เส้นทางที่ทอดยาวของผู้บุกเบิกธุรกิจก๊าซแอลพีจีข้ามพรมแดนผงาดแดนมังกร ภายใต้การบริหารงาน จินตณา กิ่งแก้ว พร้อมเติมเต็มช่องว่างธุรกิจพลังงานครบวงจรครอบคลุมภูมิภาคเอเชียด้วยความมั่นใจในสยามแก๊สโมเดลสร้างการเติบโตแตะระดับแสนล้านบาทภายใน 3 ปี
“บริษัทเราค้าขายก๊าซแบบไม่เป็นทางการมากกว่า 40 ปี เช่น หุงต้ม รถยนต์ อุตสาหกรรม และมองว่า ถ้าอยู่ในประเทศ เราไม่มีทางเติบโตกว่า ปตท. หรือเป็นที่ 1 ในประเทศได้ ด้วยศักยภาพของบริษัท พนักงานและผู้บริหาร สยามแก๊ส สามารถนำโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในประเทศสร้างการเติบโตต่างประเทศได้” จินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP กล่าวถึงการลงทุนในต่างประเทศจากวิสัยทัศน์ของ วรวิทย์ วีรบวรพงศ์ ประธานกรรมการ และผู้ก่อตั้งอาณาจักรธุรกิจในปี 2544 หลังจากบริษัทปรับโครงสร้างธุรกิจจากสถานีบริการก๊าซแอลพีจี และโรงบรรจุก๊าซแอลพีจี สู่การค้าก๊าซแอลพีจี และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมประเภทอื่น รวมทั้งธุรกิจการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทางรถยนต์และเรือ ซึ่งได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ประกอบธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว แอมโมเนีย และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีอื่น ภายใต้แบรนด์ “สยามแก๊ส” และ “ยูนิคแก๊ส” พร้อมเดินหน้านำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2551 และรุกสร้างการเติบโตในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
-เติมเต็มเชื้อเพลิงต่างแดน-
ปัจจุบันสยามแก๊สดำเนินธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวผ่านโรงบรรจุก๊าซแอลพีจีของบริษัทจำนวน 25 แห่ง และสถานีบริการก๊าซแอลพีจีของบริษัท 41 แห่ง และจำหน่ายผ่านตัวแทนของบริษัท 334 แห่ง โดยมีบริษัทย่อยในกลุ่มรวม 34 บริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศรวมรายได้ 6.76 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ 1.36 พันล้านบาทในปี 2562 ซึ่งมียอดจำหน่ายก๊าซแอลพีจีกว่า 3.83 ล้านตันเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 11.8 โดยสัดส่วนการจำหน่ายต่างประเทศมากกว่าอยู่ที่ร้อยละ 74 และในประเทศร้อยละ 26 ซึ่งยอดจำหน่ายในต่างประเทศมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้นจาก 2.42 ล้านตัน เป็น 2.85 ล้านตัน นับเป็นความสำเร็จในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศตั้งแต่เริ่มขยายธุรกิจในต่างแดนตั้งแต่ปี 2553 “ธุรกิจสยามแก๊สไม่จำกัดเฉพาะแอลพีจีปัจจุบันเรามีแผนทำแอลเอ็นจี เริ่มจากในประเทศก่อน ถ้าสำเร็จจะไปต่อในกลุ่มประเทศ CLMV โดยเรายังมีการกระจายธุรกิจไปยังการนำเข้าน้ำมันเพื่อขายกลุ่ม CLMV ที่เรามีฐานแอลพีจีอยู่แล้วและโรงไฟฟ้า รวมถึงเพิ่งเริ่มธุรกิจน้ำมัน ซึ่งเราเทคโอเวอร์บริษัทให้บริการให้เช่าคลังน้ำมัน ทั้งน้ำมันดิบ น้ำมันใสให้กับโรงกลั่นรายใหญ่แต่รายได้หลักยังคงมาจากก๊าซแอลพีจี” ทั้งนี้ จินตณากล่าวถึงแผนการลงทุน 7.9 พันล้านบาทในปีนี้ถึงปี 2565 เพื่อสร้างคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ขนาด 80,000 ตัน จำนวน 2 แท็งก์ และขนาด 10,000 ตัน จำนวน 2 แท็งก์ ที่เกาะสีชัง อ. ศรีราชา จ. ชลบุรี ซึ่งสามารถรองรับก๊าซแอลเอ็นจีได้ 4 ล้านตัน/ปี วงเงินลงทุน 5 พันล้านบาท และสร้างคลังก๊าซแอลเอ็นจีที่ อ. บางปะกง จ. ฉะเชิงเทรา เป็นคลังขนาด 5,000 ตัน จำนวน 2 แท็งก์ สามารถรองรับก๊าซได้ 500,000-600,000 ตัน/ปี คิดเป็นมูลค่าลงทุนประมาณ 2.5 พันล้านบาท ซึ่งคาดการณ์ก่อสร้างสำเร็จในปี 2565 รวมทั้งลงทุนรถขนส่งก๊าซเพิ่มจำนวน 400 คันวงเงิน 400 ล้านบาท ซึ่งมีต้นทุนการขนส่งน้อยกว่าการส่งผ่านท่อที่มีค่าใช้จ่ายสูง
คลิกอ่านบทความทางด้านธุรกิจเพิ่มเติมได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine
