Electronic Dance Music หรือ EDM การผสมผสานระหว่างเสียงจากเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้เทคนิคต่างๆ ประกอบกับเสียงร้องอันทรงพลังและแสงสีตระการตา กลายเป็นแนวดนตรีที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก และทำให้เหล่าดีเจรับค่าตัวสูงลิ่วทำรายได้เข้ากระเป๋าด้วยอัตราแปดหลักในแต่ละปี ในการจัดอันดับรายได้ครั้งนี้ ศิลปินแนวเพลง EDM ผู้ติดอันดับของเรากวาดรายได้รวมกันกว่า 270.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับปีนี้ (ลดลง 1% จากปีที่ผ่านมา) นอกจากสร้างสรรค์เสียงดนตรีพร้อมความมันส์แล้วพวกเขายังทำเงินจากการรับโฆษณาผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น 7-Up และ Tag Heuer
1. Calvin Harris (63 ล้านเหรียญ)
แม้ความสัมพันธ์อันหวานชื่นกับ Taylor Swift จะปิดฉากไปแล้ว แต่ Harris ยังคงเดินหน้าทำรายได้มหาศาลอย่างต่อเนื่อง ด้วยค่าตัว 400,000 เหรียญต่อรอบแสดง ทำให้เขาขึ้นแท่นติดอันดับดีเจค่าตัวแพงที่สุดใน Las Vegas
2. TiËsto (38 ล้านเหรียญ)
ดีเจเชื้อสายดัตช์วัย 47 ปีทำรายได้ 6 หลักต่อรอบการแสดงในแต่ละคืน (เขาขึ้นเวทีปีละมากกว่า 100 ครั้ง) และยังได้รับเงินก้อนโตจากการเซ็นสัญญาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับ 7-Up อยู่ที่หลักล้านเหรียญ
3. David Guetta (28 ล้านเหรียญ)
Guetta ยังคงติดอันดับดีเจผู้ทำรายได้สูงสุดใน Las Vegas จากการขึ้นแสดงอย่างสม่ำเสมอที่ Wynn Properties นอกจากนี้เขายังสร้างสรรค์เพลงประจำการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 ที่จัดขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศสในปีนี้
4. Zedd (24.5 ล้านเหรียญ)
ดีเจหนุ่มผู้เกิดที่รัสเซียแต่เติบโตในเยอรมนีทำสถิติสร้างรายได้ต่อปีสูงสุดบนเส้นทางอาชีพของเขาจากการตระเวนขึ้นแสดงตามคลับและคอนเสิร์ตต่างๆ
5. Steve Aoki (23.5 ล้านเหรียญ)
โด่งดังจากการปาเค้กใส่คนดูจนเป็นสัญลักษณ์ของการแสดง เขายังคงขึ้นเวที 198 ครั้งในปีที่ผ่านมาแม้ว่าเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดกล่องเสียง อย่างไรก็ตาม เขากังวลว่าดนตรีแนว EDM อาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว “ภาวะฟองสบู่แตกไปแล้วที่อเมริกา” เขากล่าว “สังเกตจากจำนวนการแสดงของเหล่าดีเจใน Vegas สิ”
6. Diplo (23 ล้านเหรียญ)
ในวัย 37 ปีเขาทั้งฉายเดี่ยวและร่วมขึ้นเวทีกับ Jack Ü และ Major Lazer ในการออกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก เขาร่วมแต่งเพลงฮิตติดอันดับของปี 2015 ในชื่อ “Lean On” ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีการเปิดฟังบน Spotify ไปแล้วมากกว่า 800 ล้านครั้ง
7. Skrillex (20 ล้านเหรียญ)
ดีเจผู้มีชื่อจริงว่า Sonny Moore เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสำหรับการกลับมาครั้งใหม่ของ Justin Bieber โดยเขาดูแลการแต่งเพลงในอัลบั้มล่าสุดของ Bieber ในชุด Purpose ทั้งหมด 5 เพลง
8. Kaskade (19 ล้านเหรียญ)
ศิลปินคุณพ่อลูก 3 งานแน่นตลอดปี การันตีความสำเร็จด้วยการขายบัตรคอนเสิร์ต 20,000 ใบหมดเกลี้ยงสำหรับการแสดงซึ่งจัดขึ้นที่ L.A. Convention Center เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
9. Martin Garrix (16 ล้านเหรียญ)
ด้วยวัยเพียง 20 ปีทำให้ Garrix เป็นผู้ติดอันดับที่มีอายุน้อยที่สุด นอกจากนี้เขายังควบตำแหน่งพรีเซนเตอร์คนใหม่ของบริษัทผู้ผลิตนาฬิกาหรูอย่าง Tag Heuer
10. Dimitri Vegas & Like Mike (15.5 ล้านเหรียญ)
สองคู่หูดีเจลูกครึ่งเบลเยียม-กรีซเป็นที่โด่งดังในยุโรปมากกว่าที่ Las Vegas พวกเขาสร้างชื่อให้รู้จักไปทั่วโลก ด้วยรายได้ 6 หลักต่อการขึ้นแสดงในแต่ละคืน
รายได้ประเมินย้อนหลังเป็นเวลา 12 เดือนโดยสิ้นสุด ณ เดือนมิถุนายน 2016 ทั้งนี้ การประเมินอ้างอิงข้อมูลด้านการขึ้นแสดงคอนเสิร์ตของ Pollstar, Bandsintown และ Songkick; ข้อมูลรายได้งานเพลงจาก Nielsen; และข้อมูลการสัมภาษณ์ของบุคคลวงใน
ติดตามเรื่องราวและบทความทางด้านธุรกิจ ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2559