Tooey Courtemanche ได้สร้างความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งของแวดวงเทคโนโลยีฝากไว้ที่ Procore แอปพลิเคชั่นมูลค่าหลายพันล้านเหรียญที่ดึงโครงการก่อสร้างต่างๆ เข้าสู่ระบบคลาวด์
ถนนสายหนึ่งใน Montecito รัฐ California ชานเมือง Santa Barbara ซึ่งมีบรรยากาศเงียบงัน Craig “Tooey” Courtemanche ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Procore กำลังคิดหาวิธีบุกเข้าบ้านของตัวเอง ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน ขณะที่เขากำลังหัวเสียอยู่กับการรีโนเวทบ้านแบบสเปนสไตล์โมเดิร์น ขนาด 3 ห้องนอน บ้านหลังนี้เองที่เขาได้สร้างแอพพลิเคชั่นแบบง่ายๆ ขึ้นมาเพื่อเฝ้าดูการเข้า-ออกของคนงาน
ในวันนี้เขานำแอพฯ นั้นมาใช้รีโนเวทบ้านอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เพื่อให้สมฐานะซีอีโอของบริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่ง แอพพลิเคชั่นนี้มีชื่อว่า Procore ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอุตสาหกรรมการก่อสร้างมูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ
โดยมีการนำไปใช้ในโครงการต่างๆ มากมายตั้งแต่สนามกีฬาไปจนถึงตึกระฟ้า จนยอดขายขยับเข้าใกล้หลัก 200 ล้านเหรียญเข้าไปทุกที และนั่นก็ดีพอที่จะครองอันดับ 5 ในการจัด อันดับ Forbes Cloud 100 ประจำปี 2018 แต่วันที่ฝุ่นตลบในเดือนกรกฎาคม อะไรก็ไม่สำคัญนัก เพราะตอนนี้ Courtemanche วัย 51 ปีกำลังเบียดตัวแทรกเข้าไประหว่างต้นปาล์ม จากนั้นยังมีรั้วบ้านตัวเองอยู่อีกด้าน
พวกเราแวะมาโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า Courtemanche ได้พาชมบันไดด้านหน้าที่หากเสร็จแล้วจะเหมือนกับลอยอยู่บนผิวน้ำ มุขประตูที่เขาตั้งโปรแกรมให้เปิดด้วยเสียง เปิดออกสู่สระว่ายน้ำาใหม่ที่ไร้ขอบสระชั้นล่างเป็นห้องโยคะสำหรับให้ภรรยาสอนโยคะ และยังมีห้องรับแขกห้องใหม่ของลูกชายวัย 20 ปีที่ดำรงตำแหน่งผู้จัดการด้านพันธมิตรให้กับ Procore แบบเต็มเวลา
เมื่อ Courtemanche ต้องกลับไปทำงานที่ Carpinteria ใกล้ๆ นั้น เขาสามารถเฝ้าสังเกตการณ์งานก่อสร้างผ่านทาง Procore เพื่อติดตามตารางการทำงานของคนงานพลางตอบคำาถามของบรรดาผู้รับเหมารายต่างๆพร้อมเปรียบเทียบภาพถ่ายความคืบหน้าจริงๆกับภาพวาดเพื่อคำนวณว่างบจะบานปลายไปเท่าไร
พนักงานเองก็ ชินแล้วเวลาเห็น Courtemanche คอยติดตามความคืบหน้าของบ้านตัวเองผ่านแอพฯ ไม่ว่าจะในที่ประชุมหรือระหว่างพักเที่ยง “จะมีใครได้รับสายตรงรายงานเรื่องบั๊กจากซีอีโอตัวเองอย่างนี้อีกหรือ” Courtemanche กล่าว
“เราเชื่อว่านี่แค่เพิ่งเริ่มต้น ผมต้องการให้ Procore เป็นแหล่งข้อมูลที่ให้ข้อเท็จจริงเพียงหนึ่งเดียวเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างในธุรกิจก่อสร้างทั่วโลก”
ตอนที่ Courtemanche ก่อตั้ง Procore ขึ้นในปี 2002 เขายังคงเป็นเพียงผู้บริหารด้านเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จระดับปานกลางใน Silicon Valley โดยรับงานสร้างอินเตอร์เฟสตามความต้องการสำหรับซอฟต์แวร์ออนไลน์เพื่อใช้ในงานทรัพยากรบุคคล Courtemanche เดินทางบ่อยมาก จนก่อนหน้านั้น 4 ปี ภรรยายื่นคำขาดว่า เธอจะพาลูกชายย้ายลงใต้ไปที่ Santa Barbara แต่ก็ยินดีหากเขาต้องการย้ายไปอยู่ด้วยกันเธอเป็นคนเลือกบ้านเองซึ่งต้องซ่อมกันอีกไม่น้อยทีเดียว
ในช่วงแรก Courtemanche บินลงใต้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และพบว่างานซ่อมบ้านคืบหน้าไปอย่างช้าๆ เขาจึงลงมือทำงานที่ถนัดที่สุดคือเขียนโปรแกรมติดตามขึ้นเอง ไม่เกินปี 2004 Courtemanche ก็ได้เซ็นสัญญากับผู้รับเหมาที่ทำงานให้กับดารา Hollywood อย่าง Eddie Murphy, Ben Stiller และ Barbra Streisand เพื่อใช้บริการเฝ้าติดตามงานรีโนเวทบ้านผ่าน Procore
สำหรับ Courtemanche เข้าใจภาษางานก่อสร้างเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เขาเติบโตในย่าน Jolla อันแสนมั่งคั่งในเมือง San Diego แต่เรียนหนังสือไม่ได้เรื่อง เพราะมัวแต่สนใจสาวๆ มากกว่า แต่กับงานก่อสร้างนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หลังเลิกเรียน Courtemanche จะทำงานกวาดพื้นให้ร้านทำตู้ พออายุได้ 17 ปี เขาก็กลายเป็นช่างไม้ฝีมือฉกาจหลังเสร็จสิ้นการฝึกงานเป็นเวลา 6 เดือน
ประสบการณ์การเรียนที่ University of Arizona เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายมากๆ ปีหนึ่งของเขา เพราะสอบตกด้วยเกรดเฉลี่ย 0.3 จนทำให้ต้องออกมาทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย จากนั้นจึงเข้าเรียนต่อในวิทยาลัยชุมชน ที่นี่เขาทำคะแนนจนได้รับคัดเลือกเข้าโครงการเตรียมแพทย์ใน San Francisco
เมื่อเดินทางขึ้นเหนือไปแล้วก็พบว่า ตนเองได้เข้ามาสู่ยุคทองของธุรกิจก่อสร้างในช่วงต้นยุค 1990 หลังจากที่ “จับค้อน” ได้ 2 ปี เขาก็หมดไฟ จึงตอบรับข้อเสนอจากเพื่อนคนหนึ่งของครอบครัว เพื่อเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจซอฟต์แวร์ระบบโทรศัพท์ จากนั้นก็ศึกษา HTML ด้วยตัวเองภายในปี 1993 เขาก็กลายเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ไปแล้ว และเมื่อถึงปี 1996 เขาก็ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีขึ้นมา
ห้าปีต่อมา Courtemanche ได้สร้างต้นแบบของ Procore ขึ้น และเขาก็พบกับข่าวที่น่าตกใจ เพราะแม้อุตสาหกรรมก่อสร้างจะคิดเป็นสัดส่วนถึง 10% ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่จนถึงปี 2002 คนงานก่อสร้างยังแทบไม่ใช้อินเทอร์เน็ตกันเลย “อย่างกับนั่งไทม์แมชีนย้อนยุคกันเลย” Courtemanche นึกในใจ
สำหรับธุรกิจซอฟต์แวร์ที่กำลังหัดบินแล้วนั้น Santa Barbara ไม่เหมือนกับ San Francisco แต่ที่นี่มีคนรวยๆ มากมายที่ย้ายมาจาก Bay Area กับ Los Angeles เพราะต้องการชีวิตอันแสนสงบ นักลงทุนอย่าง Steve Zahm ถึงกับขาย DigitalThink บริษัทอี-เลิร์นนิ่งที่เขาก่อตั้งขึ้นเองไปในราคา 120 ล้านเหรียญ และย้ายมาดำรงตำแหน่งประธานของ Procore ตั้งแต่ปี 2004 จนถึงปัจจุบัน ส่วนรายใหญ่กว่านั้นคือ Kevin O’Connor ผู้ร่วมก่อตั้ง Double-Click เขาเป็นผู้ให้เงินลงทุนในนามสถาบัน
ก้อนแรกให้กับ Procore และเป็นผู้นำการระดมทุนรอบ seed ได้อีก 950,000 เหรียญพร้อมเข้ามาดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริษัทน้องใหม่แห่งนี้
Procore ยังคงเติบโต แต่ก็ช้ากว่าที่หวังไว้ ในการลงทุนนั้นว่ากันว่า หากโตเร็วเกินไปแสดงว่ามีอะไรผิดพลาดแน่แล้วและ Procore ก็โตเร็วไปจริงๆ
ในปี 2006 Procore ถือกำเนิดขึ้นมาได้แล้ว 4 ปี ขณะที่ iPhone เพิ่งจะก้าวสู่โลกอนาคตได้เพียงปีเดียวเท่านั้นเอง ส่วน Wi-Fi ก็เหมือนกับไม่มีจริงอย่างไรอย่างนั้น Procore ทำงานผ่านคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นของที่แทบจะไม่ได้เห็นในพื้นที่ก่อสร้างเลย
นักวิเคราะห์ระดับล่างคนหนึ่งบอกกับเขาว่า มีแต่พวกเบาปัญญาเท่านั้นแหละที่มุ่งอยู่แต่กับการตลาดแนวทางเดียว “ลองทำให้เป็นเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์กสิแล้วผมจะจ่ายเงินให้ทันทีเลย” Courtemanche จำคำพูดของเขาได้อย่างแม่นยำ ช่วงวิกฤตทางการเงินเมื่อปี 2008 ธุรกิจสร้างบ้านหยุดชะงัก Courtemanche ต้องนำบ้านจดจำนอง
เขากับ Zahm ต่างลดเงินเดือนของตัวเองกันจนเหลือศูนย์พนักงานโดนปลดจนเหลือเพียง 5 คน นักลงทุนต่างรอฟังข่าวการยุติกิจการของสตาร์ทอัพแห่งนี้
แต่ Courtemanche เป็นคนหัวรั้น เขาเชื่อว่าในที่สุดธุรกิจก่อสร้างก็ต้องหันมาพึ่งพาเทคโนโลยี และเมื่อเวลานั้นมาถึง Procore ก็เตรียมพร้อมรออยู่แล้ว กระแสเริ่มค่อยๆ หันมาเข้าทาง Procore บริษัทก่อสร้างต่างๆกลับมาทบทวนการทำงานคนงานรุ่นใหม่ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมพร้อมความคาดหวังว่าซอฟต์แวร์จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการทำงาน
ในปี 2010 Apple เปิดตัว iPad ทำให้พื้นที่ก่อสร้างมีอุปกรณ์ทนทานสูงไว้ทำงาน และสามารถเข้าถึง Wi-Fi ได้มากขึ้น ในปี 2012 ธุรกิจ Procore ครบรอบ 1 ทศวรรษพอดี แต่ก็ยังคงเป็นเพียงธุรกิจเล็กๆ มียอดขายแค่ 5 ล้านเหรียญ แต่จู่ๆ ก็เริ่มเติบโตแบบก้าวกระโดด จนในที่สุดก็ไปเข้าตา Silicon Valley ในปี 2014
Bessemer Ventures เป็นผู้นำการลงทุนในรอบแรกด้วยเงิน 15 ล้านเหรียญ ก่อนที่ในอีก 10 เดือนให้หลังจะควักเงินลงทุนเพิ่มอีก 30 ล้านเหรียญร่วมกับ Iconiq Capital Procore ต้อนรับลูกค้ารายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน บรรดาผู้จัดการที่ Wieland ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาใน Michigan ที่บริหารโครงการต่างๆ มูลค่ารวมปีละ 325ล้านเหรียญนั้น ใช้ Procore มาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2015 ในโครงการโรงงานกระดาษมูลค่ามหาศาลแห่งหนึ่งใน Wapakoneta รัฐ Ohio
หัวหน้าทีมงานและผู้จัดการต่างก็พก iPad Pro เพื่อที่จะสามารถติดตามความคืบหน้าจริงๆ กับภาพวาดผ่าน Procore ได้ตลอดเวลาสำหรับ Procore ไม่ได้คิดเงินจากจำานวนผู้ใช้ แต่คิดจากการลงทะเบียนเป็นสมาชิก ทำให้ผู้รับเหมาช่วงและพันธมิตรที่ทำงานให้กับลูกค้าอย่าง Wieland สามารถใช้ Procore ได้ฟรีอีกทั้งยังนำไปใช้กับโครงการอื่นๆของตนด้วย
Procore ได้เพิ่มลูกเล่นให้ครอบคลุมด้านต่างๆ เช่น การตรวจสอบความปลอดภัยและการเงิน ทำให้สามารถตีแตกผู้เล่นรายใหญ่ของอุตสาหกรรมได้ อย่าง Mortenson ยักษ์ใหญ่ประจำวงการก่อสร้างซึ่งมีฐานอยู่ที่ Minnesota และมียอดขาย 4 พันล้านเหรียญ บริษัทแห่งนี้จ่ายเงินเป็นตัวเลขสูงถึง 7 หลัก เพื่อให้พนักงาน 2,000 คนได้ใช้แอพฯ ลูกค้ารายใหญ่อย่างนี้นี่เองที่ทำาให้ Procore ระดมทุนได้ 180 ล้านเหรียญนับตั้งแต่ปี 2015 มูลค่ารวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 1 พันล้านเหรียญเมื่อปลายปี 2016
เทคโนโลยีก่อสร้างกลายเป็นของที่มาแรงและ Procore ก็ดึงดูดผู้ท้าชิงได้ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา Oracle กับ Trimble ยักษ์ใหญ่แห่งซอฟต์แวร์ต่างลงทุนฝ่ายละ 1.2 พันล้านเหรียญเข้าซื้อกิจการต่างๆเพื่อให้มีที่ยืนในอุตสาหกรรมนี้
ขณะที่นักลงทุนซึ่งพลาดการลงทุนใน Procore ก็หันมาให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพหน้าใหม่ แหล่งข่าววงในบอกว่ามีคู่แข่งอย่างน้อย 1 รายที่แอบเสนอเงินหลายพัน ล้านเหรียญเพื่อขอซื้อ Procore แต่ได้รับการปฏิเสธไป อย่างไรก็ตาม Procore ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นในเรื่องนี้
ทีมงานข้ามสายงานกำลังง่วนอยู่กับการสร้างเวอร์ชั่นใหม่ๆ ให้กับแอพฯ ของ Procore สำหรับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ผู้รับเหมาช่วงและลูกค้ารายใหญ่ การเปิดตัวเวอร์ชั่นใหม่ๆ เหล่านี้เองที่อาจเป็นการเตรียมความพร้อมขั้นตอนสุดท้ายที่ Procore ต้องการก่อนเสนอขายไอพีโอแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ซึ่งแหล่งข่าววงในคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2019
ในการประชุมภายในร่วมกับลูกค้า Procore ทำตัวเหมือนบริษัทมหาชนอยู่แล้ว เช่นเตรียมตัวเดินทางสู่ Wall Street เพื่อให้เห็นจำนวนลูกเป็ดขี้เหร่ที่กลายมาเป็นผู้นำระบบคลาวด์อย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก
Courtemanche บอกว่า แม้เวลาจะล่วงเลยมาหลายปี แต่เขาก็ไม่ได้มีแผนจะอำลาวงการหากได้ปลุกตลาดขึ้นมาแล้ว วิสัยทัศน์ของ Procore ก็เหมือนกับบ้านของเขา คืออาจจะกว้างขวางก้าวไกลออกไป แต่ก็ยังคงตั้งอยู่บนรากฐานเดิม
“ผมก็เหมือนสุนัขนั่นแหละ เมื่อได้อาหารแล้วก็ไม่ไปไหนหรอก”
เรื่อง: Alex Konrad เรียบเรียง: ปาริชาติ ชื่นชม ภาพ ETHAN PINES คลิกอ่านบทความฉบับเต็มของ “Tooey Courtemanche นายช่างใหญ่ไฮเทคแห่ง Procore ดึงธุรกิจก่อสร้างขึ้นระบบคลาวด์ ” ได้จากนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2561