สร้างความยิ่งใหญ่ให้ Poughkeepsie อีกครั้ง - Forbes Thailand

สร้างความยิ่งใหญ่ให้ Poughkeepsie อีกครั้ง

FORBES THAILAND / ADMIN
26 Aug 2017 | 12:00 PM
READ 3178

เมื่อมีการอภิปรายโต้แย้งกันว่าจะสามารถยับยั้งการล่มสลายของการจ้างงานในโรงงานอุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกาได้หรือไม่ คุณจะมองเห็นความหวังอันริบหรี่ในบริษัทขนาดเล็กซึ่งทำธุรกิจที่มีคู่แข่งน้อยอย่าง James L. Taylor Manufacturing Co. ซึ่งตั้งอยู่ใน Poughkeepsie รัฐ New York แห่งนี้

บริษัทนี้ทำธุรกิจผลิตแคลมป์และเครื่องมือสำหรับงานไม้มาเป็นเวลา 106 ปีแล้ว แคลมป์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ยึดด้านข้างของตู้ลิ้นชักซึ่งคุณไม่สามารถหาซื้อได้ที่ Home Depot แคลมป์มีราคาขายอยู่ที่ 15,000 เหรียญสหรัฐฯ ขึ้นไป ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ วัสดุปูพื้น และตู้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในอเมริกาเป็นลูกค้าของ Taylor ดังนั้น Taylor จึงเป็นบริษัทผู้ผลิตสัญชาติอเมริกันซึ่งทำมาค้าขายกับบริษัทผู้ผลิตสัญชาติอเมริกันด้วยกัน เมื่อดูภาวะเศรษฐกิจโลกแล้ว คุณอาจจะคิดว่านี่เป็นโชคร้ายสองชั้น แต่ความจริงแล้วธุรกิจของ Taylor ก็ไปได้สวย และทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำด้วยยอดขาย 12 ล้านเหรียญ สำหรับโชคร้ายชั้นที่สาม Taylor ตั้งอยู่ใน New York ซึ่งเป็นรัฐที่ไม่เอื้อประโยชน์กับธุรกิจผลิตสินค้าอย่างสิ้นเชิง หลังจากยุครุ่งเรืองเมื่อ 74 ปีที่แล้ว ตำแหน่งงานในโรงงานอุตสาหกรรมใน New York หดหายไปถึง 80% เช่นเดียวกับที่ตำแหน่งงานในโรงงานทั่วประเทศสหรัฐฯ ลดลง 30%
Poughkeepsie เมืองทางตอนเหนือของแม่น้ำ Hudson ในรัฐ New York สถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นแหล่งอุตสาหกรรม (Photo Credit: rucksantes.com)
Michael Burdis ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Taylor กล่าวว่า Taylor สามารถอยู่รอดได้เนื่องจากมีตลาดเฉพาะ การผลิตเครื่องมือไม่กี่ร้อยชิ้นต่อปีแทบจะไม่มีความเสี่ยงเลยที่จะถูกบริษัทต่างชาติซึ่งมีค่าจ้างแรงงานต่ำกว่าแย่งตลาดไป “ถ้าเราผลิต iPhone 300,000 เครื่องต่อเดือน เราก็คงจะไม่สามารถแข่งขันได้” Bradley Quick หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของ Taylor ยอมรับ Poughkeepsie เป็นชื่อที่ใช้เรียกเมืองที่อยู่ห่างจากแม่น้ำ Hudson ไปทางตอนเหนือ 70 ไมล์ Poughkeepsie เคยมีอดีตอันรุ่งโรจน์ เคยเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตเครื่องมือสำหรับธุรกิจรีดนมและผลิตภัณฑ์นมซึ่งมีพนักงาน 764 คน เคยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ Fiat และบริษัท Smith Brothers ก็เคยผลิตยาน้ำแก้ไอถึง 30 ตันต่อวันที่นี่ เจ้าของโรงงานผลิตเครื่องมือสำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์นมแห่งนั้นได้ย้ายฐานการผลิตไปที่อื่นซึ่งเอื้อประโยชน์กับการทำธุรกิจมากกว่า โรงงานประกอบรถยนต์ Fiat กลายเป็นร้านรวงต่างๆ ธุรกิจของตระกูล Smith ยืนหยัดอยู่ที่นี่ถึงห้ารุ่นก่อนที่จะขายกิจการให้กับบริษัทเวชภัณฑ์แห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมาก็ได้ย้ายโรงงานออกไป โรงงาน Poughkeepsie Underwear Co. ซึ่งปิดกิจการไปหลังจากที่ไม่สามารถแข่งขันได้ เมื่อเร็วๆ นี้ได้กลายเป็นร้านค้าและห้องชุดให้เช่า
โรงงานประกอบรถยนต์ Fiat ซึ่งเคยตั้งฐานผลิตใน Poughkeepsie (Photo Credit: Hemmings Daily)
International Business Machines (IBM) ครั้งหนึ่งเคยเข้ามาหยุดภาวะที่สร้างความตื่นตระหนกนี้ โดยเลือก Poughkeepsie เป็นศูนย์กลางการผลิตคอมพิวเตอร์ ในช่วงหนึ่ง IBM เคยมีพนักงานถึง 30,000 คนที่นี่ แต่ตำแหน่งงานที่มีค่าจ้างสูงเหล่านั้นอยู่ได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง ทุกวันนี้การจ้างงานของ IBM ใน Hudson Valley เหลือเกือบไม่ถึงหนึ่งในสิบของที่เคยมีในอดีต โดยประเมินจากรายงานเชิงลึกของ Poughkeepsie Journal (IBM ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูล) คุณอาจจะโทษว่าการถดถอยของเมนเฟรมคอมพิวเตอร์เป็นต้นเหตุของการล่มสลายนี้ ถ้าเช่นนั้นแล้วทำไมธุรกิจอื่นไม่เข้ามาแทนที่ล่ะ? นั่นก็เป็นเพราะว่าธุรกิจใหม่สามารถที่จะเปิดตัวได้อย่างง่ายดายในรัฐที่เป็นมิตรกับเจ้าของกิจการมากกว่า ในปี 1982 New York ได้เพิ่มตัวคูณที่ 1.18 เท่ากับภาษีเงินได้ซึ่งมีการจัดเก็บในอัตราที่สูงอยู่แล้ว “เป็นการชั่วคราว” กับธุรกิจที่ตั้งอยู่ในบางเขตปกครองใกล้ New York City ตัวคูณดังกล่าวยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ และได้ปรับเพิ่มเป็น 1.28 เมื่อเร็วๆ นี้ Burdis ยอมรับว่าภาษีและต้นทุนด้านแรงงาน (ช่างเครื่องของบริษัทได้รับค่าจ้าง 18-30 เหรียญต่อชั่วโมง) จะต่ำกว่าเล็กน้อยสำหรับรัฐทางตอนใต้ แต่เขาไม่ยอมย้ายที่ตั้งของบริษัทเพราะว่าเขาและ Quick ชอบอยู่ที่ New York ทั้งคู่เติบโตที่นี่ และทั้งปู่และพ่อของ Quick ก็เคยทำงานที่ Taylor มาก่อน Burdis และ Quick ทยอยซื้อหุ้นของ Taylor ทีละน้อยจากประธานผู้เป็นเจ้าของบริษัทคนก่อนจนกลายเป็นเจ้าของคนใหม่ในปัจจุบัน
เครื่องจักรทดแทน nester ของ Taylor Manufacturing (Photo Credit: Taylor)
โรงงานของ Taylor ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 2 เอเคอร์มีการจัดการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะเห็นภาพพนักงานคนหนึ่งเดินเครื่องจักรผลิตงานโลหะ 4 เครื่องพร้อมกัน ส่วนพนักงานอีกคนหนึ่งง่วนอยู่กับเครื่องผลิตแผ่นไม้ปูพื้น ซึ่งดูคล้ายกับเกมฟุตบอลโต๊ะขนาดใหญ่ เพื่อทำความเข้าใจหลักการทำงานของอุปกรณ์นี้ คุณต้องทราบก่อนว่าในโรงงานผลิตแผ่นไม้ปูพื้นในแถบตะวันออกเฉียงใต้ของอเมริกาจะมี “nester” ซึ่งก็คือคนงานที่ทำหน้าที่หยิบไม้กระดานที่มีความยาวแตกต่างกันจากสายพานนำมาจัดเรียงเป็นแถวด้วยความว่องไว เพื่อให้ไม้กระดานแต่ละแถวมีความยาวตามที่ต้องการ โดยแต่ละแถวจะประกอบด้วยไม้กระดานตั้งแต่ 1-5 ชิ้น ไม่นานนักหลังจากที่ Brad Quick ได้ออกแบบสิ่งประดิษฐ์เพื่อทำงานแทน nester และเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยภาษา C++ อีกหลายพันบรรทัดเพื่อควบคุมเครื่อง Burdis ก็ได้รับโทรศัพท์จากโรงงานใน Mississippi เพื่อขอซื้อเครื่องจักรนี้ซึ่งมีราคา 115,000 เหรียญ หุ่นยนต์ nester นี้จะหยิบไม้กระดานมา 12 ชิ้น ใช้เวลาตัดสินใจเพียงไม่ถึงเสี้ยววินาที และเรียงไม้กระดานตามวิธีการจัดเรียงที่คิดว่าดีที่สุดจากทั้งหมด 1,585 รูปแบบด้วยกัน
ธุรกิจผลิตเฟอร์นิเจอร์ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นลูกค้าของ Taylor ต้องต่อสู้กับเฟอร์นิเจอร์จากจีนซึ่งมีต้นทุนค่าแรงต่ำกว่า แต่กระนั้นก็ยังมีโรงงานที่ยืนหยัดได้จากการรับผลิตตู้และงานครัวตามคำสั่งของลูกค้า (Photo Credit: Stephanie Klein-Davis/The Roanoke Times)
มีการแข่งขันกับบริษัทจากเอเชียไม่มากนักสำหรับการผลิตเครื่องมือสำหรับโรงงานผลิตตู้ และไม่มีคู่แข่งเลยสำหรับเครื่อง nester Burdis กล่าวว่า “บริษัทจีนพึงพอใจที่จะผลิตเครื่องจักรขั้นพื้นฐานซึ่งใช้งานได้ดีกับพนักงานที่ได้รับค่าจ้างต่ำในอัตราคนจีน แต่ไม่มีความชำนาญเลยในการผลิตเครื่องจักรที่ทำงานร่วมกับพนักงานที่ได้รับค่าจ้างในอัตราคนงานในอเมริกาเหนือ” สำหรับ Burdis เขาเลือกที่จะซื้อของจากอเมริกาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น แกนควบคุมเครื่องจักรเชิงตัวเลข 4 อันที่สั่งซื้อมาจาก California แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจ หุ่นยนต์บางตัวก็จำต้องสั่งซื้อจากญี่ปุ่น แน่นอนว่าสิ่งที่ Taylor จะต้องทำนั้นไม่เพียงแค่ป้องกันภัยคุกคามธุรกิจของตนที่มาจากต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังต้องหาลูกค้าที่สามารถทำแบบเดียวกันได้อีกด้วย จีนทำให้โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ใน North Carolina หลายแห่งซึ่งเคยเป็นผู้ซื้อเครื่องจักรผลิตแคลมป์ต้องปิดกิจการ แต่ยังไม่ได้ล้างบางโรงงานอเมริกันซึ่งผลิตตู้สำหรับงานครัวตามคำสั่งของลูกค้า การซื้อกิจการแบบไม่เป็นมิตรจะไม่เกิดขึ้นกับ Taylor เนื่องจากทั้ง Burdis และ Quick ถือหุ้นของบริษัทรวมกัน 85% และมีบุตรชาย 3 คนเข้ามาช่วยดูแลกิจการ เพราะฉะนั้นโรงงานแห่งนี้น่าจะอยู่คู่กับ New York ไปอีกนาน   เรื่อง: William Baldwin เรียบเรียง: ริศา
คลิกอ่าน "สร้างความยิ่งใหญ่ให้ Poughkeepsie อีกครั้ง” โฉมใหม่ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ กรกฎาคม 2560 ในรูปแบบ e-Magazine