ธุรกิจร้านอาหารสหรัฐฯ กับการลงทุนในสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี

ธุรกิจร้านอาหารมักจะให้ความสำคัญกับการลงทุนทางเทคโนโลยีค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจร้านค้าปลีก แต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้นำมาซึ่งการเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็ว ด้วยยอดขายทางออนไลน์ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นมากถึงร้อยละ 70 ภายในปี 2025

ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจร้านอาหารที่ไม่เคยมีการลงทุนอย่างจริงจังทางด้านเทคโนโลยีมาก่อน จึงเลือกที่จะจับกระแสด้วยการเข้าซื้อกิจการ การผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตร และการพัฒนาห้องทดลองเชิงนวัตกรรมขึ้น ดังจะเห็นได้จากในเดือนที่ผ่านมา Yum Brands บริษัทเจ้าของเฟรนไชส์ร้านอาหารชื่อดังอย่าง KFC, Pizza Hut, Taco Bell และ The Habit Burger ได้เข้าซื้อกิจการบริษัทเทคโนโลยีถึง 2 แห่ง ได้แก่ Kvantum ซึ่งเป็นบริษัทที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการทำกลยุทธ์ทางการตลาด และ Tictuk Technologies เพื่อเปิดให้ลูกค้าสามารถสั่งอาหารผ่านทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและข้อความได้ ล่าสุด ในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Chipotle ร้านอาหารเม็กซิกันได้ออกมาประกาศถึงการเข้าลงทุนใน Nuro บริษัทสตาร์ทอัพผู้พัฒนายานพาหนะขนส่งสินค้าแบบไร้คนขับ ขณะที่ Inspire Brands บริษัทแม่ของ Dunkin’, Arby’s และ Sonic เดินหน้าเข้าลงทุนใน ItsaCheckmate ตั้งแต่เดือนกันยายน 2020 เพื่อผนวกช่องทางในการสั่งสินค้าทุกแพลตฟอร์มให้เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียว อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะเกิดวิกฤตโควิด-19 บริษัทเหล่านี้ก็ได้มีเข้าลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีไปบ้างแล้วเช่นกัน โดยในปี 2019 Mcdonald’s เข้าซื้อ Dynamic Yield สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ และ Plexure บริษัทผู้พัฒนาแอปพลิเคชันมือถือ  ขณะที่ Yum เข้าลงทุนเป็นมูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ใน Grubhub เมื่อปี 2018 ก่อนที่จะขายหุ้นไปในภายหลัง ด้าน Pizza Hut บริษัทในเครือของ Yum ก็ได้เข้าซื้อ QuickOrder บริษัทสั่งสินค้าทางออนไลน์ และในปี 2016 Subway เข้าซื้อ Avanti Commerce ผู้ให้บริการด้านอี-คอมเมิร์ซ ในที่นี้ อาจกล่าวได้ว่า การผนึกกำลังเข้าเป็นพันธมิตรและการเข้าซื้อกิจการ ไม่ได้เพียงทำให้ธุรกิจร้านอาหารสามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้เท่านั้น เพราะยังหมายรวมถึงการชูศักยภาพในการดึงดูดลูกค้าในช่วงการเกิดโควิด-19 โดยอาศัยข้อได้เปรียบดังกล่าวได้เช่นกัน

ดังจะเห็นได้จากการที่ Chipotle สามารถสร้างรายได้กว่าร้อยละ 174 จากการทำธุรกิจผ่านทางช่องทางออนไลน์ พร้อมเดินหน้าสู่การจัดส่งด้วยยานพาหนะขนส่งสินค้าแบบไร้คนขับ เพื่อลดต้นทุนการจัดส่งที่เกือบจะเสมอกำไรที่ได้จากการขาย และในขณะเดียวกันก็เป็นการลดการผลักภาระให้กับผู้บริโภคจากการเพิ่มราคาในแต่ละเมนูอาหาร สำหรับประเด็นนี้ Jack Hartung ผู้อำนวยการด้านการเงินของ Chipotle ระบุว่า ทางบริษัทสามารถปรับสู่การจัดส่งแบบอัตโนมัติผ่านความร่วมมือกับ Nuro ภายใน 5 ปีที่จะถึงนี้ “เราจะทำงานร่วมกับพวกเขาในการออกแบบและทดสอบยานพาหนะที่เข้ากันได้ดีกับการจัดส่งเบอร์ริโต้ของพวกเรา” เขากล่าว พร้อมเสริมว่า “ผมเชื่อว่าค่าจัดส่งสินค้าจะมีราคาถูกลงกว่าเดิม และในขณะเดียวกันกลับสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน”  นอกจากการพัฒนาทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วแล้ว การผนึกกำลังพันธมิตรยังนำมาซึ่งการนำเสนอมุมมองที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับโลกของสตาร์ทอัพที่ก้าวไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งนับเป็นหนึ่งในสาเหตุที่บรรดาธุรกิจร้านอาหารหันเข้าสู่การพัฒนาห้องทดลองด้านนวัตกรรม โดย Wendy’s ได้เปิดศูนย์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ Ohio State University ในปี 2015 ขณะที่ Chick-fil-A  เปิดศูนย์นวัตกรรมที่ Georgia Tech ในปี 2018 ด้าน Domino's เปิด “โรงจอดรถนวัตกรรม” ที่ Michigan ในปี 2019 และ McDonald’s สร้าง McTech Labs ที่ Silicon Valley และล่าสุด Yum Brands เตรียมเปิดศูนย์นวัตกรรมที่เมือง Plano รัฐ Texas ภายในปี 2021 นี้  ในที่นี้ Joe Park รองประธานประจำศูนย์นวัตกรรมของ Yum กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า “เรากำลังสร้างอนาคตที่นำซึ่งสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ เราไม่ได้จะคาดการณ์สิ่งที่กำลังจะเกิด แต่เรากำลังมองไปยังสิ่งที่อยู่ไกลออกไป” ทั้งนี้ การคาดการณ์อนาคตมีความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิมเนื่องจากผู้บริโภคมีความคล่องตัวมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งหนึ่งในตัวอย่างที่สำคัญก็คือ Domino’s ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ร้านอาหารที่มีฉนวนป้องกันโรคระบาดมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ดังจะเห็นได้จากการที่บริษัท ได้รับการยกย่องในฐานะ “บริษัทเทคโนโลยีที่ขายพิซซ่า” มายาวนาน ซึ่งสามารถผลักดันยอดขายสาขาให้เติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 39 ไตรมาสติดต่อกัน แปลและเรียบเรียงจากบทความ Why More Restaurant Companies Are Investing In Tech Startups เผยแพร่บน Forbes.com อ่านเพิ่มเติม: บทพิสูจน์ความแข็งแกร่งร้านอาหารยุคโควิด-19 ดิสรัปชัน