ไขปริศนาความชรา ย้อนวัยด้วยไบโอเทคโนโลยี - Forbes Thailand

ไขปริศนาความชรา ย้อนวัยด้วยไบโอเทคโนโลยี

Ned David กำลังง่วนกับบริษัทสตาร์ทอัพลำดับที่ 5 ที่เขามีแผนจะให้เป็นธุรกิจด้านไบโอเทคโนโลยีที่ ประสบความสำเร็จ โปรเจกต์ล่าสุดของเขาคือบริษัทกำจัดริ้วรอย

Nathaniel “Ned” David นั่งอยู่ที่โต๊ะประชุม ที่ South San Francisco เขาสวมกางเกงยีนส์ เสื้อยืดสีดำ และรองเท้าแตะ ขณะกำลังหารือเกี่ยวกับบริษัทสตาร์ทอัพล่าสุดของเขา ด้วยท่วงท่าและน้ำเสียงคล้ายคลึง Keanu Reeves อยู่ไม่น้อย ไอเดียเบื้องหลัง Unity Biotechnology ซึ่งได้แก่การปกป้องริ้วรอย อาจฟังดูเป็นไปไม่ได้ แต่มีรายงานทาง วิทยาศาสตร์มากมายสนับสนุน สองฉบับหลักๆ จากวารสาร Nature ที่บอกว่ามีเซลล์ที่เรียกว่า เซลล์แก่ (Senescent cells) สะสมขึ้นในร่างกายและเป็นสาเหตุของสิ่งที่มากับวัยชรา อาทิ อาการปวดข้อ สายตา ถดถอยหรืออาจแม้กระทั่งโรคอัลไซเมอร์ David ให้เหตุผลว่า ถ้ามียาที่สามารถฆ่าเซลล์เหล่านี้ คนเราก็อาจแก่ตัวโดยไม่ต้องเผชิญความอ่อนแอได้ “มันจะดีแค่ไหน” David ผู้ที่ดูอ่อนกว่าวัย 50 อย่างน่าอัศจรรย์ กล่าว “ปัญหาคือเราต้องเริ่มจากก้าวเล็กๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่ามันเป็นไปได้ นั่นคือปฐมบทของเรา แสดงให้เห็นว่าการกำจัดเซลล์แก่ในมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้กระทั่งปัจจุบัน จะช่วยยุติหรือแก้ไขความชราได้” Keith Leonard กรรมการผู้จัดการและประธาน Unity วัย 56 ปี บอกว่า “การไปคุยกับองค์การอาหารและยาเรื่องการรักษาโรคที่ได้รับการวินิจฉัยแล้ว ง่ายกว่าการหาทางป้องกัน โรคตั้งแต่แรกๆ “แต่เราอยากพุ่งเป้าที่การป้องกัน” มันเป็นเป้าหมายที่วิเศษ มีวิทยาศาสตร์รองรับ ยังไม่นับเงินร่วมลงทุน 222 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และอีก 85 ล้านเหรียญที่ได้จากการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน (IPO) เมื่อเดือนพฤษภาคม ซึ่งประเมินค่าบริษัท Unity ที่ 700 ล้านเหรียญ เท่ากับการระดมทุนครั้งก่อน แต่การไปสู่เป้าหมายนั้นมาพร้อมกับเพิ่งเริ่มต้นการทดลอง ในคนโอกาสที่ยาจะได้รับการผลิตออกสู่ตลาดมีเพียงร้อยละ 10 ตั้งแต่ David เข้าเป็นนักศึกษาปริญญาเอก ที่ Berkeley เส้นทางอาชีพของเขาได้พลิกผันกลายเป็นการเตรียมการสู่ความสำเร็จด้านไบโอเทคโนโลยี เขาจับเอาไอเดียห้องทดลองของมหาวิทยาลัยมาเปลี่ยนให้เป็นธุรกิจ ผลกำไรจากการลงทุนและอาจจะยาด้วย ห้าบริษัทของเดวิดสามารถระดมทุนได้ 1.5 พันล้านเหรียญ และทำเงินให้นักลงทุนแล้วเกือบ 2 พันล้านเหรียญ โดยที่บริษัทยังไม่ได้เริ่มทำกำไรด้วยซ้ำ “ในโลกนี้อาจจะไม่มีใครเก่งกว่าเขาอีกแล้วในการจับเอาวิทยาศาสตร์เพื่อการค้นคว้า ทางวิชาการ มาสร้างเป็นเรื่องและแผนธุรกิจที่ขายได้” Kristina Burow กรรมการผู้จัดการ Arch Venture Partners กล่าว เธอรู้จักDavid ตั้งแต่เขาเป็นนักศึกษา ปริญญาโท และร่วมลงทุนกับบริษัทสตาร์ทอัพของเขา 4 แห่งสิ่งที่ถือว่าเป็นเส้นชัยทางด้านไบโอเทคโนโลยี ซึ่งคือยาที่ผ่านการอนุมัตินั้น David ก็เคยไปถึงมาแล้วถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกคือยารักษาโรคเบาหวานจาก บริษัทสตาร์ทอัพแห่งแรกของเขา และอีกครั้งเมื่อได้ Leonard มาเป็นซีอีโอ บริษัท Kythera ธุรกิจก่อนหน้า ของเขาทั้งคู่ ซึ่งพัฒนายากำจัดคางสองชั้นชื่อว่า Kybella ถูกขายให้กับ Allergan ในราคา 2.1 พันล้าน เหรียญ ทั้ง David และ Leonard ฉีดยาที่ว่านี้ และนั่นอาจช่วยให้พวกเขาดูเด็กลง แต่เขาจะต่อสู้กับความ เสื่อมโทรมของวัยชรา (Wear and Tear) ได้โดยวิถีทางตามหลักการพื้นฐานหรือไม่ David จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านชีววิทยาจาก Harvard และปริญญาเอก ด้านอณูชีววิทยาและชีววิทยาของเซลล์จาก UC Berkeley เขายังจำได้ว่าช่วงนั้น เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิต” เขาคร่ำเคร่งทั้งกับการเรียนและการเล่นไตรกีฬาปีสุดท้ายในระดับปริญญาโทก่อนจะอายุได้ 31 เขาเปิดบริษัทของตัวเองแห่งแรกชื่อว่า Syrrx วางเป้าในการพัฒนายาด้านชีววิทยาขั้นสูงบริษัทระดมเงินจากนักธุรกิจร่วมลงทุนได้ 79 ล้านเหรียญ และถูกขายให้กับ Tekeda เป็นเงิน 270 ล้านเหรียญ ในปี 2005 David น่าจะทำเงินได้ราวๆ สองสามล้านเหรียญ ยา Nesina หนึ่งในยาที่ พัฒนาโดย Syrrx ได้รับการอนุมัติเป็นยารักษาโรคเบาหวาน ในสหรัฐฯ ในปี 2013 หลังจาก Syrrx เขามีโครงการใหม่นั่นคือบริหารบริษัท 2 แห่งในคราวเดียวกันในฐานะ Enterpreneur- in- residence ที่ Versant Ventures ธุรกิจร่วมลงทุนใน San Francisco บริษัทแรกคือ Achaogen ก่อตั้งเมื่อปี 2002 ดำเนินธุรกิจยาปฏิชีวนะ และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2014 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการ ทดลองยาซึ่งอยู่ในขั้นทดสอบช่วงท้ายๆ บริษัทที่ 2 คือ Kythera ซึ่งผลิตยาสลายไขมันที่คาง ความตั้งใจก็คือนำมุมมองทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ในอุตสาหกรรมความงามอย่างเคร่งครัด Kythera กลายเป็นจุดผกผันชีวิตเพราะทำให้เขาพบกับ Leonard หุ้นส่วนธุรกิจที่จะได้ร่วมงานกันในระยะยาว ซึ่งได้กลายมาเป็นประธานและกรรมการผู้จัดการของบริษัทในปี 2005 Cami Samuels ผู้ร่วมลงทุน ในธุรกิจไบโอเทคโนโลยีก่อนจะมาลงทุนที่ Versant เป็นผู้แนะนำพวกเขาให้รู้จักกัน
ด้วยความสูงเกือบ 2 เมตร Keith Leonard ผู้บริหารใหญ่เเห่ง Unity Biotechnology ยืนตระหง่านอยู่หน้ากระดานดำที่เต็มไปด้วยสูตรเคมีเเละไอเดียมากมายจากทีมนักวิทยาศาสตร์ของเขา ที่สำนักงานใหญ่ทางเหนือของ California
David กล่าวว่า Leonard เป็นคนคิดว่าเขาควรจะนำไอเดียดีๆ ไปใช้ยังไง “มีบ่อยครั้งในชีวิตที่ผมถูกตัดสินในสิ่งที่ผมไม่ถนัด” David บอก กับ Leonard “ผมได้เป็นตัวของตัวเอง” และเสริมว่า “ช่วงเวลาในชีวิตการทำงานที่ดีที่สุดของผมคือได้ทำงานกับ Keith” ที่ Kythera David ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะทำประตู ยา 3 ตัวล้มเหลวรวมถึงโครงการที่มีสำนักข่าวกรองสหรัฐฯ (CIA) ร่วมออกทุนค้นคว้าในการคิดค้นสสารที่จะใช้ในการเปลี่ยนรูปหน้าคน หรืออาจทำให้คนๆ นั้นมีใบหน้าเหมือนใครอีกคน ขณะที่บริษัทหันมาโฟกัสที่เฉพาะ Kybella ยากำจัดไขมันที่คาง David เองก็หันไปสนใจสิ่งอื่น ๆ ในปี 2009 เขาช่วยหาคนมารับตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ที่ตัวเขาเองลาออกเพื่อไปทำงานเต็มเวลาให้กับ Arch ในฐานะหุ้นส่วนร่วมลงทุน ที่นั่นไอเดียอันล้นเหลือของเขาเข้ากันได้ดีกับนิสัยแบบคิดใหญ่ทำใหญ่ไม่งั้นก็เก็บกระเป๋ากลับบ้านของ Robert Nelsen ผู้ที่ติดอันดับ นักธุรกิจร่วมลงทุนอันดับที่ 5 บน Midas List ของ Forbes แล้วในปี 2011 David ได้ไอเดียสำหรับ Unity จากอีเมลเกี่ยวกับงานวิจัยจากวารสาร Nature ที่มีผู้ส่ง ถึงเขาพร้อมๆ กันหลายคน งานวิจัยมาจากห้องทดลองของ Mayo Clinic โดย Jan M. van Deursen เขาทำการดัดแปรพันธุกรรมในหนูเพื่อให้เซลล์แก่หลายชนิดตายลง ผลที่ได้จากการทดลองดังกล่าวตลอด จนการทดลองอื่นๆ น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยพบว่าหนูที่มีการสะสมของเซลล์แก่จะอ่อนแอลง มีอาการตัวสั่น ไตทำงานผิดปกติ ตาเป็นต้อ และกระดูกสันหลังคดงอ ขณะที่หนูที่ไม่มีเซลล์แก่มีสุขภาพแข็งแรงตลอดชีวิตแม้ว่าพวกมันจะไม่ได้มีอายุยืนกว่า หนูทุกตัวตายเมื่ออายุได้ 3 ปี แต่ตัวที่มีเซลล์แก่น้อยกว่าจะมีสุขภาพ ดีกว่าจนสิ้นสุด Van Deursen แนะนำให้ David รู้จักกับ Judith Campisi จาก Buck Institute ใน San Francisco ผู้ที่มีส่วนช่วยในการจัดตั้งสาขาการศึกษาเรื่องเซลล์แก่ ก่อนหน้านี้เธอทำงานด้านมะเร็งแต่หันเหความสนใจไป ในเรื่องบทบาทของเซลล์ที่มีต่อการชราภาพเพราะเป็นหัวข้อที่ทำให้เธอได้รับทุนวิจัยวิทยาศาสตร์ในช่วง ทศวรรษ 1990 แม้จะกังขาในช่วงแรก แต่ต่อมาเธอได้พบว่าเซลล์แก่ ทำหน้าที่ผลิตสารเคมีที่อาจเป็นสาเหตุของการชราภาพ Arch ก่อตั้ง Unity ในปี 2011 โดยมี Van Deursen และ Campisi เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทไม่มีสำนักงานของตัวเองอยู่นาน 5 ปี งานทั้งหมดอยู่ที่ห้องทดลองของนักวิทยาศาสตร์ สำหรับนักวิทยาศาสตร์พื้นฐาน เรามักจะฝันว่างานวิจัยพื้นฐานของเราจะเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อย แต่ความเป็นจริง ความฝันนั้นยากจะเกิดขึ้นถ้าไม่มีบริษัท” Campiri กล่าว “Ned เป็นคนฉลาด เขามีเสน่ห์และสามารถโน้มน้าวคุณให้เชื่ออะไรต่ออะไร เขาเลย โน้มน้าวให้ฉันไปร่วมงานกับเขา” เมื่อ Allergan ซื้อ Kythera ในปี 2015 นั้น David ซึ่งขายหุ้นไปแล้วหลายพันหุ้น ทำเงินได้อีก 30 ล้าน เหรียญ Leonard 50 ล้านเหรียญ และ Arch 120 ล้านเหรียญ David เผยว่าเขาโทรศัพท์หา Leonard ตลอดเพื่อขอคำแนะนำเมื่อ Kythera ถูกขายไปแล้ว พวกเขาก็สามารถกลับไปร่วมงานกันอีกที่บริษัทเดิม ในปี 2016 Leonard รับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการและประธาน Unity (David กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “เป็นความโล่ง ใจ”) และในเวลาไม่นานสามารถระดมทุนได้ 151 ล้านเหรียญจากนักลงทุน ซึ่งรวมถึง Arch และ Wuxi PharmaTech บริษัทวิจัยยายักษ์ใหญ่จากจีน ซึ่งรับงานค้นคว้าจากบริษัทต่างๆ Unity ระดมทุนได้อีก 60 ล้านเหรียญ ก่อนเปิดขายหุ้น IPO ผู้บริหารของ Unity ระบุว่านักลงทุนทั่วไปอยากร่วมทุนมาก กระนั้นหุ้นของ Unity ก็ปรับตัวลดลงถึงร้อยละ 20 ตั้งแต่เข้าซื้อขายบนกระดานดัชนี Nasdaq มีเหตุผลพอที่จะทำให้เกิดความลังเลสงสัย ไม่ว่าศาสตร์ของ Unity จะเจ๋งแค่ไหน นักลงทุนเคยถูกธุรกิจด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยหลอกลวงมาแล้ว ในปี 2007 สร้างกระแสเกี่ยวกับสารประกอบในไวน์แดงที่ช่วยชะลอวัย GlaxoSmithKline ซื้อ Sirtris เป็นเงิน 720 ล้าน เหรียญในปี 2008 แต่บริษัทไม่เคยค้นคว้ายาได้สำเร็จและปิดตัวลงในปี 2013จากนั้น เมื่อ 2 ปีก่อน Samumed ธุรกิจด้านการชะลอวัยจาก San Diego สามารถระดมทุนได้ 320 ล้านเหรียญ จากการประเมินมูลค่าบริษัทสูงถึง 1.2 หมื่นล้านเหรียญ ขึ้นเป็นปก Forbes มาแล้ว ยาต้านความชรา ยังไม่สามารถเติมเต็มความหวังผู้คนได้ Unity ซึ่งได้รับการประเมินมูลค่าเท่ากับ 1 ใน 20 ของราคาของ Samumed ถ้าเทียบกันแล้วนับว่าถูกมาก ผู้บริหารต่างก็ร่วมเสี่ยงดวงด้วย David มีหุ้นส่วนมูลค่า 50 ล้านเหรียญ ส่วน Leonard มี 30 ล้านเหรียญ Unity จำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่า ยามีผลกับมนุษย์อย่างเห็นได้ชัด ความพยายามครั้งแรกคือตัวยารักษาโรคข้ออักเสบ UBX0101 ขณะนี้ยังไม่รู้แน่ว่าการฆ่าเซลล์แก่จะทำให้เกิดความเสี่ยงอะไรบ้าง แต่เป็นไปได้ว่าหนึ่งในนั้นอาจเป็นการที่ แผลใช้เวลานานขึ้นในการรักษาตัวเอง และจะยังไม่มีคำตอบแน่ชัดจนกว่าการทดลองกับคนจะเริ่มขึ้นกา รพัฒนายาเป็นเรื่องโหดร้าย แต่นั่นก็ไม่ได้หยุด David จากการคิดให้ใหญ่กว่าเก่า ขณะที่ Leonard จดจ่อกับการสร้างบริษัท David ใช้เวลาพบปะกับทีมงาน 5 คนในสำนักงานที่ไม่มีโต๊ะ แต่มีจักรยานเสือภูเขาแขวนอยู่ข้างหน้าต่าง พูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับเทคโนโลยีอื่นๆ ที่อาจช่วยให้การ ชราภาพ เจ็บปวดน้อยลง “มีอะไรมากมายที่จะทำให้ผมไม่ว่างไปอีก 10 ปี” เขาบอก   เรื่อง: Mathew Heper เรียบเรียง: เอมวลี อัศวเปรม ภาพ TIMOTHY ARCHIBALD FOR FORBES