<h2>ธุรกิจพลังงานก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงชัดเจน พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนกำลังขับเคลื่อนโลก บี.กริม เพาเวอร์ เผยผลประกอบการปี 2566 เติบโตแข็งแกร่งทำกำไรกว่า 2,056 ล้านบาท เดินหน้าสู่ความยั่งยืน</h2> &nbsp; &nbsp;&nbsp;Harald Link ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยผลประกอบการปี 2566 มีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของกำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 2,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 375 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากวิกฤตค่าก๊าซ​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/gXBFLcQNxWCunKWx1Y6n.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="gXBFLcQNxWCunKWx1Y6n.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1439,1137" style="width: 720px; height: auto;" data-index="0"></figure></div> &nbsp; &nbsp;&nbsp;การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งนี้มีสาเหตุหลักมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ กำลังการผลิตจากโครงการที่เปิดดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 667 เมกะวัตต์, การฟื้นตัวของอัตรากำไรต่อหน่วยระหว่างราคาไฟฟ้าตามค่า Ft และต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติ, ปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้ลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.2% และปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติต่อหน่วยที่ลดลง 2.5% จากการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง กำลังการผลิต 4 กิกะวัตต์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในปี 2566 บี.กริม เพาเวอร์ ได้ขยายกำลังการผลิตสู่ 4 กิกะวัตต์ จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าหลายโครงการตามแผน ร่วมกับการลงทุนในตลาดที่สำคัญ ทั้งสาธารณรัฐเกาหลีและประเทศมาเลเซีย ตอกย้ำบทบาทในการร่วมพัฒนาภาคพลังงานให้กับภูมิภาค&nbsp; &nbsp;&nbsp;อีกความสำเร็จสำคัญตลอดปี 2566 คือ การเดินหน้ากลยุทธ์ "Greenleap: Global and Green“ เพื่อก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโครงการพลังงานหมุนเวียนที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกหลายโครงการ รวมไปถึงการได้มาซึ่งสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาเพิ่มเติมอีก 698 เมกะวัตต์ และมีโครงการพลังงานลมที่อยู่ระหว่างพัฒนาที่สาธารณรัฐเกาหลีกว่า 1 กิกะวัตต์ โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่สาธารณรัฐอิตาลี 250-300 เมกะวัตต์ โครงการพลังงานหมุนเวียน Feed-in Tariff (FiT) ในประเทศไทย 339.3 เมกะวัตต์​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/Xm1guYcW3bc8cGsdC2pZ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Xm1guYcW3bc8cGsdC2pZ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="2911,2250" style="width: 720px; height: auto;" data-index="1"></figure></div> &nbsp; &nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยังมีโครงการพลังงานหมุนเวียนที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในอีกหลายประเทศ เช่น สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ราชอาณาจักรกัมพูชา กรีซ ซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์การดำเนินงานในระยะยาว ที่มุ่งสร้างการลงทุนที่หลากหลาย เพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในพลังงานหมุนเวียนระดับโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บี.กริม เพาเวอร์ ยังมุ่งส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมโดยรวมของประเทศ โดยในปี 2566 สามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) รายใหม่ โดยมีการเชื่อมเข้าระบบรวม 52.1 เมกะวัตต์ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งมาจากการให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการ รวมไปถึงการจัดหาใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC) ให้กับลูกค้า และมุ่งต่อยอดไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมในระดับภูมิภาค เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โตควบคู่ความยั่งยืน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านความยั่งยืน ในปี 2566 บี.กริม เพาเวอร์ ที่ได้รับ 3 รางวัลด้านความยั่งยืน โดยได้รับคัดเลือกให้อยู่ในเรตติ้งสูงสุด “AAA” จาก SET ESG Ratings (Thailand Sustainability Investment หรือ THSI) ติดอันดับ The Sustainability Yearbook โดย S&amp;P Global ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยคะแนนสูงสุด 10% แรกของอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคไฟฟ้าทั่วโลกใน Yearbook ปี 2567 นอกจากนี้ ยังได้รับคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิก FTSE4Good Index อย่างต่อเนื่อง&nbsp; &nbsp;&nbsp;รางวัลดังกล่าวเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของบี.กริม เพาเวอร์ ในการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี มีความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งบี.กริม เพาเวอร์ ให้ความสำคัญอย่างมากในด้านการบริหารจริยธรรม โดยได้รับการรับรองในฐานะสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) อย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 สะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสและจริยธรรมที่ดี​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/z2iRnMsUGkqJk2JTmbRZ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="z2iRnMsUGkqJk2JTmbRZ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="2732,1820" style="width: 720px; height: auto;" data-index="2"></figure></div> &nbsp; &nbsp;&nbsp;สำหรับทิศทางในปี 2567 Harald กล่าวว่า บี.กริม เพาเวอร์ มุ่งขยายการลงทุนในโครงการที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ร่วมขับเคลื่อนพลังงานสะอาดในการประกาศรับซื้อไฟฟ้าของรัฐบาลรอบถัดไป ตามระเบียบว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) พร้อมเดินหน้าเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการโรงไฟฟ้าตามแผนทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี นอกจากนี้ ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) รายใหม่ เชื่อมเข้าระบบรวม 50-60 เมกะวัตต์ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า เสริมความแข็งแกร่งและตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม&nbsp; &nbsp;&nbsp;ในระยะยาว บี.กริม เพาเวอร์ ตั้งเป้าสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก ขยายพอร์ตสู่กำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ในปี 2573 และบรรลุเป้าหมายการก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon Emissions) ภายในปี 2593&nbsp; &nbsp;&nbsp;ด้านการตอบแทนแก่นักลงทุน บี.กริม เพาเวอร์ ประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.36 บาท สำหรับปี 2566 ประกอบด้วยเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท และเงินปันผลจ่ายงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท คงอัตราการจ่ายปันผลที่ 45% ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 13 มีนาคม 2567 และวันที่จ่ายปันผล คือ 10 พฤษภาคม 2567 โดยจะนำเสนอขออนุมัติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ต่อไป ​​​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/central-retail-2023-new-high-profits" alt="CRC อวดกำไรปี 66 แตะ 8,016 ล้านบาท สร้าง New High เตรียมจ่ายปันผล 0.55 บาท">CRC อวดกำไรปี 66 แตะ 8,016 ล้านบาท สร้าง New High เตรียมจ่ายปันผล 0.55 บาท</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

บี.กริม ตอกย้ำพลังงานยั่งยืน โชว์กำไรปี 66 กว่า 2 พันล้าน

Harald Link นักธุรกิจผู้อารี ผสานพันธมิตร สร้าง บี.กริม เติบโตคู่สังคม

​บริษัท บี กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในบริษัทพลังงานเอกชนชั้นนำของประเทศไทย เตรียมเสนอขาย “PERPETUAL BOND” เปิดเสนอขาย 28 มีนาคมนี้ <div class="se-component se-video-container __se__float-none" contenteditable="false" style="width: 100%;"><figure style="width: 100%; height: 56.25%; padding-bottom: 56.25%; margin: 0px;"><iframe src="https://www.youtube.com/embed/5cev8mQ9dSg" data-proportion="true" data-percentage="100%,56.25%" data-size="100%,56.25%" data-align="none" data-file-name="5cev8mQ9dSg" data-file-size="0" data-origin="100%,56.25%" style="width: 100%; height: 100%;" data-index="0"></iframe></figure></div>

พบช่องทางในการลงทุนเร็วๆ นี้กับ BGRIM perpetual bonds

<h2>บี.กริม เพาเวอร์ องค์กรด้านพลังงานที่เติบโตสูงและก้าวไกลสู่ระดับโลก นอกจากการเติบโตในแง่ธุรกิจแล้ว บริษัทพลังงานจากพื้นฐานธุรกิจยารายนี้ ยังมีความโดดเด่นเรื่องการเป็นองค์กรที่มีการพัฒนาความยั่งยืนสูงสุดในอุสาหกรรมสาธารณูปโภคไฟฟ้า ย้ำวิสัยทัศน์ “สร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี”</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-58378" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/บีกรีม-พาวเวอร์_0201.jpg" alt="" width="600" height="400" />

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายงาน “The S&amp;P Global Sustainability Yearbook 2022” และได้รับรางวัล “Industry Mover” ในฐานะบริษัทที่มีพัฒนาการด้านความยั่งยืนสูงสุดในอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคไฟฟ้า (Electric Utilities) ในปี 2564

Harald Link ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บี.กริม เพาเวอร์ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจบนรากฐานของความยั่งยืน ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทที่มุ่งสร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี (Empowering the World Compassionately) โดยยึดหลักการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี เพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคม พร้อมเติบโตเคียงคู่ไปกับประเทศไทยและภูมิภาค ผ่านการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนครอบคลุมมิติเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ภายใต้หลักบรรษัทภิบาล

The Sustainability Yearbook เป็นรายงานการจัดอันดับซึ่งสะท้อนความยั่งยืนองค์กร ตามลำดับคะแนน S&amp;P Global ESG Scores ผ่านการประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนประจำปี โดยบริษัทที่ได้รับการจัดให้อยู่ใน The Sustainability Yearbook จะต้องมีผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอยู่ในระดับต้นของกลุ่มอุตสาหกรรม (ภายใน 15% แรก) และต้องมีคะแนนห่างจากบริษัทที่ทำคะแนนได้สูงสุดในอุตสาหกรรมไม่เกิน 30% ซึ่งในปีนี้มีเพียง 716 บริษัทที่ถูกจัดให้เป็นสมาชิก Yearbook Member จากกว่า 7,500 บริษัทที่ได้รับการประเมิน

นอกจากนี้ ตลอดปี 2564 บี.กริม เพาเวอร์ ยังได้รับการยอมรับจากผู้ประเมินในด้านความยั่งยืนอื่นๆ ทั้งในระดับประเทศและระดับสากลซึ่งตอกย้ำวิสัยทัศน์ของบริษัท ได้แก่ การเป็นสมาชิก FTSE4Good Index Series และได้รับ MSCI ESG Rating ระดับ A ตลอดจนได้รับการจัดอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนประจำปี 2564 (Thailand Sustainability Investment: THSI) โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 และ ESG100 ประจำปี 2564 โดยสถาบันไทยพัฒน์

นอกจากนี้ ยังได้รับคะแนนจากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน ประจำปี 2564 (CGR 2021) จัดทำโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย ในระดับ “ดีเลิศ” (5 ดาว) ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม ตลอดจนการยึดมั่นในการกำกับดูแลกิจการที่ดี

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%8b%e0%b9%8c%e0%b8%aa%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%87-%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%a1%e0%b8%a3%e0%b8%b8%e0%b8%81.html">“เอ็กซ์สปริง” เปิดเกมรุกปี 65 ชูจุดแข็ง One-Stop Financial Solutions</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“บี.กริม เพาเวอร์” คว้ารางวัลองค์กรยั่งยืนโลก “S&P Global Sustainability Yearbook 2022”

"B.Grimm" พันธกิจศตวรรษใหม่แห่งองค์กร 143 ปี

นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมีนาคม 2564 - DR. H.C. HARALD LINK “EMPOWERING THE WORLD พันธกิจศตวรรษใหม่ B.Grimm”

บี.กริม อยู่กับสังคมไทยมายาวนานถึง 143 ปี จากจุดเริ่มต้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยตระกูล Grimm และ Mueller มาสู่บรรพบุรุษตระกูล Link ส่งผ่านสู่ทายาท สืบสานเจตนารมณ์อยู่ร่วมกับสังคมด้วยความเอื้ออารีบนแนวคิด “ทำธุรกิจเพื่อพัฒนาสังคม” บนแผ่นดินไทยตลอด 6 รัชสมัยสืบจนปัจจุบัน

พงศ์เทพ รัตนแสงสรวง นำ PROS โตพร้อมคู่ค้ำ - อาคารสำนักงานใหญ่ในซอยบนถนนนาคนิวาสดูจะคับแคบไปเสียแล้วสำหรับ บริษัท พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งทำธุรกิจบริการรับเหมาติดตั้งระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร

ภาคิน เพ็ญภาคกุล สูตรบริหารแบรนด์โลก “ดังกิ้น” - โอกาสในวิกฤตโควิด-19 ที่แปรเปลี่ยนเป็นแรงผลักดันให้โดนัทอายุ 40 ปี ขยับปรับเปลี่ยนโมเดลขยายสาขาเชิงรุก ควบคู่กับการสร้างสีสันทนาการตลาดเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ย้ำภาพแบรนด์สนุก พร้อมต่อยอดธุรกิจเฟรนช์ฟรายส์และของทอดตอบโจทย์ดีมานด์ผู้บริโภคไทย

ดร.วิกร ภูวพัชร์ ปั้น FTI จากทุนหลักแสน - วิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ทำให้คนจำนวนไม่น้อยประสบปัญหา หมดกำลังใจแต่เซลส์แมนหนุ่มวัย 28 ปีกลับคิดต่าง โดยเปิดบริษัทจัดจำหน่ายเครื่องกรองน้ำและอุปกรณ์อะไหล่ทั้งที่มีเงินทุนเพียงแสนบาท ต้องเบิกเงินสดจากบัตรเครดิตเพื่อชำระค่าสินค้า

พญ. เทพจงจิต อาวเจนพงษ์ ลูกไม้ใต้ต้น “เจตนิน” ความสุขของการให้กำเนิด - ลูกไม้มักหล่นไม่ไกลต้นฉันใด สายเลือดคุณหมอสูตินรีแพทย์เจ้าของโรงพยาบาลเจตนินก็เช่นกัน พล.ต.อ.นพ. จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ เจ้าของและผู้บริหารโรงพยาบาลเจตนินที่ให้การรักษาผู้มีบุตรยาก เขามีลูกสาวคนเดียว แต่เป็นหนึ่งเดียวที่ได้ดั่งใจ และพร้อมสานต่อกิจการครอบครัว

ภายในฉบับพบการจัดอันดับ “100 Digital Stars” คนดังโลกดิจิทัลแห่งภูมิภาคเอเชีย รายงานพิเศษ “ถอดรหัสองค์กร 100 ปี ไขกุญแจสู่ศตวรรษใหม่” และร่วมอ่านบทความและเรื่องราวธุรกิจอันหลากหลายเพื่อสร้าง “แรงบันดาลใจของผู้ใฝ่ความสำเร็จ” จาก Forbes Thailand ฉบับมีนาคม 2564

<img class="alignnone size-full wp-image-42336" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/forbes-thailand-เล่ม-มีนาคม_เนื้อหา_001.jpg" alt="" width="650" height="853" />

<img class="alignnone size-full wp-image-42337" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/forbes-thailand-เล่ม-มีนาคม_เนื้อหา_002.jpg" alt="" width="650" height="853" />

<img class="alignnone size-full wp-image-42338" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/forbes-thailand-เล่ม-มีนาคม_เนื้อหา_003.jpg" alt="" width="650" height="853" />

&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมีนาคม 2564 - DR. H.C. HARALD LINK “EMPOWERING THE WORLD พันธกิจศตวรรษใหม่ B.Grimm”

<h2>เบื้องหลังความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีทั่วโลก เกิดจากพลังงานเป็นพื้นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนทุกอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ให้สามารถเดินหน้าได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ด้วยความเพียรพยายามสร้างความมั่นคงในพลังงานทางเลือกจากเชื้อเพลิงทดแทนเพื่อความยั่งยืนในอนาคต โดยการนำของกลุ่มบริษัท บี.กริม เจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน</h2>
ภายใต้ความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมโลกร่วมกันของนานาประเทศ ได้ทำให้ทั่วโลกต่างทุ่มเทพัฒนาพลังงานทดแทนในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ พลังงานลม พลังงานคลื่น พลังงานความร้อน และเชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนพลังงานในอนาคตจากเชื้อเพลิงธรรมชาติที่สามารถลดมลพิษและรักษาสิ่งแวดล้อมได้ในระยะยาว

“บี.กริมทำธุรกิจบนแนวทางการพัฒนาสังคม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งยังมุ่งมั่นเป็นผู้พัฒนาและเริ่มต้นวิธีการใหม่ตลอด เมื่อรัฐบาลเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาในธุรกิจพลังงานประมาณ 25 ปีที่แล้ว บริษัทเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีในการรวบรวมโรงงานให้อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมและสาธารณูปโภคครบเพราะฉะนั้น บี.กริมจึงเข้ามาทำโรงไฟฟ้าเพราะโรงงานอุตสาหกรรมต้องใช้ทั้งไฟฟ้าและน้ำ ซึ่งหลังจากพลังงานหมุนเวียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น บี.กริมก็ขยายไปในส่วนนั้น” Harald Link ประธานกลุ่มบริษัท บี.กริม กล่าวถึงก้าวแรกบนเส้นทางธุรกิจพลังงาน

นับตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจในปี 2421 บี.กริม ขยายอาณาจักรด้วยความมุ่งมั่น พัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม จากการริเริ่มธุรกิจปรุงยายุโรปในประเทศไทย ถึงการขุดคลองรังสิตแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งเป็นโครงการสาธารณูปโภคที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งระบบภายในอาคารและอุตสาหกรรม สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ คมนาคม อสังหาริมทรัพย์ และเทคโนโลยีดิจิทัล โดยมีธุรกิจพลังงานนำทัพทำรายได้สูงสุดคิดเป็นสัดส่วนราว 75% ของรายได้รวม 4.47 หมื่นล้านบาทในปี 2562 และกำลังการผลิตประมาณ 3,019 เมกะวัตต์ ทั้งในไทยและต่างประเทศ เช่น กัมพูชา มาเลเซีย ลาว เวียดนาม เกาหลี ฟิลิปปินส์ โอมาน

“ในธุรกิจพลังงาน บี.กริมสามารถทำได้ครบถ้วน ตั้งแต่ขอใบอนุญาตสร้างโรงไฟฟ้าและคิดแบบของโรงไฟฟ้า สร้างและบริหารตั้งแต่ต้นจนจบ เรามีพันธมิตรที่ดีในการทำธุรกิจ เช่น Amata Corporation และ WHA Corp รวมถึงคณะกรรมการบริหารที่มีความสามารถสูง และ บี.กริมยังคิดอะไรใหม่ๆ ตลอด เช่น infrastructure fund ด้านพลังงานกองแรกในประเทศ และเป็นบริษัทแรกที่ได้รับ green bonds ซึ่งออกโดยธนาคารพัฒนาเอเชีย และรับรองโดย Climate Bonds Initiative”

<figure><img class="wp-image-32739 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/2507-รูปแทรก.jpg" alt="บี.กริม" width="567" height="800" /><figcaption> Harald Link ประธานกลุ่มบริษัท บี.กริม</figcaption></figure>

ซีอีโอฝรั่งหัวใจไทยย้ำถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจ โดยเฉพาะการลงทุนในต่างประเทศเช่น โครงการ Dau Tieng Tay Ninh โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียนที่เมือง Tay Ninh พร้อมทั้งธุรกิจสายส่ง โดยอยู่ระหว่างสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในลาว และโรงไฟฟ้าพลังน้ำในหลายประเทศ ซึ่งเตรียมเดินหน้าขยายการลงทุนอย่างรวดเร็วหลังสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ไม่ว่าจะเป็น ไทย กัมพูชา ลาว เวียดนาม ฟิลิปปินส์ เกาหลี มาเลเซีย บังกลาเทศ และโอมานด้วยเป้าหมายกำลังการผลิต 5,000 เมกะวัตต์ในปี 2565 และยอดขาย 1.5 แสนล้านบาท ฉลอง 150 ปี หรืออีก 8 ปีข้างหน้า พร้อมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างประโยชน์เพื่อสังคม

“บี.กริมสามารถบริหารจัดการได้ดีมากในสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่การติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และการวางแผนรองรับทางธุรกิจ รวมถึงการกำหนดมาตรการป้องกันหรือเฝ้าระวังพร้อมแผนดูแลสวัสดิภาพของพนักงานอย่างทั่วถึง ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือโรงพยาบาล หน่วยงานต่างๆ และผู้คนในสังคมที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 เพราะเราทำงานด้วยความเป็นมืออาชีพและรักในสิ่งที่ทำ ด้วย passion ผลักดันให้ธุรกิจก้าวต่อไปและประสบความสำเร็จโดย บี.กริมยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่สนับสนุนซึ่งกันและกัน รวมถึงแผนพัฒนาธุรกิจที่ดีในประเทศที่เข้าลงทุน ทำให้ บี.กริมเป็นบริษัทที่มีศักยภาพสามารถพัฒนาตัวเองได้เป็นอย่างดี”

สำหรับแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจพลังงานในอนาคต ยังคงนำด้วยก๊าซธรรมชาติเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเป็นหลักและการใช้พลังงานแสงอาทิตย์สำหรับที่อยู่อาศัยทั่วไป รวมถึงพลังงานลม และพลังงานน้ำตามลำดับ โดยในอนาคตอาจจะมีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็นพลังงานสะอาดเพื่อผลิตไฮโดรเจน และใช้ไฮโดรเจนเดินเครื่องก๊าซ ซึ่งไฮโดรเจนและแสงอาทิตย์ถือเป็นพลังงานสะอาดที่ไม่มีมลพิษเช่นเดียวกัน

ขณะที่การพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องยังมีความสำคัญในการสร้างการเติบโตในระยะยาว เช่น โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำแบบไฮบริด (hydro-floating solar hybrid power) ซึ่งบี.กริมร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธรพัฒนา smart grid ระบบสายส่ง และใช้ระบบดิจิทัลด้วยการลงทุน digital transformation อย่างต่อเนื่อง รวมถึงใช้หลายเทคโนโลยีร่วมกันเป็นโรงไฟฟ้าระบบไฮบริด โดยใช้ก๊าซคอมไบน์ไซเคิลกับระบบโซลาร์แสงอาทิตย์จากธรรมชาติ ทั้งโชลาร์ฟาร์มและรูฟท็อปและระบบกักเก็บไฟฟ้า (energy storage system หรือ ESS) ร่วมกันเพื่อจ่ายไฟฟ้าให้อู่ตะเภา ซึ่งเป็นแผนพัฒนาด้านพลังงานในอนาคต

สำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำแบบไฮบริดโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนจากพลังงานแสงอาทิตย์ผสมผสานกับพลังงานน้ำ ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าในช่วงกลางวันร่วมกับไฟฟ้าพลังน้ำจากเขื่อน และการนำระบบบริหารจัดการพลังงาน หรือ energy management system (EMS) บริหารจัดการพลังงานทำให้สามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง

“เทคโนโลยีต้องพัฒนาทุกวัน ในอนาคตอาจจะใช้ไฮโดรเจนประมาณ 20% ของพลังงานทั่วโลก และการใช้เชื้อเพลิงเป็นพลังงานสะอาดมากขึ้น เช่น พลังงานจากต้นไม้ จากหญ้า หรือจากผลิตผลของการเกษตร ตรงนี้เกี่ยวข้องกับผู้ผลิตว่าจะพัฒนาเทคโนโลยีดีแค่ไหน ราคาเป็นอย่างไร ผู้บริโภคพร้อมใช้หรือไม่ พลังงานลมและแสงอาทิตย์ไม่มีตลอด ต้องมีอะไรที่สามารถใช้ในเวลากลางคืน ซึ่ง บี.กริมก็มีโครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม (industrial waste to energy) เราใช้ยางเก่า เพราะยางเก่ามีเยอะมากที่สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ซึ่งโรงไฟฟ้าสร้างเสร็จแล้วและกำลังอยู่ในชั้นทดสอบ” Harald ปิดท้ายถึงแนวโน้มการเติบโตด้านพลังงานที่มีโอกาสขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและสามารถลงทุนได้ในทุกประเทศทั่วโลก

&nbsp;

<hr />

<a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/312a837b-0af3-4945-9cac-b7be029798c7/june-2020">คลิกอ่านฉบับเต็ม Special Report – 7 ผู้นำธุรกิจ 7 เทรนด์เซตเตอร์ ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="lazy alignnone wp-image-31977 lazy-loaded" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK-.jpg" sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" srcset="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK-.jpg 2400w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK--229x300.jpg 229w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK--768x1008.jpg 768w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK--780x1024.jpg 780w" alt="" width="300" height="394" data-lazy-type="image" data-lazy-src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK-.jpg" data-lazy-srcset="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK-.jpg 2400w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK--229x300.jpg 229w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK--768x1008.jpg 768w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK--780x1024.jpg 780w" data-lazy-sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" />

Harald Link บี.กริม พลังงานเปลี่ยนโลก

มร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง นายกสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย ต่อเนื่องอีก 1 สมัย โดยมีวาระ 4 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2563-2567 ในการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2563 ของสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย โดยมี นายพงษ์เทพ เจียรวนนท์, นางนันทินี แทนเนอร์, พล.อ. ม.ร.ว.กฤษต กฤดากร, พล.ต.เกียรติคุณ สุทธิรักษ์, พ.อ.วิทัย ลายถมยา อุปนายกสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย และนายนารา เกตุสิงห์ เลขาธิการสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย ร่วมแสดงความยินดี ณ ห้องประชุม อาคาร ดร.เกฮาร์ด ลิงค์ บริษัท บี. กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ถ.กรุงเทพกรีฑา เมื่อเร็วๆนี้

การดำรงตำแหน่งของ มร.ฮาราลด์ ลิงค์ สร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย ในการกำจัดโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า เพื่อคืนสถานภาพปลอดโรคจากองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศของประเทศไทย เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความรู้ และความเข้าใจต่อสถานการณ์ของโรคระบาดนี้เป็นอย่างดี โดยสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย พร้อมให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามข้อแนะนำของกรมปศุสัตว์อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ มร.ฮาราลด์ ลิงค์ ยังมุ่งมั่นสานต่อภารกิจ ส่งเสริมและพัฒนากีฬาขี่ม้าของประเทศไทย ให้ก้าวไกลสู่ระดับสากลในอนาคต

ฮาราลด์ ลิงค์ ได้รับเลือก นายกสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย 4 ปีซ้อน

ทรัพย์สินมหาเศรษฐี "พลังงาน" ของไทยเพิ่มขึ้น แม้เศรษฐกิจโลกซบเซา

Masii.com ฝันใหญ่บนเส้นทางดิจิทัลของกลุ่ม บี.กริม

HARALD LINK ถอดรหัสอาณาจักรบี.กริม สูตรบริหารองค์กรร้อยปี

สัมภาษณ์พิเศษ Harald Link สุภาพบุรุษเยอรมันสัญชาติไทย

กลุ่มบริษัท บี.กริม ร่วมกับ พราว เรียล เอสเตท  และอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท จัดการแข่งขันขี่ม้าโปโลบนชายหาด รายการ “อินเตอร์คอนติเนนตัล - บี.กริม เอเชียน บีช โปโล แชมเปี้ยนชิพ 2017” ครั้งที่ 8 (InterContinental - B.Grimm Asian Beach Polo Championship 2017) ชิงถ้วยประทานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ในวันเสาร์ที่ 1 เมษายน 2560 ณ ชายหาดบริเวณด้านหน้าโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท ประจวบคีรีขันธ์ โดยรายได้จะมอบให้มูลนิธิ ณภาฯ ในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา

สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาการจัดแข่งขันฯ เผยว่า “เอเชียน บีช โปโล แชมเปี้ยนชิพ เป็นรายการแข่งขันขี่ม้าโปโลบนชายหาดที่ยิ่งใหญ่สุดและรายการเดียวในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ 8”

นอกเหนือจากเป็นการส่งเสริมวงการกีฬาของเมืองไทยให้เป็นที่การยอมรับในวงการกีฬาระดับโลก ยังเป็นการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์และส่งเสริมท่องเที่ยวของเมืองหัวหินและประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวและผู้ชมการแข่งขัน และอีกหนึ่งวัตถุประสงค์หลักของการจัดงานคือการกุศล โดยภายในงาน จะมีการประมูลและการบริจาครายได้จากการเข้างานสมทบทุนเข้ามูลนิธิณภาฯ ในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ด้อยโอกาสโดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีคุมขัง สามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข” สุวัจน์ ลิปตพัลลภ กล่าวเพิ่มเติม

<figure><img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/8bb14a4497777df3172bcea46fdf9005.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน กลุ่มบริษัท บี.กริม และนายกสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย</figcaption></figure>

ด้าน ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน กลุ่มบริษัท บี.กริม และนายกสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย ผู้ริเริ่มและเล่นกีฬาขี่ม้าโปโลชายหาดคนแรกของไทย ในฐานะประธานจัดการแข่งขัน กล่าวว่า “เอเชียน บีช โปโล ถือเป็นอีกหนึ่งการแข่งขันที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันแข่งขันขี่ม้าโปโลระดับนานาชาติ ความท้าทายที่เป็นเสน่ห์เฉพาะของการแข่งขันกีฬาขี่ม้าบีช โปโล คือ ต้องมีคำนวนและดูเวลาน้ำขึ้น-น้ำลง ในแต่ละปี เพื่อใช้พื้นที่บริเวณหาดทรายหลังจากที่น้ำทะเลลดลงจนได้ระดับที่เหมาะสมในการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนใช้ลูกโปโลยางคล้ายลูกฟุตบอลขนาดเล็ก แทนลูกโปโลปกติ แต่ยังคงใช้กติกาการแข่งขันตามมาตรฐานสากล”

ซึ่งในการสถานที่จัดงานและสิ่งอำนวยความสะดวกในปีนี้ พราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด และโรงแรมอินเตอร์ คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท กล่าวว่า “โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท มีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดงานการแข่งขันบีชโปโลบนชายหาดหัวหินอย่างต่อเนื่อง ทั้งขนาดของพื้นที่ชายหาดที่กว้างขวางที่เหมาะในการเป็นสนามการแข่งขัน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ”

สำหรับหน่วยงานทางภาครัฐที่ร่วมส่งเสริมการแข่งขันฯ ครั้งนี้ นำโดย ดร.ทวี นริสศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ทางด้าน เอกภพ เดชเกรียงไกรสร รองประธานมูลนิธิ ณภาฯ ในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา กล่าวว่า “รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากคณะผู้จัดงาน เอชียน บีช โปโล แชมเปี้ยนชิพ อย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสำคัญกับการให้โอกาสแก่ผู้ด้อยโอกาส ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีสัดส่วนค่อนข้างมากในสังคมปัจจุบัน ทั้งยังเปิดโอกาสให้กับเรา มูลนิธิ ณภาฯ ได้นำเสนอผลงานอันสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของพวกเขาเหล่านั้นให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคม

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/262e83085080aa678327d638a3fd75a6.png" alt="" />

ทั้งนี้ ในปีนี้มีผู้ปีมีทีมเข้าร่วมการแข่งขัน จำนวน 3 ทีม ประกอบด้วยทีมไทย ทีมเยอรมัน และทีมเบลเยี่ยม โดยสองทีมสุดท้ายเข้าแข่งขันเพื่อชิงถ้วยประทานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา นอกเหนือจากเกมส์การแข่งขันผู้ชมยังจะได้พบกับขบวนพาเหรดม้ากว่า 60 ตัวทั่วเมืองหัวหินที่มารวมตัวกันในบีช โปโล ครั้งนี้

ร่วมชมการแข่งขันพร้อมสัมผัสเสน่ห์หัวหิน และร่วมบุญในการแข่งขันขี่ม้าโปโลชายหาดการกุศล “เอเชียน บีช โปโล แชมเปี้ยนชิพ 2017” ครั้งที่ 8 ในวันเสาร์ที่ 1 เมษายน 2560 นี้  ณ ชายหาดโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ภายในงานมีกิจกรรมน่าสนใจมากมาย  อาทิ เกมส์การกุศลลุ้นรางวัล, การแข่งขันขี่ม้าบีชโปโลอันสนุกสนานเร้าใจ, แฟชั่นโชว์บนหลังม้าโดยเหล่าเซเลบริตี้แถวหน้าของเมืองไทย เป็นต้น สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-651-4081-5 หรือ e-mail : thaipoloclub@lbg.co.th

<figure><img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/b8c057bd1ca5cda33814f7fd66fc9077.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> (จากซ้าย) ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน กลุ่มบริษัท บี.กริม และนายกสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี  พราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด และโรงแรมอินเตอร์ คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท</figcaption></figure>

บี.กริม ร่วมกับ พราว เรียล เอสเตท  และอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท จัดงานแข่งขันขี่ม้าบีชโปโลการกุศลระดับทวีปเอเชีย

เมษาหน้าร้อนมาถึงเมื่อไร เป็นสัญญาณว่าการแข่งขันโปโลชายหาดกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง ล่าสุด สุวัจน์ ลิปตพัลลภ นักการเมืองระดับประเทศ ที่ระยะหลังหันมารุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร่วมกับ Harald Linkประธานกลุ่มบริษัท B.Grimm ผู้นำธุรกิจด้านระบบขนส่ง โรงไฟฟ้า อสังหาริมทรัพย์ สุขภาพ ฯลฯ จัดการแข่งขัน Intercontinental – B.Grimm Asian Beach Polo Championship ครั้งที่ 6 ซึ่งเป็นโปโลชายหาดรายการเดียวในเอเชีย ชิงถ้วยประทาน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และหาทุนมอบแก่ โครงการกำลังใจ ในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอฯ ที่ชายหาดของโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท จ.ประจวบคีรีขันธ์

นอกจากไฮไลท์จะอยู่ที่การแข่งขันโปโลชายหาด ที่ปีนี้ Harald Link นำทีมไทย โปโล เฉือนชนะทีมอินเดีย คว้าที่ 1 ไปได้แล้ว ยังอยู่ที่แฟชั่นโชว์บนหลังม้าจากเหล่าเซเลบริตี้ ปาร์ตี้ในธีม Summer Wind คลอเสียงดนตรีจากวง Bangkok Symphony Orchestra และการประมูลภาพวาดสีน้ำขนาดใหญ่ โดยมีผู้มีชื่อเสียงในแวดวงสังคมเข้าร่วมอย่างคับคั่ง ทั้ง Enno Drofenik เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐออสเตรียประจำประเทศไทย, วีระ ศรีวัฒนตระกูล  ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์, นันทินี แทนเนอร์, อนุทิน ชาญวีระกูล, คุณหญิงอิสริยาภรณ์ ปัญจมานนท์, ม.ล.ปุญยนุช เกษมสันต์ ดุลยจินดา, ชนัดดา จิราธิวัฒน์, พราวพุธ ลิปตพัลลภ, มธุนาฏ ซอโสตถิกุล, แพรวพรรณ ยังประภากร ฯลฯ
ทั้งหมดเพื่อร่วมส่งมอบ “กำลังใจ” ให้ทุกชีวิตที่ต้องการแรงใจในการลุกขึ้นสู้ต่อไปในสังคมไทย

Asian Beach Polo หนึ่งเดียวในเอเชีย สมทบ “กำลังใจ” สู่สังคม

<h2>Forbes Thailand Forum ปี 2015 ในหัวข้อ "The Next Tycoons" ในวันที่ 16 มีนาคม 2558 เวลา 14.00-17.30 น. ที่ ห้องเวิลด์ บอลรูม ชั้น 23 โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล เวิลด์ ผ่านไปด้วยความสำเร็จ ได้รับการตอบรับจากผู้บริหาร เจ้าของกิจการ และผู้อ่าน Forbes Thailand เป็นอย่างดียิ่ง</h2>
ผู้บริหารและเจ้าของกิจการระดับนำของประเทศไทย บนเวทีทั้ง 2 ช่วงได้แก่
<ul>
 	<li>Panel 1: The Grooming the Next Tycoons ประกอบด้วย Harald and Caroline Link จากกลุ่มบี.กริม และ พรสิทธิ์ และ สุริยน ศรีอรทัยกุล จากกลุ่มบิวตี้เจมส์ ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การส่งต่อและสืบต่อธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่น</li>
 	<li>Panel 2 :Enhancing a Fortune ประกอบด้วย รัตนา สถิรมน แห่งกลุ่มสามมิตรมอเตอร์ส, ยุทธชัย จรณะจิตต์ แห่งกลุ่มอิตัลไทย, รุ่งฉัตร บุญรัตน์ แห่งกลุ่มมาลีสามพราน และ ธนรัชต์ พสวงศ์ แห่งกลุ่มฮั่วเซ่งเฮง ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การทำงานธุรกิจครอบครัวได้อย่างลึกซึ้ง</li>
</ul>
ผู้บริหารทุกท่านต่างร่วมแสดงวิสัยทัศน์ แบ่งปันประสบการณ์ และร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้แขกผู้มีเกียรติ ที่จะสร้างความแรงบาลใจให้กับนักธุรกิจและผู้บริหารเตรียมส่งต่อธุรกิจ หรือทั้งนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่เตรียมสืบต่อธุรกิจ ภายหลังจากการเสวนา ตบท้ายด้วยการชิมไวน์และวิสกี้โดยได้รับการสนับสนุนจาก Italasia และ Chivas

Forbes Thailand ขอขอบคุณ และได้รับการสนับสนุนอย่างดีจาก Priority โดยธนาคารเกียรตินาคิน, สยามพิวรรธน์, DTAC และ บริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้การสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้จนสำเร็จลุล่วงด้วยดี พร้อมทั้งแขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมงานในครั้งนี้

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events