Alex Cyriac และ Shobin Uralil คู่หูเพื่อนซี้เชื่อว่าบัญชีเงินออมเพื่อสุขภาพภายใต้ระบบ HSA (Health Savings Account) ที่ดูน่าเบื่อหน่าย สามารถเปลี่ยนเป็นเครื่องมือการลงทุนที่เป็นมิตรต่อชาวมิลเลนเนียลยุคใหม่ และพวกเขาก็ไม่ได้เป็นคนเดียวที่คิดแบบนี้
Aex Cyriac วัย 33 ปี ยังเป็นโสดและสุขภาพดีเมื่อเขาได้รับสัญญาณเตือนเรื่องค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ในช่วงเกษียณ แม่ของเขายอมบอกความลับว่า เธอหยุดกินยาแล้ว เพราะการจ่ายค่ายารักษาโรคร่วม ภายใต้ระบบประกันสุขภาพของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 200 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน Cyriac ยืนกรานให้แม่เขียนใบสั่งซื้อยา และบอกว่าเขาจะจ่ายเงินให้เอง “ผมเคยคิดแบบไร้เดียงสาว่า พอคุณเกษียณแล้วคุณก็มีประกันสุขภาพของรัฐ” เขากล่าว ด้วยความตกตะลึงว่า ค่าใช้จ่ายที่ต้องออกเองสำหรับผู้สูงวัยได้พุ่งไปได้สูงขนาดนั้น Cyriac โทรหา Shobin Uralil เพื่อนสนิท และ Uralil ตอบว่าพ่อแม่เขาไม่ได้เก็บเงินสำหรับค่าใช้จ่าย ด้านบริการสุขภาพสำหรับวัยเกษียณเช่นกันพร้อมเสริมว่า เขาเองก็เพิ่งเจอบิลค่าใช้จ่ายบานตะไทที่ต้องจ่ายเองตอนลูกคนแรกเกิด ทั้งคู่รู้จักกันผ่านพ่อแม่ ซึ่งเป็นผู้อพยพมาจากทางใต้ของอินเดีย และมาเจอกันในงานแต่งงาน งานวันเกิด และงานชุมนุมทางศาสนาที่จัดโดย Knanaya Christian นิกายเล็กๆ ของพวกเขา บทสนทนานั้นเกิดขึ้นในปี 2015 และได้เป็นจุดเริ่มให้ Cyriac ซึ่งปัจจุบันเขาอายุ36 ปี และ Uralil อายุ 37 ปี เดินหน้าสู่เส้นทางการก่อตั้ง Lively สตาร์ทอัพซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัทร่วมลงทุนมุ่งให้บริการบัญชีเงินออมเพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์ความคาดหวังจากผลิตภัณฑ์ทางการเงินของชาวมิลเลนเนียล คือ มีค่าธรรมเนียมต่ำ (หรืออย่างน้อยก็มีความโปร่งใส) และบริหารจัดการได้ง่ายผ่านทางออนไลน์ ในปี 2003 สภาคองเกรสอนุญาตให้ใช้ HSA เป็นตัวลดหย่อนภาษีได้ เพื่อดึงดูดให้ครอบครัวต่างๆ หันมาทำประกันสุขภาพแบบ HDHP (แผนประกันสุขภาพที่เสียเบี้ยประกันต่ำ แต่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล ส่วนแรกสูงก่อนประกันเข้ามาคุ้มครอง) ซึ่งในทางทฤษฎีแล้ว ช่วยให้ผู้บริโภคใช้บริการด้านสุขภาพโดยระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น ตามรายงานของ Devenir บริษัทที่ปรึกษาด้าน HSA กล่าวว่า ในช่วงสิ้นเดือนมกราคม ชาวอเมริกันมีบัญชี HSA จำนวน 26 ล้านบัญชี คิดเป็นมูลค่า 6 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 2,300 เหรียญต่อบัญชี ขณะที่รายงานของ National Institute on Retirement Security บอกว่า นั่นเป็นเงินเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับเงินจำนวนมากที่อาจงอกเงยขึ้นมาหากชาวมิลเลนเนียล มีบัญชี HSA เนื่องจากคนกลุ่มนี้มี 401(k) (แผนการออมเงินสำหรับช่วงเกษียณ คล้ายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ) โดยกว่า 90% เข้าร่วมแผนออมเพื่อการเกษียณนี้ ที่นายจ้างช่วยจ่ายเงินสมทบเมื่อคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ในกลางปี 2016 Cyriac ลาออกจากงานใหม่ที่ Worldpay บริษัทให้บริการชำระเงินใน San Francisco และไปเช่าพื้นที่ที่ WeWork แล้วกลายเป็นซีอีโอของ Lively ทั้งนี้ เงินทุน 600,000 เหรียญของสตาร์ทอัพแห่งนี้มาจากบรรดาเพื่อนๆ ทั้งผู้บริหารของ Worldpay ผู้ก่อตั้ง Justworks และ PJC กองทุนร่วมลงทุนที่สนับสนุน Retroficiency ส่วนคุณพ่อมือใหม่อย่าง Uralil ทำงานประจำต่อไปนานกว่า แล้วย้ายออกมาที่ San Francisco ในเดือนมกราคม 2017 ทันเวลาพอดีกับที่ทั้งสองเริ่มต้นช่วงเวลาการทำงานอันเข้มข้น 12 สัปดาห์ที่บริษัทบ่มเพาะสตาร์ทอัพชื่อดัง Y Combinator ภายในเดือนมีนาคม 2017 Cyriac และUralil ได้ทำให้ HSA ของ Lively ใช้งานง่ายขึ้นโดยการบริหารจัดการและดำเนินงานแบบออนไลน์เพียงอย่างเดียว ภายในเดือนตุลาคมปีนั้น พวกเขาเพิ่มตัวเลือกการลงทุนผ่านบัญชีที่โบรกเกอร์ TD Ameritrade และได้รับเงินทุนเพิ่มอีก 3.5 ล้านเหรียญจากกลุ่มนักลงทุนที่รวมถึง Kevin Durant ดาวเด่นของ NBA ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้ Lively ระดมทุนได้ 11 ล้านเหรียญ เพื่อขยายธุรกิจ
คลิกอ่านบทความด้านการลงทุนและเทคโนโลยีและธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2562 ได้ในรูปแบบ e-Magazine
