Masayoshi Son ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ SoftBank เผยขาดทุนหนักกว่า 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ - Forbes Thailand

Masayoshi Son ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ SoftBank เผยขาดทุนหนักกว่า 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

FORBES THAILAND / ADMIN
10 Nov 2020 | 06:30 PM
READ 2239

Masayoshi Son ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ SoftBank บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีและการลงทุนของญี่ปุ่น แถลงรายงานผลประกอบการในช่วงเดือนเมษายน-กันยายน 2020 ว่า บริษัทขาดทุน 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯจากการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ

ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา The Wall Steet Journal และ The Financial Times รายงานว่า SoftBank ได้ใช้เงินราว 4 พันล้านเหรียญข้าซื้อหุ้นใน Amazon (AMZN), Microsoft (MSFT) และ Netflix (NFLX) ซึ่งล้วนเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นอยู่แล้ว จากเดิมที่ SoftBank มักลงทุนในสตาร์ทอัพที่ยังไม่เข้าตลาดหุ้น อย่างไรก็ดี กลยุทธ์การลงทุนในครั้งนี้ได้สร้างมูลค่าให้กับบริษัทมากถึง 5 หมื่นล้านเหรียญ

Masayoshi Son

ด้วยเหตุนี้ SoftBank จึงเป็นที่กล่าวขานในหมู่นักวิเคราะห์ว่าเป็นNasdaq whaleซึ่งในที่นี้ หมายถึง ผู้เล่นรายใหญ่มากๆ ที่การซื้อขายของผู้เล่นคนนี้เพียงคนเดียวก็สามารถขยับตลาดทั้งหมดได้

อย่างไรก็ดี ในการแถลงการณ์ครั้งนี้ Son ไม่ได้เปิดเผยถึงกลยุทธ์ล่าสุดของ SoftBank ที่จะเข้าลงทุนในหุ้นบลูชิพ (Blue Chip Stock) หรือหุ้นที่มีมูลค่าสูงในช่วงนี้

เมื่อพูดถึงการทำสัญญาทางการเงินเพื่อตกลงซื้อขายมักจะตามมาด้วยความเสี่ยง แต่ด้วยการเข้าถือครองที่ร้อยละ 1 ของธุรกิจนั้นๆ ย่อมส่งผลกระทบต่อบริษัทเพียงแค่ร้อยละ 1-2 ของมูลค่าหุ้นที่ถือทั้งหมดของ SoftBank หากเกิดความผันผวนขึ้นในอนาคต เพราะฉะนั้นจึงเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ส่วนเดียวของภาพใหญ่เท่านั้น Son กล่าว

ทั้งนี้ Vision Funds กองทุนสายเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลกของ SoftBank ที่เน้นลงทุนในสตาร์ทอัพชื่อดังมากมาย โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากรัฐบาลซาอุดิอาระเบียได้กลับมาสร้างผลตอบแทนอีกครั้ง จากการลงทุนใน 83 บริษัท ที่มีมูลค่ารวมกันถึง 7.5 หมื่นล้านเหรียญ และสร้างรายได้ให้กับบริษัทกว่า 7.64 หมื่นล้านเหรียญจากการรายงาน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2020 

โดยรายได้ส่วนหนึ่งของกองทุนดังกล่าวจากการขายหุ้นใน 4 บริษัทในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ที่ทาง SoftBank ไม่ได้เปิดเผยรายชื่อ ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 1.41 แสนล้านเหรียญ

Masayoshi Son

ในที่นี้ Yoshio Ando นักวิเคราะห์จาก Daiwa มองว่าขณะนี้ทางบริษัทกำลังมุ่งเน้นการลงทุนในบริษัทที่สร้างผลตอบแทนที่ดีและสามารถแข่งขันได้ในปัจจุบัน ซึ่งก็อยู่ที่ว่า SoftBank จะสามารถหาอุตสาหกรรมประเภทใหม่ที่เหมาะกับการลงทุน หรือว่าจะอาศัยบริษัทที่ Vision Funds กำลังลงทุนอยู่เป็นในการสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าเดิม

ในทำนองเดียวกัน กองทุน Vision Fund 2 ที่เน้นลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่มีพื้นฐานในด้านปัญญาประดิษฐ์ ก็มีรายได้เพิ่มขึ้นสูงถึง 5.2 พันล้านเหรียญ ภายหลังจากนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

โดยสรุป ผลประกอบการของ SoftBank ในเดือนกรกฎาคม-กันยายนประจำปี 2020 นี้  มีรายได้สุทธิอยู่ที่ 6 พันล้านเหรียญ แม้ว่ากำไรของบริษัทอาจน้อยลงจากการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้นก็ตาม แต่ผลประกอบการในปีนี้นับว่าแตกต่างจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ขาดทุนถึง 6.8 พันล้านเหรียญ

ทั้งนี้ เวลาปิดตลาดของวันที่ 8 พฤศจิกายน 2020 SoftBank มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1.43 แสนล้านเหรียญ

SoftBank ขายหุ้นที่ถืออยู่เกือบ 1 แสนล้านเหรียญ

ในปีงบประมาณ 2020 นี้ SoftBank ได้ขายหุ้นมูลค่ากว่า 9.65 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่าที่เคยประกาศไว้ในเดือนมีนาคมว่าจะขายเพียง 4.34 หมื่นล้านเหรียญ เพื่อบริหารกระแสเงินสดของบริษัท

โดยหุ้นที่ได้ตัดสินใจขายในครั้งนี้ ได้แก่ หุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทโทรคมนาคมของญี่ปุ่น และการขาย ARM ผู้ผลิตชิปสัญชาติอังกฤษให้กับ Nvidia (NVDA) บริษัทผลิตการ์ดจอเกมคอมพิวเตอร์และรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการอนุมัติจากหน่วยงาน

ในที่นี้ Son ผู้ก่อตั้งและซีอีโอวางแผนว่ากระแสเงินสดที่ได้รับมาในครั้งนี้ จะถูกนำไปใช้ลงทุนในบริษัทลงทุน เพื่อการควบรวมธุรกิจสตาร์ทอัพที่อยู่ในระดับยูนิคอร์น แต่ในขณะเดียวกัน Son ก็ยังยืนยันว่าจะต้องทำการพิจารณาหลายๆ ทางเลือกเสียก่อน เพื่อที่จะสร้างความมั่นใจได้ว่า SoftBank ได้ตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง และมีกระแสเงินสดสำรองเหลือมากพอที่จะลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงกลยุทธ์การลงทุนที่ผิดพลาดในอดีต ที่ทำให้กองทุนขาดทุนอย่างยับเยิน

การเปลี่ยนแปลงด้านการบริหาร

ในวันเดียวกัน SoftBank ยังประกาศถึงการเปลี่ยนแปลงในบอร์ดบริหารที่เหลือเพียง 9 คน จากการลาออกของ Marcelo Claure ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ, Katsunori Sago ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์, Rajeev Misra รองประธานกรรมการบริหาร และ Yasir Al-Rumayyan ผู้กำหนดนโยบายและสมาชิกกองทุนการลงทุนในธุรกิจเอกชนของ Saudi Arabia

อย่างไรก็ดี การลาออกของ Claure, Sago และ Misra “เป็นไปเพื่อแบ่งแยกฝ่ายบริหารและฝ่ายปฏิบัติงานออกจากกันอย่างชัดเจน” ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งใหม่ใน SoftBank เพื่อทำงานร่วมกับ Son

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ SoftBank's big bet on listed tech stocks cost it $1.3 billion เผยแพร่บน cnn.com อ่านเพิ่มเติม: 10 อันดับ มหาเศรษฐีจีนหน้าใหม่ ประจำปี 2020