Michael Dell ผู้ทรงอิทธิพลในวงการคอมพิวเตอร์คนสุดท้าย - Forbes Thailand

Michael Dell ผู้ทรงอิทธิพลในวงการคอมพิวเตอร์คนสุดท้าย

FORBES THAILAND / ADMIN
05 Apr 2022 | 03:52 PM
READ 2612

หลังจากสู้รบปรบมือมาหลายปีกับพวกที่มองเขาด้วยสายตาคลางแคลงใน Silicon Valley และบรรดาศัตรู Wall Street ในที่สุด Michael Dell ก็สามารถบรรลุข้อตกลงธุรกิจแห่งศตวรรษ ด้วยการกู้และพลิกเส้นทางของเขาสู่สินทรัพย์มูลค่า 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ความทะยานสูงสุดของเขารออยู่ข้างหน้า และพวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่เกี่ยวกับอวกาศ

ณ สำนักงานใหญ่ของมูลนิธิเพื่อการกุศลของเขาใน Austin รัฐ Texas Michael Dell นักบุกเบิกคอมพิวเตอร์พีซีตระหนักดีว่าเช้าวันนั้นและในรัฐนั้น Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon ได้พาตัวเองออกสู่อวกาศในกระสวยอวกาศ Blue Origin ของเขาเอง ขณะที่คนนับล้านร่วมเป็นสักขีพยานผมมีความสุขดีอยู่แล้วกับการดำรงชีวิตบนโลกใบนี้ Dell กล่าวพลางยักไหล่และหัวเราะเบาๆ

สัปดาห์ก่อนหน้านี้ Richard Branson เพื่อนร่วมฐานะเศรษฐีพันล้านได้เริ่มต้นการเดินทางสู่วงโคจรในการแข่งขันตะลุยอวกาศของผู้ที่มีเงินถุงเงินถัง บางคนมองเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องของนวัตกรรมและความทะเยอทะยาน บางคนมองเป็นเรื่องของอัตตาและการประกาศศักดา สำหรับ Dell เขามองเห็น...โอกาส

เรามีลูกค้าเป็นบริษัทอวกาศมากมายที่กำลังเปิดตัวออกมาเขาบอกคุณไม่สามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์ด้านวิศวกรรมทั้งหลายโดยปราศจากความสามารถในการประมวลผล ข้อมูล และปัญญาประดิษฐ์ในปริมาณมหาศาล

เวลาส่วนใหญ่ของทศวรรษที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่สาธารณชนไม่ได้รับรู้ความเป็นไปของ Dell มากนัก อาจจะด้วยเพราะการเจรจาเข้าซื้อกิจการที่ดำเนินไปอย่างดุดัน หรือเพียงไม่ต้องการอยู่ในความสนใจ หรืออาจจะทั้งสองประการ

Michael Dell

อันที่จริงธุรกิจของเขาได้ยุติการเจรจาแล้ว เมื่อ 9 ปีก่อนทั้ง Silicon Valley และ Wall Street ต่างก็มอง Dell เป็นความล้มเหลว ทั้งตัวบุคคลและบริษัท ตลาดคอมพิวเตอร์พีซีที่ตกต่ำและกำลังจะพบกับชะตากรรมแบบเดียวกับสินค้าที่หมดยุคอย่าง Palm หรือ BlackBerry ได้สร้างความปั่นป่วนให้ทั้ง Dell และธุรกิจของเขา ถึงกระนั้นเขาก็ยังมองเห็นโอกาส และเพื่อหันเหกระแสทัศนคติด้านลบต่อบริษัท

เขาชวน Egon Durban เศรษฐีพันล้านที่ร่วมบริหารกองทุนหุ้นนอกตลาด Silver Lake ให้เข้าซื้อบริษัทของเขามูลค่า 2.49 หมื่นล้านเหรียญ และนำออกจากตลาดหลักทรัพย์ในปี 2013 นับเป็นการซื้อบริษัทเทคโนโลยีที่มาจากการกู้ครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา 3 ปีต่อมาเขาและ Durban หาเงินมา 6.7 หมื่นล้านเหรียญสำหรับใช้เข้าซื้อบริษัท EMC Corporation ยักษ์ใหญ่ด้านโครงสร้างระบบไอที โดยรวมแล้ว Dell ถมเงินมหาศาล 7 หมื่นล้านเหรียญจากการกู้ลงไปบนอาณาจักรของเขา ก่อหนี้ในปริมาณที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในบรรษัทอเมริกา

ที่ผ่านมาผลการลงทุนเป็นไปอย่างน่าทึ่ง ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ โทรคมนาคม โครงข่ายพลังงาน โรงพยาบาล และเครือข่ายโลจิสติกส์ต่างก็ผันตัวมาเป็นธุรกิจดิจิทัล ผลิตข้อมูลมากมายที่เพิ่มปริมาณอย่างต่อเนื่องและจำเป็นต้องได้รับการบริหารจัดการและจัดเก็บ ตอนนี้ Dell ยืนอยู่แถวหน้าของการเป็นผู้จัดหาโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับกิจกรรมด้านข้อมูลนี้ปริมาณของข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นในโลกมันเหนือคำบรรยายเขากล่าวมันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวทุก 7 หรือ 8 เดือน

ผลจากการนี้คือ Dell Technologies มีมูลค่าเพิ่มเป็น 4 เท่าจากมูลค่าเดิมก่อนจะออกจากสถานะบริษัทมหาชน เป็น 7.5 หมื่นล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา การดำเนินการด้านธุรกิจที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นผลดีกับ Dell กองทุน Silver Lake ของ Durban และผู้ร่วมลงทุนคนอื่นๆ มาก จากการคำนวณของ Forbes มูลค่าที่เพิ่มขึ้นคิดเป็นกว่า 4 หมื่นล้านเหรียญ ทรัพย์สินสุทธิของ Dell เอง เพิ่มเป็น 5 หมื่นล้านเหรียญ ในหลายๆ แง่แล้วเขาถือเป็นผู้วางแผนการเข้าครอบครองกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันเสี่ยงขนาดนั้น เขาบอก พวกที่คลางแคลงลืมที่จะมองภาพรวม Dell ทิ้งเงินสดไปและหันมาถือครองทรัพย์สินซอฟต์แวร์มีค่ามากมายที่พร้อมจะขายทำเงิน ขณะที่เงินกู้ดอกเบี้ย ต่ำเอื้อให้เกิดสภาพที่ดีเลิศที่จะสนับสนุนด้านการเงินแก่การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบริษัทครั้งใหญ่

“Michael เป็นคนมีความรู้ความเข้าใจด้านการเงินเป็นอย่างดี เขาไม่ใช่คนที่บ้าคลั่งในเรื่องเทคโนโลยีไม่ว่าจะมองในแง่ไหน George Roberts เศรษฐีพันล้านผู้ร่วมก่อตั้งกองทุนยักษ์ใหญ่หุ้นนอกตลาด KKR และยังเป็นผู้บุกเบิกการเข้าซื้อกิจการด้วยเงินกู้ George รู้สึกทึ่งกับข้อตกลงธุรกิจครั้งนี้เขาซื้อบริษัทกลับมาในเวลาที่เหมาะสม เมื่อมองกลับไปผมว่าเขาลงมือในจังหวะที่ไร้ที่ติ

ในวัย 56 ปี Dell เป็นนักรบคนสุดท้ายที่ยังยืนอยู่ได้ในสมรภูมิเทคโนโลยี เขาเป็นผู้ก่อตั้งดั้งเดิมคนสุดท้ายจากยุคคอมพิวเตอร์ ที่ยังดูแลของรักของหวงของเขา คู่แข่งของเขาทั้งหลายต่างก็วางมือหรือไม่ก็หันไปทำอย่างอื่นกันหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Bill Gates หรือ Larry Ellison หรือ Steve Ballmer ผู้ที่เปลี่ยนไปทำงานช่วยเหลือสังคมหรือไปทุ่มเทเงินทองกับสินทรัพย์ประเภทหายาก อาทิ หมู่เกาะฮาวาย และทีมบาสเกตบอล NBA

อีกไม่นาน Dell จะไปนั่งเป็นหัวเรือใหญ่ของบริษัทมหาชน 2 แห่ง ได้แก่ Dell Technologies ยักษ์ใหญ่ด้านคอมพิวเตอร์พีซีและโครงสร้างพื้นฐานไอที และ VMware ซึ่งเป็นบริษัทที่แยกตัวออกมาจาก Dell Technologies และถือเป็นเสาหลักด้านโครงสร้างพื้นฐานระบบจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทั้งสองบริษัทมีหนี้สินในระดับที่จัดการได้และปริมาณเงินมากพอสำหรับการขยายธุรกิจและการเข้าซื้อกิจการ

ทุกคนมัวแต่จดจ้องอยู่กับ Amazon, Microsoft และ Google” Marc Benioff เศรษฐีพันล้านผู้ร่วมก่อตั้ง Salesforce ซึ่งเป็นเพื่อนของ Dell กล่าวพวกเขาไม่ได้ตระหนักว่า Dell ได้ซุ่มดึงส่วนแบ่งตลาดในแวดวงเทคโนโลยีอยู่เงียบๆ

ในยุคเฟื่องฟูของคอมพิวเตอร์พีซี ผู้ประกอบการน้อยคนนักที่จะโดดเด่นได้อย่าง Michael Dell ในปี 1983 จากหอพัก University of Texas เขาได้สร้างบริษัทที่ส่งมอบเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีเครื่องแรกแก่ชาวอเมริกันนับล้านด้วยคาถา เร็วกว่า ดีกว่า ถูกกว่า

Dell บุกตะลุยไปข้างหน้าโดยใช้ความมีประสิทธิภาพและการดำเนินงานด้านการเงินอย่างช่ำชอง ซึ่งทำให้เขาสามารถจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์สั่งทำรวมทั้งใช้กลยุทธ์ขายพ่วงในราคาที่ต่ำเป็นพิเศษนี่เป็นทักษะที่เขาฝึกฝนตั้งแต่อายุยังน้อย

ก่อนจะทรงอิทธิพล

เมื่ออายุ 13 ปี เขาเริ่มธุรกิจแห่งแรกของเขาจากบ้านที่อาศัยในวัยเด็กในเมือง Houston ด้วยการตีพิมพ์รายการแสตมป์ที่เขาประมูลมาได้และจัดส่งทางไปรษณีย์ ทำเงินได้มากถึง 2,000 เหรียญ โดยไม่ต้องมีเงินตั้งต้นอะไรมากมาย สร้างความประหลาดใจให้กับ Alexander พ่อของเขาที่เป็นทันตแพทย์จัดฟัน และ Lorraine แม่ที่มีอาชีพเป็นนายหน้าค้าหุ้น

ในช่วงวัยรุ่นเขาจำหน่ายการบอกรับสมาชิกหนังสือพิมพ์ และนั่งค้นบันทึกเอกสารของเทศมณฑลอย่างขันแข็งเพื่อหาคู่สมรสใหม่ที่เขาเชื่อว่ามีแนวโน้มจะบอกรับสมาชิก เมื่ออายุได้ 16 ปีเขามีเงินเก็บมากพอจะซื้อคอมพิวเตอร์ Apple IIe ซึ่งเขาได้เอามาแยกชิ้นส่วนเพื่อศึกษากลไกของมัน

Dell ทำเงินจากคอมพิวเตอร์พีซีได้หลังจากเข้าเรียนที่ University of Texas วิทยาเขต Austin ในปี 1983 ในฐานะนักเรียนเตรียมแพทย์เขาเร่ขายดิสก์ไดร์ฟและชิปหน่วยความจำให้กับผู้ที่สนใจในคอมพิวเตอร์พีซีที่กำลังเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วราวเดือนมกราคมปี 1984 เขาพบว่า ผู้จัดจำหน่ายในท้องถิ่นของ IBM ถูกบังคับให้ต้องซื้อสินค้าสำรองไว้มากเกินไป เขาจึงซื้อคอมพิวเตอร์พีซีส่วนเกินดังกล่าวมาในราคาที่มีส่วนลดร้อยละ 10-15 และเปลี่ยนส่วนลดนั้นเป็นผลกำไร เมื่อถึงเดือนเมษายนเขาสามารถทำเงินได้เดือนละ 80,000 เหรียญ และตัดสินใจเลิกเรียน สร้างความผิดหวังให้กับพ่อแม่ของเขา โดยเฉพาะผู้เป็นแม่

เขาพบว่าเขาสามารถนำชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์พีซีของ IBM มาจัดแพ็กเกจใหม่ในราคาที่ต่ำลงได้มากถึงร้อยละ 40 ด้วยการจัดการสินค้าคงคลังอย่างชาญฉลาดและใช้โมเดลขายตรง เขาจะรับคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์และโทรศัพท์ จากนั้นจึงประกอบเครื่องและส่งให้กับลูกค้าภายใน 1-3 สัปดาห์ เป็นการสร้างธุรกิจจากคำสั่งของลูกค้า ในปี 1986 เมื่ออายุได้ 21 ปี ยอดขายของ Dell ทะยานแตะ 34 ล้านเหรียญ เดือนมิถุนายน ปี 1988 เมื่ออายุ 23 ปี เขานำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และได้กลายเป็นเศรษฐีมีเงินหลายร้อยล้านจากการขายหุ้นมูลค่า 30 ล้านเหรียญ

เขาถูกมองว่าเป็นหนุ่มอัจฉริยะด้านเทคโนโลยีและได้เข้าไปอยู่ในทำเนียบ Under 30 ร่วมกับ Steve Jobs และ Bill Gates ขณะที่พวกเขาร่วมกันยึดครองอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์กระแสหลัก

ในปี 1991 Dell ซึ่งมีอายุ 26 ปีในขณะนั้นมีชื่อเป็นหนึ่งในชาวอเมริกันที่ร่ำรวยที่สุด 400 คนของ Forbes ด้วยทรัพย์สินสุทธิ 300 ล้านเหรียญ ผู้ซื้อรักในการปรับเปลี่ยนสินค้าให้เข้ากับความต้องการของลูกค้า มีการบริการ และสนนราคาที่น่าคบหาของ Dell ในปี 2000 หลังจากทำยอดขายพุ่งกระฉูดตลอด 1 ทศวรรษ บริษัทได้กลายเป็นผู้จำหน่ายคอมพิวเตอร์พีซีรายใหญ่ที่สุดของโลก หุ้นของ Dell ตั้งแต่รุ่นก่อตั้งมีมูลค่า 1.6 หมื่นล้านเหรียญ

แต่แล้วอาณาจักรก็เริ่มสั่นคลอน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการแข่งขันกันลดส่วนต่างกำไรของคอมพิวเตอร์พีซีที่ Dell เองเป็นคนริเริ่ม หลังจากเกษียณในปี 2004 เขากลับมายังบริษัทที่กำลังปั่นป่วนอีกครั้งก่อนหน้าเกิดวิกฤตการเงิน ต้องเดือดร้อนกับเรื่องอื้อฉาวทางบัญชีและยังตกเทรนด์สำคัญๆ มากมายรวมทั้งคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป การถือกำเนิดของไอโฟน ไอแพด และ Chromebooks ที่มีส่วนต่างกำไรต่ำ ไม่เป็นผลดีต่อแนวโน้มธุรกิจของ Dell ขณะที่ตลาดเริ่มมองธุรกิจเซิร์ฟเวอร์และการจัดเก็บข้อมูลของบริษัทว่าล้าสมัย ท้ายที่สุด Dell ล้มเหลวและต้องสูญเงิน 1.4 หมื่นล้านเหรียญไปกับการเข้าซื้อกิจการหลายครั้ง

เมื่อถึงปี 2012 ยอดขายเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีดิ่งลงอย่างรุนแรง และคลาวด์คอมพิวติ้งเริ่มได้รับความนิยม บริษัทของเขาถูกนำไปรวมกลุ่มกับบริษัทประเภทที่ใกล้สูญพันธุ์อย่าง Nokia มากขึ้นเรื่อยๆ เขาจำเป็นต้องเปลี่ยนสมการนี้ Dell เริ่มแผนการที่จะจัดสรรองค์กรใหม่ด้วยคุณลักษณะใหม่ๆ เหมือนคอมพิวเตอร์พีซีของ Dell ในยุคแรก และทำให้มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าอีกครั้งมันเป็นโอกาสเขาย้อนความหลังถ้ามีมะนาว เราย่อมคั้นน้ำมะนาวได้

เส้นทางสู่ความสำเร็จ

กว่า 1 ทศวรรษเขาได้นำเงินหลายพันล้านเหรียญไปลงทุนใน MSD Capital ธุรกิจของครอบครัวที่ลงทุนในการแวดวงการเข้าซื้อกิจการกองทุนหุ้นนอกตลาดอันดุเดือดเลือดพล่าน หนึ่งในการลงทุนครั้งแรกๆ ของ MSD Capital คือ กองทุน Silver Lake ในปี 2012 หุ้นส่วนของกองทุนมีการเปลี่ยนมือและ Egon Durban นักทำข้อตกลงธุรกิจผู้ทะเยอทะยานเองก็กำลังต้องการลงทุนครั้งใหญ่ Durban ตามไปพบ Dell ที่การประชุมที่เมือง Aspen รัฐ Colorado และขอนัดพบกับเขาโดยใช้บ้านของพวกเขาใน Hawaii เป็นสถานที่พบปะ

Dell ตกลงที่จะจัดเดินประชุม (เป็นหนึ่งในวิธีที่เขาชอบใช้ในการเจรจาธุรกิจ) ที่เมือง Kona รัฐ Hawaii Durban ตั้งใจว่าจะสอบถาม Dell เรื่องสินทรัพย์ขนาดเล็กกว่าของเขา แต่เมื่อเดินกันไปได้เพียง 3 นาทีเขาก็แบไต๋เสียแล้วคุณน่าจะเอาบริษัทออกจากตลาดหุ้นเขาบอกความจริงก็คือ คุณไม่ต้องการเงินของเราด้วยซ้ำเพราะบริษัทคุณมีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง Durban ยังหยอดต่อว่าความแตกต่างระหว่างคุณกับ Bill Gates ก็คือ ชื่อของคุณเป็นชื่อยี่ห้อ

การนำเสนอเป็นไปด้วยดี หลังจาก Dell ยกหูโทรศัพท์หา George Roberts แห่ง KKR เขาก็ตัดสินใจว่าการนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์นั้นทำได้ และได้แจ้งให้คณะกรรมการบริษัททราบเจตจำนงที่จะดำเนินการเข้าซื้อกิจการโดยใช้เงินกู้ครั้งใหญ่ครั้งแรกในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งเป็นแวดวงที่ขึ้นชื่อในเรื่องการถือเงินสดจำนวนมหาศาลโดยไม่นำไปใช้ประโยชน์ รวมถึงความเลินเล่อในการใช้จ่ายเงิน สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ตรงกันข้ามกับการดำเนินงานภายใต้รูปแบบการกู้เงินมาซื้อ

การเข้าซื้อกิจการในปี 2013 เป็นหนึ่งในการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุดของ Wall Street โดยมี Carl Icahn เป็นกระบอกเสียงให้กับบรรดาผู้ถือหุ้นที่ปฏิเสธแผนการ แต่ความเป็นจริงก็คือ นอกจาก Dell และ Durban แล้วไม่มีใครต้องการซื้อบริษัท Dell เท่ากับเป็นการเดิมพันว่าคอมพิวเตอร์พีซียังไม่ถึงกาลอวสาน พวกเขาเชื่อว่ายังมีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยในสินทรัพย์ที่มูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง

“Michael มีจุดพิเศษที่ว่าเขาเต็มใจที่จะเสี่ยง แต่ทำอย่างถูกต้องและด้วยวิธีที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ Durban กล่าวไม่ใช่การใช้เงินแบบทิ้งขว้าง

สถานการณ์ในเวลานั้นเหมาะที่สุดถ้าคุณมีเงินเก็บจำนวนมากแบบนี้ เป็นเงินทุนราคาถูกและงบดุลของคุณมีเงินสดอยู่จำนวนมหาศาล มันก็ยากที่จะทำให้หุ้นของคุณมีค่ามากไปกว่านี้ได้ Dell บอกถ้าคุณกลับข้างสมการ มันก็ไม่ใช่ความเข้าใจที่ผิดแปลกอะไรที่จะบอกว่านี่ มาซื้อบริษัทเทคโนโลยีที่เป็นหนี้ท่วมหัวกันเถอะ’...ด้วยกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้ นี่เป็นกลยุทธ์ที่ได้กับได้

Egon Durban เดินทางกลับบ้านด้วยเครื่องบินส่วนตัวจากการพบปะเดิมพันสูงที่บ้านอันโอ่โถงของ Dell ใน Austin ที่คนในพื้นที่เรียกกันว่าปราสาทด้วยความที่ตัวบ้านล้อมรอบด้วยปราการแน่นหนา วันนั้นตรงกับวันศุกร์ประเสริฐปี 2015 และคู่หูจอมปั่นข้อตกลงธุรกิจกำลังช่วยกันร่ายมนตร์กับผู้บริหารระดับสูงของ EMC Corporation โดยหวังจะสร้างความเคลื่อนไหวไปสู่การครอบครองกิจการขนาดมโหฬาร

EMC ที่มีซอฟต์แวร์ชั้นเลิศและบริษัทลูกที่ทำธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง อีกทั้งยังเป็นผู้ให้บริการจัดเก็บข้อมูลชั้นนำของโลกได้ถูกดึงมาร่วมวงเพราะ Hewlett-Packard ที่เป็นคู่แข่งแสดงความสนใจจะเข้าครอบครองกิจการ หลายปีมาแล้วที่ Dell อยากได้ EMC โดยครั้งแรกได้พยายามเข้าซื้อในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 เขาหวังจะได้ธุรกิจขนาดใหญ่ของ EMC มาเสริมแผนกไอทีของบริษัท และนำขุมทรัพย์ซอฟต์แวร์ตลอดจนสินทรัพย์คลาวด์คอมพิวติ้งมาสู่อาณาจักรของเขา ราคาหุ้นที่ตกต่ำของบริษัทบ่งบอกถึงโอกาสที่กำลังร่ำร้อง

เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่เขาและ Durban ได้พบกับผู้บริหารของ EMC จากทั่วโลก แต่ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องข้อตกลง Dell ตัดสินใจจัดประชุมกับผู้บริหารของ EMC ได้แก่ Joe Tucci ซีอีโอ Bill Green ประธานคณะกรรมการ และ Harry You อีกหนึ่งผู้บริหาร

ส่วนหนึ่งของความเร่งด่วนในการพบปะครั้งนี้คือ กำหนดการเกษียณของ Tucci ที่กำลังใกล้เข้ามา ตลอดจนการที่ Elliott Management ซึ่งเป็นบริษัทจัดการลงทุนซึ่งเป็นนักลงทุนแนว activist ได้ซื้อหุ้น EMC จำนวนมาก ทางออกที่ชัดเจนคือ การเข้าซื้อกิจการด้วยตัวเงินที่สูงเป็นพิเศษ อุปสรรคที่ตามมาคือ Durban และ Dell ต้องหาเงินสดจำนวน 6.5 หมื่นล้านเหรียญให้ได้

Durban บินกลับไป Silicon Valley พร้อมกับ You ผู้บริหาร EMC และพูดคุยกันเรื่องการบรรลุข้อตกลง You ใช้กระดาษเช็ดปากวาดภาพแสดงข้อมูลต่างๆ ใน EMC นั้น สินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดคือ หุ้นร้อยละ 81 ใน VMware ยักษ์ใหญ่ด้านโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์คอมพิวติ้ง ที่เหลืออีกร้อยละ 19 ที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ New York ในราคาประเมินของบริษัทที่ 3.5 หมื่นล้านเหรียญ

ความรู้แบบดั้งเดิมบอกว่า Dell จำเป็นต้องซื้อ EMC ทั้งหมดด้วยเงินสด แต่ You เปิดเผยว่า EMC ได้ศึกษาความเป็นไปได้ที่จะนำ VMware เข้าตลาดหลักทรัพย์โดยใช้หุ้นออกมาเป็นพิเศษจากบริษัทแม่ (tracking stock) เขาถึงกับไปหา John Malone เศรษฐีพันล้านผู้เป็นอัจฉริยะด้านการเงินเพื่อให้แน่ใจว่าเขาเข้าใจแนวคิดของมันอย่างถ่องแท้ บนกระดาษเช็ดปากนั้น You แสดงให้ Durban เห็นว่าแนวทางที่เขาสามารถดำเนินการเพื่อลดค่าใช้จ่ายของ Dell ในการเข้าครอบครองกิจการ เมื่อเครื่องบินลงจอด Durban โทรหา Dell เพื่อบอกว่า พวกเขาอาจมีทางออกแล้ว

กระทั่งต้นเดือนกันยายนข้อตกลงที่มูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านเหรียญ จึงเป็นจริงในที่สุด Dell และ Durban เดินทางไป New York City และนั่งรอที่โถงทางเดินของสำนักงานกฎหมาย Skadden, Arps ขณะที่คณะกรรมการของ EMC กำลังประชุมกัน อีกหนึ่งบุคคลที่อยู่ในการประชุมนั้นคือ Jamie Dimon ซีอีโอเศรษฐีพันล้านแห่ง JPMorgan Chase ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา Dell จำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นให้บอร์ดของ EMC ที่คลางแคลงใจกับข้อตกลงนี้ว่าเขามีไฟมากพอจะบริหารงานบริษัทหลังการควบรวมที่จะมียอดขายปีละ 7.5 หมื่นล้านเหรียญ และเขามีเงินสดอยู่ในมือแล้ว

หลังจากบอร์ดของ EMC หารือกันแล้ว จึงเชิญให้ Dell พูด และ Durban และ Dimon ถูกลากเข้าไปร่วมด้วย ด้วยท่วงท่าแบบชาว Texas ที่สร้างความผ่อนคลาย Dell ให้คำมั่นว่าจะคงรักษาวัฒนธรรมของ EMC และไม่ทำลายบริษัท บอร์ด EMC ส่วนหนึ่งยังไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงนี้ ผู้อำนวยการที่ระแวงสงสัยคนหนึ่งตั้งคำถามต่อความมุ่งมั่นทุ่มเทของ Dell กับเงินมากมายมหาศาลที่มีอยู่ เขาจะเกษียณไปนอนเล่นริมทะเลไหม Dell ตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มลูกแฝดของผมออกจากบ้านไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ที่บ้านผมก็ไม่มีอะไรให้ทำเท่าไรแล้วเขาตอบ เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ที่นั่งฟังผมจะทุ่มเทเต็มที่เลย

คราวนี้ก็เป็นเรื่องเงิน Dell มีเงินไหม ถึงตา Dimon ต้องตอบพวกเขามีเงินเขากล่าวเราจะจัดการข้อตกลงทั้งหมด

1 เดือนต่อมาการบรรลุข้อตกลงครอบครองกิจการมูลค่า 6.7 หมื่นล้านจึงเกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงการที่ Dell จะเพิ่มมูลค่าหนี้เป็น 5 หมื่นล้านเหรียญ ทำให้ EMC เปลี่ยนสถานะจากระดับลงทุนไปเป็นระดับขยะ พวกเขาออก trading stock ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 53 ของ VMware ซึ่งทำให้ประหยัดเงินสดไปได้มากกว่า 1.2 หมื่นล้านเหรียญ

ใครที่ยังสติดีอยู่จะไม่สงสัยในความมุ่งมั่นทุ่มเทและความสามารถในการต่อสู้และเอาชนะของเขา Dimon กล่าวบางครั้งผมชอบล้อคนที่มีโมเดลเครดิต มันเป็นเรื่องของบุคลิกภาพของคนที่คุณร่วมทำธุรกิจด้วย Dell และ Durban เป็นคู่ที่พิเศษมาก

ข้อตกลงบนกระดาษเช็ดปากไม่เพียงช่วยประหยัดเงิน VMware เป็นหลักประกันเงินกู้ที่ใหญ่ที่สุดที่ JPMorgan และกลุ่มธนาคารกว่า 100 แห่งได้ปล่อยกู้ให้ ในไม่ช้ามูลค่าของมันเพิ่มขึ้นอีกราว 5 หมื่นล้านเหรียญในช่วงหลายปีหลังจาก Dell เข้าครอบครอง ซึ่งช่วยให้ Dell และ Durban สามารถเปลี่ยนมันเป็นเครื่อง ATM

ในปี 2018 พวกเขานำเงิน 9 พันล้านเหรียญจาก VMware ไปใช้ซื้อหุ้น tracking stock คืนจากผู้ถือหุ้นในข้อตกลงสุดโหดที่พยายามจะจ่ายเงิน 60 เซนต่อเหรียญให้กับหุ้นของพวกเขาถือ แต่สร้างความไม่พอใจแก่ Elliott Management และ Carl Icahn ผู้ที่เปรียบเทียบ Dell กับ Machiavelli นักปรัชญาชาวอิตาลี และมองว่าการกระทำของเขาเป็นการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จมีการเจรจาข้อตกลงใหม่ในจำนวนที่เป็นธรรมกว่าเดิมคือ 1.4 หมื่นล้านเหรียญ หรือ 80 เซนต่อเหรียญ ส่วนหนึ่งของการดำเนินการครั้งนี้คือ การที่ Dell ได้นำบริษัทของเขาเข้าตลาดหุ้นภายใต้ชื่อ Dell Technologies

ในช่วงแรกชื่อบริษัทที่เป็นชื่อเขาไม่ได้เป็นผลดีนัก ราคาหุ้นบอกเป็นนัยว่า Dell ที่มีหนี้สินล้นพ้นนั้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์แม้เมื่อคิดถึงผลประโยชน์ที่บริษัทมีใน VMware

เขาตัดสินใจว่าวิธีไปต่อที่ง่ายที่สุดคือ การแยก VMware ออกโดยเด็ดขาด ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหุ้นพอใจและยังทำให้เขาล่ำซำขึ้นอีกมาก ขณะที่ตลาดเริ่มรับรู้ข้อตกลง ซึ่งกำลังใกล้บรรลุผลในฤดูใบไม้ร่วงปี 2021 หุ้นของ Dell ทะยานขึ้นเป็นเท่าตัวและทำเงิน 2 หมื่นล้านเหรียญให้ Dell ส่วนหนึ่งของข้อตกลงคือ การดึงเงินอีก 9 พันล้านเหรียญจาก VMware เพื่อนำไปจ่ายหนี้ที่เกิดจากการนำมาซื้อกิจการ เป็นการปลดหนี้มูลค่าหลายพันล้านเหรียญที่มีทุกสิ่งภายใต้การครอบครองของบริษัทเป็นหลักประกัน

เขาดำเนินการได้เหมาะสมกับหนี้จำนวนมหาศาลที่เขามี Jesse Cohn หุ้นส่วนของ Elliott Management ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ Dell กล่าวเขาแยกไพ่มือดีออกจากไพ่มือไม่ดี

Michael Dell ทวงคืนตำแหน่ง

ตอนนี้ Dell เป็นผู้บงการชะตาชีวิตตัวเองแล้ว ก่อนการกู้เงินเพื่อซื้อกิจการเขาถือครองหุ้นร้อยละ 15.6 ของบริษัทของเขา หรือคิดเป็นมูลค่าไม่ถึง 4 พันล้านเหรียญ เป็นเพราะวิศวกรรมทางการเงินอันสุดมหัศจรรย์ของเขา เขาจะถือหุ้นร้อยละ 52 ใน Dell และร้อยละ 42 ใน VMware มูลค่าโดยรวมคิดเป็น 4 หมื่นล้านเหรียญ

มันเหลือเชื่อมากเมื่อคิดถึงสัดส่วนความเป็นเจ้าของในบริษัทของ Michael ในขณะนี้ Marc Benioff กล่าวอย่างยกยอปอปั้นผมคิดไม่ออกเลยว่าเคยมีผู้ประกอบการคนไหนประสบความสำเร็จในระดับนี้มาก่อน

ถึงที่สุดแล้วการกลับมาอันน่าทึ่งของ Michael Dell มาจากข้อเท็จจริงสำคัญ 1 ประการนั่นคือ เขาสามารถอ่านทิศทางของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีได้ถูกต้องในช่วงเวลาที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม

คอมพิวเตอร์พีซีที่มียอดขายเพิ่มขึ้นจากการสร้างสำนักงานที่บ้านในช่วงโรคระบาดนั้นยังห่างไกลจากกาลอวสาน ยอดขายเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีเติบโตขึ้นร้อยละ 20 เป็น 1.33 หมื่นล้านเหรียญในไตรมาส 2 ปี 2021

ยิ่งไปกว่านั้นบริการระบบคลาวด์สาธารณะอย่าง Amazon Web Services และ Azure ของ Microsoft ก็ไม่ได้ครอบครองโลกไอทีแบบเบ็ดเสร็จ แม้ทั้งสองบริการจะประสบความสำเร็จอย่างดี บรรดาบริษัทห้างร้านใช้วิธีการแบบผสมผสานโดยใช้แพลตฟอร์มคลาวด์สาธารณะอย่าง AWS แต่ก็ยังคงบางส่วนของโครงสร้างพื้นฐานไอทีเป็นรูปแบบใช้ภายในองค์กรเองสำหรับข้อมูลที่สำคัญและข้อมูลเก่า นอกเหนือไปจากระบบคลาวด์ส่วนตัว การเข้าซื้อ EMC ทำให้ Dell เป็นบริษัทชั้นนำให้บริการโครงสร้างพื้นฐานแก่ศูนย์ข้อมูลทั้งหลาย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

Dell มักสนุกกับการขายอุปกรณ์ให้ธุรกิจต่างๆ และใช้ความสัมพันธ์ในการเพิ่มเติมบริการต่างๆ ตอนนี้บริษัทของเขาเป็นผู้ให้บริการระบบจัดเก็บข้อมูล เซิร์ฟเวอร์ และโครงสร้างพื้นฐานแบบ “hyperconverged” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริษัทของเขายังเป็นผู้จำหน่ายคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและหน้าจอคอมพิวเตอร์รายใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ ตอนนี้เขาต้องการใช้สถานะดังกล่าวของเขาในการบริการด้านไอทีที่ธุรกิจต้องการแบบเบ็ดเสร็จอย่างไรคุณก็ซื้อสิ่งที่ต้องการ 8 อย่างจาก 20 อย่างจากเราอยู่แล้ว Dell กล่าวในการนำเสนอต่อวิสาหกิจขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ก็ทำไมไม่ซื้อกับเราทั้งหมด 20 อย่างเลยล่ะ และเราทำให้คุณอย่างดีแน่นอน

ที่ยิ่งน่าดึงดูดใจก็คือ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Apex ของ Dell ก่อนหน้านี้ อันเป็นการขายบริการบอกรับสมาชิกการจัดการข้อมูลและคลาวด์โดยอิงจากการใช้ของลูกค้า ยอดขายที่ไม่ปะติดปะต่อจะกลายเป็นบริการที่เกิดขึ้นสม่ำเสมอและสร้างรายได้มากขึ้นขณะที่การใช้เพิ่มมากขึ้น ด้วยยอดขาย 9.4 หมื่นล้านเหรียญและกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 1.3 หมื่นล้านเหรียญสำหรับปีที่สิ้นสุด

เมื่อเดือนมกราคมปี 2021 Dell คาดการณ์ว่า Apex จะเติบโตในอัตราคิดเป็นเท่าตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมของโลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โอกาสที่ใหญ่ที่สุดนั้นมาจากข้อได้เปรียบซึ่งหมายถึงรูปแบบการจัดการข้อมูลนั้นใกล้เคียงกับที่เขาทำกันอย่างโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน การขนส่ง การดูแลสุขภาพ และการสื่อสารกลายมาเป็นดิจิทัล Dell พยากรณ์ว่าข้อได้เปรียบเหล่านี้จะต้องเติบโตอย่างรวดเร็วที่ร้อยละ 17 ต่อปี

“Gartner บริษัทวิจัยด้านไอทีประมาณการว่าภายใน 5 ปี ข้อมูลร้อยละ 75 จะถูกนำไปจัดการใกล้กับแหล่งกำเนิดเขาบอกคุณจะไม่ย้ายข้อมูลทั้งหมดนั่นไปไว้บนคลาวด์อีกตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตคือ อุปกรณ์สารสนเทศ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน 5G การใช้งานเดสก์ท็อปเสมือนขณะที่บริษัทหลายๆ แห่งกำลังสร้างสภาพแวดล้อมแบบผสมผสานในยุคหลังโรคระบาด

Dell วางแผนที่จะชำระหนี้ 1.6 หมื่นล้านเหรียญในปี 2021 เพื่อให้ได้รับสถานะระดับการเข้าลงทุน ด้วยสถานะดังกล่าว บริษัทจะสามารถกลับไปยังตลาดตราสารหนี้ระยะสั้นซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการกู้ยืม ช่วยให้บริษัทมีเงินไปอุดหนุนลูกค้าจำนวนมากขึ้น และชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งอย่าง Hewlett Packard Enterprise แล้วก็ยังมี VMware เพชรยอดมงกุฎแห่งอาณาจักรของ Michael Dell ทันทีที่แยกตัวแล้ว (เขาจะรอจนหลังวันแรงงานเพื่อจะได้ใช้ประโยชน์จากข้อกำหนด 5 ปีเพื่อทำให้การนำเงินได้ออกมาสามารถทำได้อย่างปลอดภาษี) บริษัทจะดำเนินงานด้วยตัวมันเองและวางแผนการเข้าซื้อกิจการ

ควรจะคาดหมายว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงขนาดใหญ่ในเวลาอันใกล้ไหม อาจจะไม่ Dell กล่าว แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง

จาก Austin เมืองที่เครนตอกเสาเข็มปรากฏอยู่ทั่วเส้นขอบฟ้า Dell กำลังทวงคืนตำแหน่งสูงสุดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี Susan ภรรยาของ