hero ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร

ย้อนกลับไปในปี 2016 Hero ได้ลงทุนใน Ather Energy บริษัทมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของอินเดียที่ตั้งขึ้นในปี 2013 โดยศิษย์เก่า Forbes 30 Under 30 Asia 2 คน ตอนนี้ Hero ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวร้อยละ 35 Hero และ Ather กำลังร่วมมือกันพัฒนามาตรฐานตลาดหนึ่งเดียวสำหรับระบบชาร์จเร็วในอินเดีย และ Hero วางแผนจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับชาร์จไฟในที่สาธารณะตามมาตรฐานแนวคิดก็คือขยายโครงสร้างอย่างรวดเร็ว Munjal กล่าว 

ความร่วมมือช่วงแรกกับพันธมิตรอีกรายเพื่อเจาะตลาดรถไฟฟ้าในปี 2012 ลงเอยด้วยความล้มเหลว ในตอนนั้น Hero ซื้อหุ้นร้อยละ 49 ใน Erik Buell Racing (EBR) บริษัทผลิตมอเตอร์ไซค์ในสหรัฐฯ ด้วยเงิน 25 ล้านเหรียญ ข้อตกลงนี้นำสู่การพัฒนาต้นแบบสกูตเตอร์ไฟฟ้า 2 รุ่น และมอเตอร์ไซค์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน 1 รุ่น อย่างไรก็ดีความพยายามเหล่านี้พับไปกลางทางเมื่อ EBR ล้มละลายในปี 2015 

พันธมิตรรายล่าสุดที่ Hero ประกาศเมื่อเดือนเมษายน ปี 2021 คือ Gogoro จากไต้หวัน ซึ่งเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์แบตเตอรี่แบบสลับรายใหญ่ที่สุดของโลกและป้อนพลังงานร้อยละ 97 ให้กับสกูตเตอร์ไฟฟ้าและมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้งหมดของไต้หวัน Munjal กล่าวว่า Hero จะทำา 2 ระบบควบคู่ในรถไฟฟ้าของตน ทั้งแบบสลับแบตเตอรี่จาก Gogoro และแบบชาร์จปกติ เขาเล่าว่า รถไฟฟ้ารุ่นที่ 2 ของ Hero จะใช้เทคโนโลยีเปลี่ยนแบตของ Gogoro 

อนาคตจะเป็นเรื่องของไฟฟ้า การร่วมมือกัน และอุปกรณ์แบบแยกส่วนได้ Munjal บอกไว้ในงานครบรอบ 10 ปี ปัจจัยหนึ่งที่ Hero เป็นต่อคือ ความแข็งแกร่งด้านการเงิน เมื่อปลายเดือนมีนาคม ปี 2021 Hero มีเงินสดกว่า 1 พันล้านเหรียญในบัญชี Munjal จึงทุ่มเงินอย่างหนักเพื่อเข้าสู่ตลาดรถไฟฟ้า

ไม่มีอะไรมาหยุดยั้ง

อันที่จริงตัวเลขโดยรวมของบริษัทในปีบัญชีจนถึงมีนาคมของปี 2021 ซบเซาลงเพราะผลกระทบจากโรคระบาด กำไรสุทธิตกลงร้อยละ 20 เหลือ 2.9 หมื่นล้านรูปี ส่วนรายได้โตขึ้นร้อยละ 6 ไปอยู่ที่ 3.15 แสนล้านรูปี ส่วนที่ครอบครัวถือครอบครองหุ้นใน Hero ที่เป็นบริษัทมหาชนและทรัพย์สินส่วนตัวอื่นๆ ทำให้ Munjal มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.8 พันล้านเหรียญ 

Aditya Makharia นักวิเคราะห์ตลาดยานยนต์ของ HDFC Securities จากเมือง Mumbai กล่าวว่า การเข้าตลาดรถไฟฟ้าช้าถือเป็นความท้าทาย เพราะ Hero จะเป็นแค่หนึ่งในบรรดาผู้เล่นจำนวนมากที่ท้ายสุดก็ตัดสินใจเข้ามาในตลาดนี้ ทั้งนี้ Hero Electric เป็นเจ้าใหญ่อยู่แล้วในตลาด และ Ola Electric ก็กำลังตะครุบยอดสั่งซื้อ ดังนั้น Hero MotoCorp จะต้องแผ้วถางทางเพื่อสร้างอัตลักษณ์และส่วนแบ่งตลาดของตัวเอง 

Munjal คุ้นเคยกับเรื่องท้าทายเป็นอย่างดี เพราะเขาเป็นลูกของ Brijmohan Lall Munjal ผู้ก่อตั้ง Hero Group ที่ล่วงลับในปี 2015 หลังจากที่ครอบครัวแบ่งธุรกิจกันในปี 2010 และยุติการทำกิจการร่วมค้ากับ Honda ซึ่ง Hero มีสิทธิใช้เทคโนโลยีของ Honda จนถึงปี 2015 หลังจากนั้น Hero ต้องพัฒนาเครื่องยนต์ของตัวเองและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ดีการแยกกันทำให้ Hero ต้องเร่งส่งออกสินค้าไปสู่ตลาดโลกซึ่งเป็นสิ่งที่ Honda เคยห้ามเพื่อป้องกันไม่ให้กิจการร่วมค้านี้มาแย่งยอดขายจากสินค้าของ Honda ในต่างประเทศ Munjal ยอมรับว่า Hero ยังไม่สร้างปรากฏการณ์ในตลาดส่งออก ดูจากสัดส่วนการส่งออกอันเล็กน้อยจำนวนร้อยละ 3 จากรถที่ขายได้ทั้งหมดในปีบัญชี 2020 จำนวนทั้งหมด 5.8 ล้านคัน แต่เขาก็ยังตั้งใจจะส่งออกให้ได้ร้อยละ 15 ของยอดขายภายในปี 2025 

โรคระบาดส่งกระทบผลต่ออินเดียอย่างจัง ครอบครัว Munjal ได้ดำเนินการเชิงรุกเพื่อสู้กับโควิด-19 ด้วยการปิดโรงงาน 6 แห่งของ Hero ในอินเดีย และในบังกลาเทศและโคลอมเบียประเทศอีกละแห่งหลายวันก่อนที่รัฐบาลประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดที่สุดในโลกล่วงหน้าแค่ 4 ชั่วโมงเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2020 คุณรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาบอก

พนักงานของ Hero เปลี่ยนไปทำงานจากที่บ้าน และบริษัทเริ่มผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อและหน้ากาก รวมทั้งแจกจ่ายอาหารในชุมชนใกล้เคียง Munjal เริ่มคุยกับทีมหัวหน้าผ่าน Zoom ทุกวันเพื่อให้ประเมินสถานการณ์ได้แบบเรียลไทม์ และให้ความสำคัญกับการรักษาชีวิตก่อนความเป็นอยู่ เขาว่าไว้อย่างนั้น 

มีหลายสิ่งที่บริษัทลงมือทำหนึ่งในนั้น ก็คือ สร้างแดชบอร์ดระบุโซนที่มีโควิด-19 ซึ่งทำให้ปรับระดับการผลิตได้สอดคล้องกับรูปแบบการติดเชื้อรอบโรงงาน และยังพัฒนาระบบเพื่อคาดการณ์สินค้ากลุ่มที่จะเกิดปัญหาเมื่อขาด ด้วยการระบุตัวผู้ขายที่ได้รับผลกระทบและต้องการความช่วยเหลือเพื่อให้พนักงานกลับมาทำงานได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ Hero ยังเริ่มขายออนไลน์ด้วย 

Munjal กล่าวว่า ตอนที่รัฐบาลอินเดียเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม ปี 2021 Hero ก็พร้อมที่จะวิ่งภายในเวลา 6 เดือนบริษัทผลิตรถได้ 30,000 คันต่อวัน เพิ่มจาก 5,000 ในช่วงล็อกดาวน์

เมื่อเดือนมกราคม ปี 2021 บริษัทบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 100 ล้านคันสำหรับการผลิตรถสองล้อ ซึ่งครึ่งหนึ่งมาจากยอดในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาพวกเขารับมือกับโควิดได้ดีนักวิเคราะห์ชื่อ Makharia กล่าว ด้วยโรงงานที่มีอยู่ทั่วทั้งอินเดีย Hero จึงปรับกำลังการผลิตได้อย่างรวดเร็ว และบางครั้งก็เปลี่ยนชั่วข้ามคืนเขาเสริม 

ในตลาดรถที่ใช้แก๊ส Hero ยังคงเป็นผู้นำในกลุ่มมอเตอร์ไซค์ในอินเดีย แต่ก็ประสบภาวะส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มสกูตเตอร์หดหาย โดยลดลงเหลือร้อยละ 10 ในรอบปีบัญชี 2020 จากร้อยละ 18 เมื่อ 10 ปีที่แล้ว และยังมีส่วนแบ่งเล็กๆ อีกร้อยละ 5 ในกลุ่มมอเตอร์ไซค์ระดับบน และเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งกลุ่มนี้ Hero ได้ทำสัญญากับ Harley-Davidson ปลายปี 2020 หลังถอนตัวจากอินเดียเพราะสร้างฐานตลาดของตัวเองในตลาดไม่ได้

ภายใต้สัญญาดังกล่าว Hero กลายเป็นผู้จัดจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ อะไหล่ และอุปกรณ์ต่างๆ ของ Harley-Davidson เพียงผู้เดียวในอินเดีย และยังพัฒนาและขายมอเตอร์ไซค์ระดับบนรุ่นต่างๆ ในอินเดีย ภายใต้แบรนด์อเมริกันอันโด่งดังนี้ Makharia นักวิเคราะห์กล่าวถึงความพยายามของ Hero ที่จะเจาะตลาดรถราคาแพงว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จหรือไม่เป็นเรื่องรอง เพราะอย่างน้อยก็มีสินค้าวางขายแล้ว” 

ในขณะที่มองตรงไปยังสนามรบเพื่อชิงตำแหน่งผู้นำในตลาดรถสองล้อไฟฟ้าในอินเดีย Munjal กล่าวว่าถ้าไม่มีการแข่งขันก็ไม่สนุก ยิ่งมากสิยิ่งดี” 

เรื่อง: MEGHA BAHREE เรียบเรียง: พินน์นรา วงศ์วิริยะ  ภาพ: JAMEL TOPPIN, COURTESY OF HERO MOTOCORP 

อ่านเพิ่มเติม:
คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมีนาคม 2565 ในรูปแบบ e-magazine