เมื่อ “เพชรสังเคราะห์” จากห้องแล็บ ตอบโจทย์ “คนดัง” และสิ่งแวดล้อม - Forbes Thailand

เมื่อ “เพชรสังเคราะห์” จากห้องแล็บ ตอบโจทย์ “คนดัง” และสิ่งแวดล้อม

ธุรกิจเครื่องประดับที่ทำจาก “เพชรสังเคราะห์” เริ่มขยายการเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหล่าบรรดาศิลปิน เซเลปคนดังในต่างประเทศ หันมานิยมใส่เพชรที่ผลิตจากห้องแล็บแทนเพชรแท้ที่ขุดได้จากเหมืองกันมากขึ้นเพราะมีความระยิบระยับแวววาวไม่แตกต่างกัน แต่ในเรื่องของราคาและการรักษาสิ่งแวดล้อมเมื่อเทียบกับแล้วนั้น ดูเหมือนจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง


    เพชรสังเคราะห์ คือ เพชรที่มนุษย์สร้างขึ้นด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในห้องแล็บหรือเรียกอีกอย่างว่า Laboratory-Grown Diamonds (LGD) ที่มีองค์ประกอบทางเคมีและคุณสมบัติทางกายภาพเหมือนกับเพชรแท้ที่ขุดได้จากเหมืองทุกประการ จะแตกต่างกันเพียงแค่ต้นกำเนิดโดยไม่สามารถแยกแยะออกได้ด้วยตาเปล่าและจะต้องอาศัยเครื่องมือเฉพาะพิเศษในการสังเกตดูเท่านั้น 


- เครื่องประดับแบรนด์ดัง หันมาใช้ “เพชรสังเคราะห์” -

    De Beers บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเพชรแท้จากธรรมชาติรายใหญ่ของโลกคือรายแรกที่เล็งเห็นโอกาสอันดีในการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่จึงได้ตัดสินใจเข้าสู่ตลาดธุรกิจเครื่องประดับเพชรสังเคราะห์ ในปี 2018 ภายใต้แบรนด์ “Lightbox Jewelry”

    Nick Smart ผู้อำนวยการฝ่ายพาณิชย์ของ Lightbox ให้สัมภาษ์ผ่านสื่อในช่วงที่ผ่านมาว่า “ปัจจุบันแบรนด์นี้ส่งสินค้าไปยัง 75 ประเทศทั่วโลกและมีสินค้าปรากฏอยู่ตามร้านค้า 125 แห่งทั่วสหรัฐและแคนาดา กิจการของเราเติบโตเกินความคาดหมาย ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอเมริกาเหนือ” Nick กล่าว


    ในเดือนพฤษภาคม ปี 2021 แบรนด์ Pandora ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องประดับเงินรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้เปิดตัวคอลเล็กชันเครื่องประดับเพชรสังเคราะห์ Pandora Brilliance ในสหราชอาณาจักร หลังจากประกาศว่าจะไม่ใช้เพชรแท้ธรรมชาติที่ขุดได้จากเหมืองมาผลิตเป็นเครื่องประดับของแบรนด์อีกต่อไป รวมถึงการประกาศจะหยุดใช้ทองคำและเงินที่ขุดขึ้นใหม่ภายในปี 2025 โดยทางแบรนด์จะเลือกใช้แต่วัตถุดิบที่มาจากแหล่งรีไซเคิลเท่านั้น


    ด้านแบรนด์เครื่องประดับหรูระดับไฮเอนด์ จากกลุ่มบริษัท LVMH ก็ได้ตื่นตัวกับแนวทางนี้ด้วยเช่นกัน โดยทางบริษัทได้ลงทุนในโรงงานผลิตเพชรในห้องปฏิบัติการของอิสราเอล อีกทั้งในช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2023 แบรนด์นาฬิกาสุดหรูอย่าง TAG Heuer ในเครือ LVMH ก็ได้เปิดตัวนาฬิการุ่น Carrera Plasma ซึ่งถือเป็นนาฬิกาเรือนแรกของบริษัทนาฬิกาที่เลือกผลิตและประดับด้วยเพชรสังเคราะห์แทนเพชรแท้



- เซเลปคนดัง ใส่ใจสิ่งแวดล้อมผ่านเครื่องประดับ -

    เหล่าบรรดาศิลปินคนดังระดับโลกได้เริ่มหันมาสนับสนุนเทรนด์เครื่องประดับที่ทำจากเพชรสังเคราะห์ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่าง เช่น ในปี 2018 Emma Watson นักแสดงหญิงที่โด่งดังมาจากบทบาท เฮอร์ไมโอนี่ ในภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter และยังถือเป็น 1 ในนักกิจกรรมรณรงค์ที่มีบทบาททางสังคม ได้เลือกสวมใส่เครื่องประดับสุดหรูไปร่วมงาน Academy Awards โดยสร้อยคอที่เป็นแผงห้อยระย้าปกคลุมไหล่ รวมถึง แหวน กำไล และสร้อยข้อมือ ล้วนทำมาจากเพชรสังเคราะห์ที่ผลิตขึ้นจากห้องแล็บและทองคำรีไซเคิลทั้งหมด ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในการลดการขุดเจาะหินในเหมืองแร่ธรรมชาตินั่นเอง 


    ด้าน Rihanna ศิลปินนักร้องสาวที่ผันตัวมาทำธุรกิจแบรนด์เครื่องสำอางจนประสบความสำเร็จสร้างรายได้มหาศาล ก็ยังเลือกสวมใส่สร้อยคอ สร้อยข้อมือ และยังโดดเด่นด้วยแหวนที่เปล่งประกายจากอัญมณีอย่างทับทิมและแซฟไฟร์ที่มีน้ำหนัก 18 กะรัตลายล้อมไปด้วยเพชรสังเคราะห์จากห้องแล็บรวมอีก 16 กะรัต เพื่อเฉลิมฉลองในงานวันเกิดครบรอบ 30 ปีของเธอเอง งานนี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องประดับมีการประเมินด้วยว่า เฉพาะแหวนของเธอน่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 34 ล้านบาท


    ขณะที่นักร้องนักแต่งเพลง Billie Eilish ที่มาในลุคสวยหวานเย้ายวนใจแบบ Marilyn Monroe ในงาน MET Gala ปี 2021 เธอเลือกสวมใส่ชุดเจ้าหญิงสีพีชของแบรนด์ Oscar De La Renta โดยมีความตกลงร่วมมือกับทางแบรนด์ที่จะเลิกใช้ขนสัตว์ในคอลเล็กชั่นเสื้อผ้า นอกจากนี้ เธอยังเลือกสวมสร้อยข้อมือและแหวนเพชรประดับนิ้วอีกหลายวง ซึ่งเครื่องประดับทั้งหมดสรรค์สร้างมาจากเพชรสังเคราะห์ในห้องแล็บเพื่อช่วยลดโลกร้อนจากการขุดเจาะหินของการสร้างเหมืองแร่อัญมณี


    หันมาดูฝั่งศิลปินชายกันบ้าง นักร้องดัง อย่าง Drake เลือกสวมใส่สร้อยคอที่มีดีไซน์โดดเด่นในชีวิตประจำวันบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์สุดคูลได้อย่างลงตัว โดยสร้อยคอที่เขาสวมใส่เพื่อเข้าชมการแข่งขันบาสเก็ตบอล NBA ณ เมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา ในช่วงต้นปี 2022 ที่ผ่านมา เป็นเพชรสังเคราะห์ ที่มีน้ำหนักรวม 127.5 กะรัต และมีมูลค่าสูงถึง 1.9 ล้านเหรียญ จากแบรนด์ดังอย่าง Homer นั่นเอง



- เทียบราคา เพชรสังเคราะห์ VS เพชรแท้ -

    ปัจจุบันปริมาณการผลิตเพชรสังเคราะห์จากทั่วโลกทยอยเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็น 6-7 ล้านกะรัต สวนทางกับการผลิตเพชรแท้จากธรรมชาติที่มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ จากเดิมที่เคยมีปริมาณสูงสุดในปี 2017 ราว 152 ล้านกะรัต ก็ลดลงมาเหลือปริมาณเพียง 111 ล้านกะรัตในปี 2020 

    เมื่อเพชรแท้เริ่มหายาก ผลิตได้จำนวนน้อยลง ราคาในการหาซื้อเพื่อมีไว้ในครอบครองก็ค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ขณะเดียวกันเพชรสังเคราะห์ที่มีคุณภาพไม่แตกต่างกันก็สามารถผลิตออกมาตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเริ่มถูกลง เห็นได้จากข้อมูลการรายงานของ Zack Guzman ซึ่งเป็นนักข่าวอาวุโสของ yahoo.com ผู้เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องราวของ “เพชรสังเคราะห์” ไว้ว่า ในปี 2008 เพชรสังเคราะห์ขนาด 1 กะรัต มีราคาประมาณ 4,000 เหรียญ แต่จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เพชรสังเคราะห์ผลิตได้ง่ายขึ้น ต้นทุนถูกลงมาก จนปัจจุบันสามารถหาซื้อเพชรสังเคราะห์ได้ในราคาเริ่มต้นเพียงกะรัตละ 300-500 เหรียญเท่านั้น 


    โดยราคาดังกล่าวจะเห็นได้ว่าเพชรสังเคราะห์มีราคาถูกกว่าเพชรแท้เป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น เพชรแท้จากธรรมชาติ รูปทรงกลม ขนาด 1 กะรัต ความใสสะอาดระดับ VS2 สี G มีราคาอยู่ที่ 5,559 เหรียญ ขณะที่เพชรสังเคราห์ที่มีคุณภาพระดับเดียวกันมีราคา 1,992 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นราคาถูกกว่าเพียง 1 ใน 3 ของราคาเพชรแท้เท่านั้น

    นอกจากนี้ Paul Zimnisky  นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมการค้าเพชร ยังคาดการณ์ด้วยว่าตลาดเครื่องประดับเพชรสังเคราะห์ในปี 2021 จากเดิมมีมูลค่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ จะเติบโตแบบก้าวกระโดดเพิ่มขึ้นอีกสองเท่าเป็นมูลค่า 4 พันล้านเหรียญได้ภายในปี 2025 


    

    อ่านเพิ่มเติม : เมื่อ “เพชรแท้” เริ่มหายาก “เพชรสังเคราะห์” ช่วยตอบโจทย์ผู้บริโภค Gen Z

    คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2566 ในรูปแบบ e-magazine