<h2>หากมองที่การแข่งขันทางธุรกิจแล้ว พบว่า การเป็น Big Fish หรือ “ปลาใหญ่” มีข้อได้เปรียบมากมาย แต่ข้อเสียเปรียบอย่างเดียวที่มีอยู่ คือ การเป็น “ปลาใหญ่” อาจจะเคลื่อนตัวหรือปรับตัวได้ช้ากว่าปลาเล็กที่ว่ายน้ำได้เร็ว โดยเฉพาะในยุคที่เรื่องของความเร็วหรือสปีดในการทำธุรกิจกลายเป็นอีกหนึ่งหัวใจของความสำเร็จ</h2>
แต่หาก <strong>“ปลาใหญ่”</strong> หรือองค์กรใหญ่นั้นๆ สามารถปรับตัวได้เร็วกว่า โอกาสของความสำเร็จทางธุรกิจจึงไม่ใช่เรื่องที่เสียเปรียบอีกต่อไป เช่นเดียวกับวิสัยทัศน์ของ <strong>อัญรัตน์ พรประกฤต</strong> ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) แม่ทัพของ Jubilee แบรนด์เครื่องประดับเพชร ที่ปรับกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว จนประสบความสำเร็จในด้านยอดขายตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา และจะเป็นทิศทางที่จะมุ่งต่อไป

อัญรัตน์ กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ตลาดรวมได้รับผลกระทบจากโควิด - 19 เช่นเดียวกับธุรกิจต่างๆ แต่ Jubilee สามารถก้าวข้ามความท้าทายจากวิกฤตโควิด-19 มาได้ เพราะมีการเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ ด้วยการปรับตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมปรับกลยุทธ์รับมือกับการเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น

<span style="color: #993300;">“ในช่วงของการล็อกดาวน์นั้น ทำให้ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าต่างต้องปิดให้บริการลงตามนโยบายของภาครัฐ ซึ่งส่งผลต่อสาขาของ Jubilee ที่ส่วนใหญ่อยู่ในห้างหรือในศูนย์การค้า แต่ด้วยการมองเห็นโอกาสจากการขายผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซ จึงปรับใช้ช่องทางขายดังกล่าวอย่างทันท่วงทีจนสามารถเปิดให้บริการทดแทนช่องทางการขายที่หายไปของ Jubilee ได้เป็นอย่างดี แม้จะไม่สามารถชดเชยยอดขายได้ทั้งหมด แต่ก็เป็นแรงพยุงการดำเนินงานของบริษัทไม่ให้หยุดชะงัก”</span> <strong>อัญรัตน์</strong>กล่าว

<img class="alignnone size-full wp-image-39753" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/อัญรัตน์-พรประกฤต_003.jpg" alt="" width="650" height="433" />

ทั้งนี้ Jubilee ได้พัฒนาช่องทางดิจิทัลเมื่อช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจากการใช้ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่มากขึ้น ผ่านช่องทางโซเชียล มีเดีย ซึ่งทำให้ Jubilee สามารถขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มวัยรุ่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พอเกิดสถานการณ์โควิด-19 ที่สาขาของร้าน Jubilee 95% อยู่ในห้างสรรพสินค้าต้องปิดตัวลง บริษัทจึงยกคอลเล็กชั่นของสินค้าทั้งหมดเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ และเปิดขายสินค้าได้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมด้วยระบบการชำระเงิน รูปแบบการทำโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตต่างๆ รวมทั้งบริการหลังการขาย เช่นเดียวกับการเปิดร้านปกติ ได้ภายใน 5–7 วัน เพราะได้เตรียมตัวมาอย่างดี ที่สำคัญเป็นการเพิ่มโอกาสที่มากขึ้นด้วยการเปิดขาย 24 ชั่วโมง

สำหรับปี 2563 นี้ ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ของ Jubilee เพิ่มขึ้นเป็น 1000% ขณะเดียวกันได้ขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งโดยปกติ Jubilee จะมีลูกค้าใหม่ที่เข้ามาซื้อสินค้าในช่องทางปกติ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% แต่ในช่องทางออนไลน์เป็นลูกค้ากลุ่มใหม่ถึง 80% และมีอายุตั้งแต่ 18 ปี ซึ่งบริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมการตลาดกับลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อพัฒนาให้เป็นลูกค้าประจำ ปัจจุบัน Jubilee มีฐานลูกค้าประจำราว 1.8 แสนราย โดยในปี 2654 บริษัทมีแผนการตลาดเชิงรุกในช่องทางออนไลน์อย่างต่อเนื่อง

<strong> </strong>
<p style="text-align: left;"><strong>ปี </strong><strong>2564 เตรียมแผนธุรกิจรับมือ</strong></p>
อัญรัตน์ กล่าวว่า ในปี 2563 ถือเป็นปีที่เผชิญกับวิกฤตหนักที่สุดแล้วสำหรับ Jubilee เพราะตั้งแต่ทำธุรกิจมา ไม่เคยเจอกับภาวะที่ต้องปิดร้านทุกสาขา เพราะฉะนั้นในมุมมองแม้ว่าในปี 2564 ยังต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และสถานการณ์ของโรคระบาดที่ยังมีความเสี่ยง แต่ด้วยการเตรียมองค์กรให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถผ่านสถานการณ์ต่างๆ ไปได้ด้วยดี สะท้อนจากผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 ที่เติบโตอย่างน่าพอใจ และสามารถทำกำไรได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และในปี 2564 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตที่ประมาณ 10%

“สิ่งที่ Jubilee เน้นย้ำอยู่ตลอดเวลาก็คือ ความเป็นผู้นำที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจค้าปลีกเพชรของประเทศไทย ด้วยความพร้อมในการปรับตัวและปรับกลยุทธ์ธุรกิจอย่างรวดเร็ว สะท้อนผ่านผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจแม้จะเผชิญกับภาวะวิกฤต ปัจจัยขับเคลื่อนความสำเร็จมาจากโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง สินค้ามีความหลากหลาย ประสานกับการมีนวัตกรรมสอดแทรกในสินค้าให้เกิดความคุ้มค่าและมีคุณภาพสูง มีสาขาจำนวนมากสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ และมีความพร้อมในช่องทางออนไลน์ตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าในยุคดิจิทัล รวมถึงทีมงานที่เข้มแข็งและมีความเป็นมืออาชีพ” แม่ทัพหญิงแห่ง Jubilee กล่าว

สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2563 Jubilee มีรายได้จากการขาย 520.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 106.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ปี 2563 ขณะที่มีกำไรสุทธิ 96.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 166.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ปี 2563 สำหรับผลประกอบการในงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีรายได้จากการขาย 1,137.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีกำไรสุทธิ 178.8 ล้านบาท ลดลงเพียงร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม อัญรัตน์ มองว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2563 ซึ่งแม้ว่าโดยรวมจะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว แต่ยังมีความเสี่ยงและเปราะบางสูง โดยกำลังซื้อของผู้คนบางกลุ่มยังไม่ฟื้นตัว และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เข้ามาเป็นปัจจัยลบ

<img class="alignnone size-full wp-image-39752" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/ภาพประกอบ_Jubilee_001.jpg" alt="" width="650" height="433" />

นอกจากนี้ อัญรัตน์ มองว่า มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ อย่างโครงการช้อปดีมีคืน ที่สามารถนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะเป็นปัจจัยสนับสนุนเชิงบวกต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจเพชรที่มีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะถ้าเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ เช่น ทองคำ ในช่วงที่ผ่านมามีความผันผวนสูง ขณะที่ราคาเพชรค่อนข้างนิ่ง ทำให้กลุ่มที่มีกำลังซื้อยังลงทุนซื้อเพชรอย่างต่อเนื่อง

โดยบริษัทฯ เตรียมกระตุ้นตลาดปลายปีนี้ด้วยการจัดงานอีเว้นท์ใหญ่ร่วมกับพันธมิตร เพื่อโชว์ศักยภาพของ JUBILE ในความเป็นผู้ประกอบการรายเดียวที่เข้าถึงแหล่งเจียระไนเพชรระดับโลกอย่างโปร่งใส ทั้งยังสามารถนำเข้าเพชรกะรัตที่สวยที่สุดจากแหล่งเจียระไนโดยตรง โดยเพชรที่จะนำมาจะมีความหลากหลายทั้งรูปทรง ขนาด สี และราคาพิเศษ โดยการจัดงานต่างๆ จะมีจนถึงต้นเดือนมกราคม 2564 ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการไตรมาส 4 ออกมาดีเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 และทำให้ทั้งปีติดลบไม่เกินร้อยละ 10 จากปีที่แล้ว

<span style="color: #993300;">“สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถคาดเดาได้ และเป็นความท้าทายสำคัญของภาคธุรกิจ แต่การปรับตัวและการแก้เกมธุรกิจที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา จะเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของ Jubilee ด้านธุรกิจปลีกเพชรที่มีความแข็งแกร่ง พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ไม่หยุดนิ่งที่จะปรับตัวเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคที่หลากหลายด้วยการกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านทางออนไลน์และออฟไลน์อย่างต่อเนื่อง”</span> อัญรัตน์กล่าวทิ้งท้าย

ถือเป็นอีกภาพสะท้อนของความสำเร็จที่เกิดจากการเป็น “ปลาใหญ่” ในวงการเครื่องประดับเพชรที่ว่ายน้ำได้เร็วของ Jubilee ที่สามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาสทางธุรกิจได้
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

‘อัญรัตน์ พรประกฤต’ แม่ทัพ Jubilee เดินเกมปลาใหญ่ ว่ายน้ำเร็ว

<h2>'ยูบิลลี่ ไดมอนด์' ทุ่ม10ล้าน เปิดตัวเเอพฯสุดล้ำ Jubilee iMOMENT นำเทคโนโลยี AI ใส่เครื่องประดับเพชรครั้งเเรกของโลก บันทึกความทรงจำพิเศษ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้ายุคดิจิทัล คาดกระตุ้นยอดขายรวมเติบโตทั้งปี 5-8%</h2>
<strong>อัญรัตน์ พรประกฤต</strong> ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ Jubilee เปิดเผยถึง <strong>Jubilee iMOMENT </strong>นวัตกรรมใหม่ที่ทุ่มเงินลงทุนกว่า 10 ล้านบาทว่าเป็นความมุ่งหวังจะยกระดับวงการค้าเพชรไทยสู่ระดับโลกในโอกาสที่ยูบิลลี่ ไดมอนด์ กำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 90 ในปี 2019

"เครื่องประดับเพชร ถือว่าเป็นเครื่องประดับที่มีความสำคัญในช่วงชีวิตของคนเรา โดยเฉพาะพิธีสำคัญอย่างการหมั้นเเละการเเต่งงาน “เเหวน” จึงเป็นสิ่งที่นึกถึงเป็นลำดับเเรก เราจึงอยากนำเสนอนวัตกรรมที่สามารถเก็บความทรงจำดีๆ  จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการคิดค้นนำเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) มาใช้กับเเหวนเเต่งงาน" อัญรัตน์กล่าว

โดยยูบิลลี่ เติบโตมาจากการการพัฒนาเครื่องประดับด้วยการใช้นวัตกรรมที่เเตกต่าง เช่นการใช้  Microscope Setting Techniques ช่วยให้การฝังเพชรในตัวเรือน ให้มองไม่เห็นและไม่รู้สึกถึงหนามเตย เเละการดีไซน์เครื่องประดับ 1 ชิ้นให้สามารถใช้งานได้ 5 รูปแบบด้วยการถอดเเยกส่วนประกอบ สามารถใส่ได้ทั้งวันธรรมดาเเละวันพิเศษ รวมถึงนวัตกรรมด้านช่องทางจัดจำหน่าย นวัตกรรมการบริหารองค์กร เเละนวัตกรรมการใช้ข้อมูลข่าวสาร

<strong>"ทุกวันนี้เทคโนโลยีเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกคนมีสมาร์ทโฟนติดตัว เทคโนโลยีจึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตตั้งเเต่เกิด ซึ่งสอดคล้องกับเเนวทางของยูบิลลี่ที่ต้องการให้เครื่องประดับของเราอยู่ในทุกช่วงเวลาสำคัญของลูกค้า เเละเป็นครั้งเเรกของโลกที่จะมีเทคโนโลยี AI อยู่ในเครื่องประดับเพชร " </strong>

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/14681fbce82d00dc7e46756c21b9223f.jpg" alt="" width="638" height="638" /><figcaption> อัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)</figcaption></figure>

โดยยูบิลลี่ได้ร่วมมือกับ บริษัท แอท แวนเทจ จำกัด ผู้นำในการดำเนินธุรกิจวิจัยตลาดบริการทางด้าน Big Data และ Machine Learning  ของไทย  หาเทคโนโลยีกลุ่ม AI มาช่วยพัฒนาเครื่องประดับเพชรให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้ายุคดิจิทัล

<strong>สุทธิพันธุ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา</strong> กรรมการผู้จัดการบริหารบริษัทเเอท เเวนเทจ จำกัด กล่าวว่า ความพิเศษของ Jubilee iMoment คือการที่เเหวนเเต่งงานของคุณสามารถเล่นวิดิโอเเต่งงานเเละเก็บภาพถ่ายความทรงจำต่างๆ เเม้ว่าปัจจุบันเเอพพลิเคชั่นจดจำภาพจะทำได้ง่าย เเต่ความยากของนวัตกรรมนี้ คือตัวสินค้าซึ่งเป็นเครื่องประดับที่มีมูลค่าสูง มีขนาดเล็กเเละเเวววาว เป็นโจทย์ที่ท้าทายอย่างมากที่จะใส่เทคโนโลยีเข้าไปเเต่ยังคงสัดส่วนความงามของเเหวนเเต่งงานไว้ได้

<strong>"ทำอย่างไรให้เทคโนโลยีสามารถจดจำเเหวนของเเต่ละบุคคลได้ เราจึงต้องผ่านการพัฒนาเเก้ไขมาหลากหลายวิธี จนมาถึงเทคโนโลยีที่เรียกว่า machine learning ผสมกับ Big data สอนให้ปัญญาประดิษฐ์ให้จดจำเเหวนได้" </strong>

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/0b40146e4971caf3edbfb0933940a0f5.jpg" alt="" width="638" height="638" /><figcaption> Lover’s Concerto แรงบันดาลใจการเต้นรำของเจ้าบ่าวเจ้าสาวบนฟลอร์งานแต่งงาน แหวนเจ้าสาวโดดเด่นด้วยเส้นสายอ่อนช้อยสอดประสานกันอย่างกลมกลืน พร้อมการฝังเพชรแบบ Microscope Setting Technique ส่วนแหวนเจ้าบ่าวเน้นความเรียบเท่ สมาร์ท สไตล์มัสคูลิน</figcaption></figure>

สุทธิพันธุ์ อธิบายต่อว่า <em>ในต่างประเทศมีการใช้แหวนปลดล็อกประตู ชิปจะมีขนาดประมาณ 5 มิลลิเมตร เเต่เทคโนโลยีที่จะนำมาใช้กับเครื่องประดับเเล้วจะยังคงสัดส่วนที่สวยงาม ต้องพัฒนาให้ได้ในขนาดเพียง 2 มิลลิเมตร</em> เเละไม่ใช่เเค่จดจำภาพได้อย่างเดียว เเต่ต้องเรียนรู้ได้ด้วย รวมไปถึงต้องพัฒนาให้ใช้ได้ทั้งในเเสงห้อง เเสงธรรมชาติหรือผู้สวมใส่มีสีผิวต่างกัน

"ต้องใช้งานง่ายในมือถือ โหลดง่ายไฟล์เบา ใช้ได้ในชีวิตประจำวันไม่กระทบการจัดเก็บข้อมูลอื่นๆ รวมถึงสามารถพัฒนานำไปใช้ในโปรเจ็กต์ต่อไปได้ในอนาคตอีกมากมาย นี่คือจุดเริ่มต้นเท่านั้น"

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/04761ef7f9b65bd38b97a479070557f4.jpg" alt="" width="638" height="638" /><figcaption> สุทธิพันธุ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการบริหารบริษัทเเอท เเวนเทจ จำกัด</figcaption></figure>

<strong>สำหรับแอพพลิเคชั่นนี้จะมอบให้ลูกค้าที่ซื้อเครื่องประดับทุกชิ้นที่มีเทคโนโลยี Jubilee iMOMENT สามารถนำช่วงเวลาที่ประทับใจทั้งภาพถ่าย วีดิโอ หรือข้อความที่ต้องการบันทึกเก็บไว้ได้ โดยผู้สวมใส่สามารถดูความทรงจำเหล่านั้นจากแอพฯ เพียงส่องกล้องสแกนไปที่สัญลักษณ์ยูบิลลี่หรือ Emblem บนแหวนเพชร หรือหากต้องการเพิ่มหรือเปลี่ยนไฟล์ ภาพ หรือวิดีโอ ก็สามารถอัพโหลดลงบน Jubilee iMOMENT  CARD ส่งให้ที่ร้านยูบิลลี่ ไดมอนด์ 125 สาขาทั่วประเทศ </strong>

ทั้งนี้ Jubilee iMOMENT พร้อมให้โหลดแล้วที่ Play Store สำหรับ Android Version และ App Store สำหรับ iOS Version สามารถโหลดได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้

&nbsp;

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/018c9a14fe2e32d1595f8746606268cf.jpg" alt="" />

กระตุ้นตลาดเวดดิ้ง หวังดันยอดเติบโตทั้งปี 5-8%

ซีอีโอเเห่งยูบิลลี่ เปิดเผยว่าการพัฒนา Jubilee iMOMENT ครั้งนี้ สิ่งที่ยูบิลลี่เน้นย้ำคือ การนำเทคโนโลยีมาไว้ให้อยู่ในเเหวนเเต่งงานของลูกค้า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้อง “สวย” ไม่ใช่ว่ามีเทคโนโลยีเเล้วของไม่สวยหรือมีขนาดใหญ่เกินไป

ดังนั้นจึงเป็นความท้าทายที่ทำอย่างไรให้เเหวนต้องออกมาสวยงาม ต้องได้สัดส่วนเดิม เจ้าสาวสวมใส่เเล้วต้องโดดเด่นที่สุดในงานวันนั้น จึงใช้เวลาพัฒนานานกว่าปีครึ่งกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ได้ในวันนี้ โดยตั้งเป้าสินค้าคอลเล็กชั่นใหม่จะกระตุ้นยอดขายรวมเติบโตทั้งปี 5-8%

<strong>“ต้องคิดว่าจุดสัญลักษณ์ควรไปอยู่ส่วนไหนของเเหวน เเละที่สำคัญลูกค้าต้องเปิดเเอพพลิเคชั่นเเล้วส่องเเหวนได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก สุดท้ายหลังการทำวิจัยมาเราจึงตัดสินใจนำสัญลักษณ์ของยูบิลลี่มาใส่ไว้ด้านหลังของเเหวน เพื่อทำการสเเกนข้อมูลจากมือถือเเล้วสามารถดูรูปภาพเเละวิดิโอได้เลย เป็นความงดงามเเละทันสมัย รับเทรนด์เครื่องประดับที่ลูกค้าต้องการความพิเศษเฉพาะมากขึ้น"  </strong>

สำหรับภาพรวมของตลาดเครื่องประดับเพชรของโลก แหวนหมั้นเพชร (Engagement Ring)  และแหวนแต่งงาน (Wedding Band) จะมีสัดส่วน Market Share ที่ใหญ่ในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในโซนยุโรปและอเมริกา ซึ่งจะแตกต่างเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับในแถบเอเชีย ที่แหวนหมั้นเพชรและแหวนแต่งงาน มีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับการใส่เครื่องประดับเพชรในชีวิตประจำวันหรือเพื่อการลงทุน เเต่ก็เป็นตลาดที่ใหญ่และมีโอกาสที่น่าสนใจมาก รวมถึงประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ ตลาดรวมการค้าปลีกเครื่องประดับอัญมณีของไทยซึ่งมีมูลค่ารวมราว 4 หมื่นล้านบาท

&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events