10 อันดับมหาเศรษฐีแห่งอินเดีย ปี 2018 - Forbes Thailand

10 อันดับมหาเศรษฐีแห่งอินเดีย ปี 2018

ถึงแม้ค่าเงินรูปีจะอ่อนตัวลงจนเหมือนกับลบมูลค่าของตลาดหุ้นอินเดียที่เติบโตขึ้น 14% จากปีก่อนไปหมด แต่ปี 2018 นี้มหาเศรษฐีแห่งอินเดียบนทำเนียบของ FORBES ก็ยังคงมีทรัพย์สินเพิ่มพูนขึ้นรวมกันกว่า 4.92 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ในหมู่เศรษฐี 100 อันดับแรก 11 รายในนั้นมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปีเดียว

Mukesh Ambani เจ้าพ่อพลังงานน้ำมันและก๊าซ ยังคงรั้งอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 11 ด้วยความมั่งคั่งรวม 4.73 หมื่นล้านเหรียญ และเขายังเป็นเศรษฐีที่มีมูลค่าทรัพย์สินเติบโตมากที่สุดของปีนี้ โดยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอีก 9.3 พันล้านเหรียญ จากความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของบริการเครือข่ายโทรคมนาคม Reliance Jio ขณะที่ Azim Premji ประธานกรรมการบริษัท Wipro ยังคงรั้งอันดับ 2 เช่นกัน โดยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจาก 2 หมื่นล้านเหรียญ เป็น 2.1 หมื่นล้านเหรียญ  ส่วนอันดับ 3 คือ Lakshmi Mittal ประธานกรรมการและซีอีโอ ArcelorMittal มีทรัพย์สินรวม 1.83 หมื่นล้านเหรียญ โดยความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น 1.8 พันล้านเหรียญในปีนี้ทำให้เขาขยับตำแหน่งขึ้นมาหนึ่งอันดับ และนี่คือ 10 อันดับแรกของมหาเศรษฐีอินเดียประจำปี 2018 จัดอันดับโดย Forbes India

อันดับ 1 Mukesh Ambani

มูลค่าทรัพย์สิน: 4.73 หมื่นล้านเหรียญ แหล่งความมั่งคั่ง: ปิโตรเคมี น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ อายุ: 61 ปี Mukesh Ambani เป็นประธานกรรมการบริษัท Reliance Industries ยักษ์ใหญ่วงการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติแห่งอินเดีย โดยบริษัทนี้ก่อตั้งโดย Dhirubhai Ambani คุณพ่อของเขา ผู้เริ่มต้นงานธุรกิจจากการเป็นพ่อค้าเส้นด้ายและเริ่มก่อตั้งโรงงานผลิตสิ่งทอในปี 1966 หลังคุณพ่อเสียชีวิตในปี 2002 Mukesh และน้องชาย Anil ขึ้นควบคุมอาณาจักรธุรกิจของครอบครัวแทน และเริ่มก้าวสู่ธุรกิจโทรคมนาคมในปี 2016 กับบริษัท Reliance Jio ซึ่งกลายเป็นการจุดไฟสงครามราคาของตลาดโทรคมนาคมที่แข่งขันรุนแรงในอินเดีย เพราะ Jio ดึงดูดลูกค้าลงทะเบียนได้ถึง 215 ล้านคนจากการให้โปรโมชันโทรฯ ฟรีในประเทศและแพ็กเกจดาต้าที่ราคาถูกเหมือนได้เปล่า

อันดับ 2 Azim Premjji

มูลค่าทรัพย์สิน: 2.1 หมื่นล้านเหรียญ แหล่งความมั่งคั่ง: บริการซอฟต์แวร์ อายุ: 73 ปี มหาอำนาจด้านเทคโนโลยีแห่งอินเดีย บริษัท Wipro ของ Azim Premji ทำรายได้ไป 8.4 พันล้านเหรียญ และเป็นบริษัทเอ้าต์ซอร์สที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอินเดีย Premji ลาออกจากมหาวิทยาลัย Stanford เพื่อกลับมาดูแลกิจการน้ำมันพืชของครอบครัวเมื่อปี 1966 เนื่องจากคุณพ่อของเขาเสียชีวิต หลังจากนั้นเขาได้ขยายกิจการของครอบครัวไปสู่ธุรกิจซอฟต์แวร์ Wipro มีศูนย์นวัตกรรมใน Silicon Valley ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ และร่วมมือการพัฒนากับเหล่าสตาร์ทอัพ ปัจจุบัน Rishad ลูกชายของ Azim เป็นผู้ควบคุมด้านกลยุทธ์องค์กรและอยู่ในบอร์ดกรรมการของบริษัท โดย Wipro เพิ่งจะคว้าสัญญาสำคัญระยะยาว 10 ปีมูลค่า 1.6 พันล้านเหรียญจากบริษัท Alight Solutions of Illinois ได้สำเร็จเมื่อเดือนกันยายน 2018

อันดับ 3 Lakshmi Mittal

มูลค่าทรัพย์สิน: 1.83 หมื่นล้านเหรียญ แหล่งความมั่งคั่ง: อุตสาหกรรมเหล็ก อายุ: 68 ปี Lakshmi Mittal เป็นประธานกรรมการและซีอีโอของ ArcelorMittal บริษัทผู้ผลิตเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในโลก Lakshmi แยกตัวจากพี่น้องของเขาเพื่อเปิดบริษัท Mittal Steel จากนั้นจึงควบรวมกิจการกับบริษัท Arcelor จากฝรั่งเศสเมื่อปี 2006 จากสถานการณ์ราคาเหล็กที่ดีขึ้น บริษัทรายงานการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิที่ 4.6 พันล้านเหรียญในปี 2017 จากรายได้ทั้งหมด 6.87 หมื่นล้านเหรียญ  บริษัทร่วมกับ Marcegaglia บริษัทเหล็กจากอิตาลี เข้าซื้อกิจการบริษัทเหล็ก Ilva ในอิตาลีเมื่อเดือนมิถุนายน 2017 ด้วยเม็ดเงิน 2.1 พันล้านเหรียญ นอกจากนี้ ArcelorMittal ยังอยู่ระหว่างแข่งขันประมูลซื้อบริษัท Essar Steel กับอีกหนึ่งบิ๊กวงการเหล็ก Sajjan Jindal  

อันดับ 4 Hinduja Brothers

มูลค่าทรัพย์สิน: 1.8 หมื่นล้านเหรียญ แหล่งความมั่งคั่ง: หลากหลายอุตสาหกรรม
Gopichand Hinduja (ซ้าย) และ Srichand Hinduja (ขวา) สองในสี่พี่น้องแห่งตระกูล
สี่พี่น้อง Srichand, Gopichand, Prakash และ Ashok เป็นผู้ควบคุมกิจการข้ามชาติ Hinduja Group ซึ่งทำธุรกิจหลากหลายตั้งแต่รถบรรทุก ธนาคารพาณิชย์ จนถึงโทรทัศน์เคเบิล  เหล่าพี่น้อง Hinduja เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์มูลค่าสูงใน London อย่างเช่น Carlton House Terrace แหล่งพำนักของพวกเขา รวมไปถึงสถานที่ทางประวัติศาสตร์อย่าง Old War Office ใน Whitehall ทั้งนี้ Srichand และ Gopichand อาศัยอยู่ใน London ส่วน Prakash อาศัยอยู่ใน Geneva ขณะที่น้องเล็กสุด Ashok ดูแลผลประโยชน์ของครอบครัวอยู่ใน Mumbai  

อันดับ 5 Pallonji Mistry

มูลค่าทรัพย์สิน: 1.57 หมื่นล้านเหรียญ แหล่งความมั่งคั่ง: ก่อสร้าง อายุ: 89 ปี
(PHOTO CREDIT: joe.ie)
Pallonji Mistry ดูแลกิจการ Shapoorji Pallonji Group (S.P.) บริษัทยักษ์ใหญ่อายุ 153 ปีด้านวิศวกรรมก่อสร้างใน Mumbai และมีทรัพย์สินเป็นหุ้นส่วน 18.4% ในบริษัท Tata Sons ปัจจุบัน S.P. Group บริหารโดย Shapoor ลูกชายคนโตของ Mistry ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการเครื่องกรองน้ำ Eureka Forbes ด้วย ส่วนลูกชายคนเล็ก Cyrus ยังคงอยู่ระหว่างศึกบนชั้นศาลกับ Tata Group หลังจากที่เขาถูกขับออกจากตำแหน่งประธานกรรมการของ Tata Sons อย่างกะทันหันในเดือนตุลาคม 2016  

อันดับ 6 Shiv Nadar

มูลค่าทรัพย์สิน: 1.46 หมื่นล้านเหรียญ แหล่งความมั่งคั่ง: บริการซอฟต์แวร์ อายุ: 73 ปี
(PHOTO CREDIT: deccanchronicle.com)
ผู้ร่วมก่อตั้งกิจการไอที Shiv Nadar เขาเริ่มต้นบริษัท HCL จากโรงจอดรถในปี 1976 เพื่อผลิตเครื่องคิดเลขและไมโครโปรเซสเซอร์ จนถึงปัจจุบันนี้ เขาคือประธานกรรมการของ HCL Technologies ซึ่งทำรายได้ไป 8 พันล้านเหรียญ นับเป็นบริษัทซอฟต์แวร์อันดับ 4 ของอินเดีย เพื่อชดเชยบริการด้านไอทีที่เริ่มชะลอตัว HCL จึงลงทุนเม็ดเงิน 780 ล้านเหรียญในทรัพย์สินทางปัญญาโดยร่วมกับ IBM ทั้งนี้ HCL ซึ่งมีพนักงานถึง 1.24 แสนคนทั่วโลก มีแนวทางบริหารบุคลากรโดยยินดีจ้างงานเด็กนักเรียนที่เพิ่งจบชั้นมัธยมปลายและฝึกงานจริงให้ด้วย นอกจากนี้ Nadar ยังนับเป็นเศรษฐีผู้ใจบุญของอินเดีย เขาบริจาคเงิน 662 ล้านเหรียญให้กับมูลนิธิ Shiv Nadar ซึ่งเน้นพัฒนาด้านการศึกษา  

อันดับ 7 Godrej family

มูลค่าทรัพย์สิน: 1.4 หมื่นล้านเหรียญ แหล่งความมั่งคั่ง: สินค้าอุปโภคบริโภค
(Adi Godrej ผู้นำตระกูลตั้งแต่ปี 2000 (PHOTO CREDIT: moneycontrol.com)
ครอบครัว Godrej บริหารกิจการ Godrej Group บริษัทด้านสินค้าอุปโภคบริโภคอายุ 121 ปีที่ทำรายได้ไป 4.5 พันล้านเหรียญ เครือบริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1897 โดย Ardeshir Godrej ทนายความผู้หันเหเส้นทางอาชีพมาทำธุรกิจ ปัจจุบัน Adi Godrej เป็นหัวหน้าครอบครัวและเป็นประธานกรรมการของเครือ เขาจบการศึกษาจาก MIT และนั่งตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2000 โดยบริษัทหลักในเครือได้แก่ Godrej Consumer Products ซึ่ง Nisaba ลูกสาวของเขาดูแลอยู่ และบริษัท Godrej Properties ซึ่งมี Pirojsha ลูกชายเป็นผู้บริหาร ทั้งนี้ ครอบครัว Godrej เป็นเจ้าของที่ดินขนาดใหญ่ย่านชานเมือง Mumbai ซึ่งนับเป็นทรัพย์สินชิ้นสำคัญของตระกูล  

อันดับ 8 Dilip Shanghvi

มูลค่าทรัพย์สิน: 1.26 หมื่นล้านเหรียญ แหล่งความมั่งคั่ง: เภสัชกรรม อายุ: 63 ปี
(PHOTO CREDIT: forbes.com)
ลูกชายของผู้จัดจำหน่ายยา Dilip Shanghvi ขอยืมเงิน 200 เหรียญจากบิดามาเพื่อก่อตั้งบริษัท Sun Pharma ในปี 1983 เพื่อผลิตยารักษาโรคจิตเวช ปัจจุบันบริษัทกลายเป็นบริษัทยาที่ทำเงินสูงสุดของอินเดียจากรายได้เปิดเผยเมื่อเดือนมีนาคม 2017 ที่ 4.7 พันล้านเหรียญ Shanghvi ขยายอาณาจักรบริษัท Sun จากการควบรวมกิจการอย่างต่อเนื่อง โดยดีลที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในปี 2014 เมื่อ Sun ซื้อกิจการคู่แข่งอย่าง Ranbaxy Laboratories ด้วยเม็ดเงิน 4 พันล้านเหรียญ ทั้งนี้ ความมั่งคั่งของเขาลดลงจากมูลค่าหุ้นของ Sun ที่ตกลง เนื่องจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาเข้าตรวจสอบไลน์ผลิตในโรงงานขนาดใหญ่หลายแห่งของ Sun  

อันดับ 9 Kumar Birla

มูลค่าทรัพย์สิน: 1.25 หมื่นล้านเหรียญ แหล่งความมั่งคั่ง: สินค้าโภคภัณฑ์ อายุ: 51 ปี
(PHOTO CREDIT: forbesindia.com)
ราชาสินค้าโภคภัณฑ์ Kumar Birla เป็นทายาทธุรกิจรุ่นที่ 4 ผู้บริหาร Aditya Birla Group ซึ่งทำรายได้ไป 4.43 หมื่นล้านเหรียญ เครือบริษัทนี้สนใจสินค้าหลากประเภทตั้งแต่ซีเมนต์ อะลูมิเนียม โทรคมนาคม จนถึงบริการทางการเงิน Birla เข้าสืบสานอาณาจักรธุรกิจของครอบครัวตั้งแต่อายุ 28 ปี เมื่อคุณพ่อของเขาเสียชีวิตไปเมื่อปี 1995 ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเครือเกิดขึ้นในปี 2018 เมื่อบริษัทอะลูมิเนียม Novelis ของเขาตกลงเข้าควบรวมกิจการ Aleris ผู้ผลิตอะลูมิเนียมในรัฐ Ohio ด้วยงบลงทุน 2.6 พันล้านเหรียญ และปีเดียวกันในเดือนสิงหาคม Birla ควบรวมกิจการ Idea Cellular ของเขาเข้ากับ Vodafone India กลายเป็นบริษัทโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดของอินเดียภายใต้ชื่อ Vodafone Idea  

อันดับ 10 Gautam Adani

มูลค่าทรัพย์สิน: 1.19 หมื่นล้านเหรียญ แหล่งความมั่งคั่ง: สินค้าโภคภัณฑ์และท่าเรือ อายุ: 56 ปี
(PHOTO CREDIT: Financial Times)
เศรษฐี Gautam Adani เป็นผู้บริหาร Mundra Port ท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในรัฐ Gujarat บ้านเกิดของเขา รายได้ 1.2 พันล้านเหรียญของ Adani Group มาจากหลายธุรกิจ เช่น พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์ Adani ยังเป็นเจ้าของ Abbott Point โครงการเหมืองถ่านหินที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์สูงในออสเตรเลียด้วย โดย Karan ลูกชายของเขาเป็นผู้บริหารทรัพย์สินที่มีสัดส่วนในความมั่งคั่งของครอบครัวสูงสุดคือ Adani Ports & SEZ ทั้งนี้ เดือนธันวาคมปีก่อน Adani เพิ่งซื้อกิจการด้านพลังงานใน Mumbai มาจาก Anil Ambani ด้วยเม็ดเงินปิดดีลที่ 2 พันล้านเหรียญ     แปลและเรียบเรียงจาก www.forbes.com