ร่วมสนุกลุ้นรับสิทธิ์สมาชิก นิตยสาร Forbes Thailand ฟรี 3 เดือน เพียง 40 ท่านแรก เท่านั้นเพียงตอบแบบสอบสำรวจเพื่ออัพเดตข้อมูลของผู้อ่านในเว็บไซต์ Forbes Thailand ก็มีสิทธิลุ้นรับรางวัล <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/cbf2uMboxYMGLao393q2.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="cbf2uMboxYMGLao393q2.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> ​เงื่อนไขและกติกาในการร่วมกิจกรรมตอบแบบสอบถามและส่งคำตอบได้ที่ <a href="https://forms.gle/NudcGK2GG2S4WR2P9" alt="https://forms.gle/NudcGK2GG2S4WR2P9">https://forms.gle/NudcGK2GG2S4WR2P9</a>ภายใน วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 คำตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นเด็ดขาดและสิ้นสุดบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์พนักงาน นิตยสารฟอร์บส ไทยแลนด์ ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมส่งชิงโชค ประกาศรายชื่อที่ได้รับรางวัลประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัลทางเว็บไซต์ <a href="https://forbesthailand.com/preview/71418" alt="https://forbesthailand.com/preview/71418">https://forbesthailand.com/news/sponsored-content/bentley-oct-2023</a><a href="https://forbesthailand.com/news/sponsored-content/bentley-oct-2023" alt="https://forbesthailand.com/news/sponsored-content/bentley-oct-2023"></a> รายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัล&nbsp; คุณพิพัฒน์ อภิรักษ์ชัยสกุล
 คุณThanaphon Jiemutissak
 คุณKunsiri Siriwattananuruk
 คุณNicholas Limsakul
 คุณธัญพิชญ์ สุทธิ
 คุณJanthip Chayapat
 คุณคณิศร โภคสวัสดิ์
 คุณสมลักษณ์ ศรีมาลี
 คุณไพรินทร์ นิธิพานิช
 คุณชนิญญา สันสมภาค
 คุณอดิเทพ ซู
 คุณจันทรวิมล ดุจชูเมธาทิพย์
 คุณมนซ่า ณ เสาชิงช้า
 คุณPhongphisut Ekthanitphong 
 คุณPunyakarn Weerawatthanachai
 คุณNaparat K.
 คุณSuprerada Wongsawat
 คุณSurapradet B.
 คุณกาญจนา อำไพ
 คุณMalika Jitpisan ของรางวัลจะถูกจัดส่งไปตามที่อยู่ที่ผู้โชคดีได้แจ้งไว้ โดยจะเริ่มจัดส่งนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมกราคม 2567 เป็นต้นไป&nbsp; **การเก็บและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับกิจกรรมนี้ เป็นไปตามนโยบายความเป็นส่วนตัว ( Privacy Policy) ของ บริษัท โพสต์ อินเตอร์เนชั่นแนลมีเดีย จำกัด ท่านสามารถอ่านได้เพิ่มเติมที่ <a href="https://www.forbesthailand.com/privacy-policy" alt="https://www.forbesthailand.com/privacy-policy">https://www.forbesthailand.com/privacy-policy</a> หากท่านได้ร่วมสนุกในกิจกรรม จะถือเป็นความยินยอมในการเก็บและใช้ข้อมูลของท่าน**

ร่วมสนุกลุ้นรับสิทธิ์สมาชิก นิตยสาร Forbes Thailand ฟรี 3 เดือน เพียง 40 ท่านแรก เท่านั้น

<h2 class="p1">Bentley ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกในเครือ Volkswagen Group พร้อมก้าวสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2030 ในฐานะ “ผู้นำรถหรูที่ขับเคลื่อนด้วยความยั่งยืน”</h2>
ในปี 2021 ที่จะถึงนี้ ทางบริษัทพร้อมเดินหน้าจากการผลิตรถยนต์รูปแบบเดิมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากน้ำมัน สู่รถยนต์ไฟฟ้า และเตรียมเปิดตัวรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด 2 รุ่น เพิ่มขึ้นจาก Bentayga รถยนต์ SUV สุดหรูที่ผลิตอยู่ในขณะนี้
แผนการข้างต้นนี้ อยู่ภายใต้กลยุทธ์<a href="https://www.volkswagenag.com/en/news/2020/11/BENTLEY-MOTORSOUTLINES-BEYOND100-STRATEGY-TARGETING-SUSTAINABLE-LUXURY-MOBILITY-LEADERSHIP.html"> Beyond100</a> ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานเปลี่ยนผ่านครั้งยิ่งใหญ่ของบริษัทในศตวรรษที่ 2 จากผู้ผลิตเครื่องยนต์ v12 รายใหญ่ที่สุดในโลกสู่ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า
ในขณะเดียวกัน แผนการนี้ก็มุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้ Bentley กลายเป็นธุรกิจที่มีการดำเนินงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศตลอดห่วงโซ่อุปทาน ภายในปี 2030 กล่าวคือ จะไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศสุทธิเพิ่มขึ้นจากการดำเนินธุรกิจหรือการให้บริการ


<figure><img class="wp-image-36940" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/bentley.jpg" alt="ยานยนต์ไฟฟ้า" width="720" height="480" /><figcaption> รถยนต์ไฟฟ้า Bentley ในอนาคตมีแนวโน้วว่าจะได้รับแรงบันดาลใจจากคอนเซ็ปต์ EXP 100 GT ในปี 2019</figcaption></figure>
ทั้งนี้ ทางค่ายได้เตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นแรกในปี 2025 และคาดว่าในปีต่อมา จะมีสายพานการผลิตรถยนต์เพียงเครื่องยนต์ไฮบริดและเครื่องยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน อาทิเช่น Flying Spur V8 และ V12 ทั้งหมดจะถูกแทนที่ด้วยรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด
โดยส่วนหนึ่งของการประกาศเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมา ทางค่ายได้ยืนยันว่า  “รถยนต์ไฮบริด คือ 'ก้าวสำคัญ' ในการขับเคลื่อนสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า” 
มากไปกว่านั้น กลุทธ์การเปลี่ยนผ่านในครั้งนี้ นับว่าเป็นแนวทางการดำเนินงานที่สมเหตุสมผล เพราะเครื่องยนต์ V8 และ V12 ที่ผลิตออกมาแล้ว ล้วนได้รับการติดตั้งระบบ Bentley Dynamic Ride ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยีโช๊คระบบ active anti-roll bar ควบคุมเสถียรภาพในการทรงตัว ส่งผลต่อความนุ่มนวล มั่นคง ที่รู้สึกได้ภายในห้องโดยสาร 
คุณสมบัติอันโดดเด่นที่กล่าวข้างต้นนี้ จึงเป็นสิ่งที่เครื่องยนต์ไฟฟ้าสามารถนำมาต่อยอด และทำให้มีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งในส่วนของแบตเตอรี่ จะถูกปรับให้ตัวรถมีน้ำหนักลดลง แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา


<figure><img class="wp-image-36941" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/adrian-hallmark.jpg" alt="ยานยนต์ไฟฟ้า" width="720" height="405" /><figcaption> Adrian Hallmark ประธานและประธานกรรมการบริหาร Bentley Motors</figcaption></figure>
“ตั้งแต่ปี 1919 เป็นต้นมา Bentley คือ นิยามของการเดินทางที่หรูหรา การเป็นผู้นำในพัฒนาการ เป็นสิ่งที่อยู่ในจิตวิญญาณของเราตั้งแต่ยุค Bentley Boys ที่เป็นรุ่นบุกเบิก ขณะที่ในปัจจุบัน เรายังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ภายใต้ Beyond100 เพื่อรักษามาตรฐานของธุรกิจรถหรูต่อไป” Adrian Hallmark ประธานและประธานกรรมการบริหารของ Bentley Motors กล่าว
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ All New Bentley Cars To Be Fully Electric By 2030 เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/tuatara-%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%96%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b9%84%e0%b8%ae%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c.html">Tuatara สร้างสถิติไฮเปอร์คาร์ที่เร็วที่สุดบนถนน</a>

Bentley ก้าวสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบในปี 2030

<h2>ด้วยโมเดลที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวทำให้ทั้ง Rolls-Royce และ Bentley ต่างดื่มด่ำความสำเร็จกันเอิกเกริก ทั้งคู่ล้วนเป็นค่ายยานยนต์ชื่อดังแห่งสหราชอาณาจักร ทว่าได้เลือกเส้นทางที่แตกต่างกัน</h2>
หากนึกแล้วก็คงจะน่าหลงใหลไม่น้อย ถ้าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หรูระดับตำนานของสหราชอาณาจักรสักแห่งผ่านช่วงเวลาตกอับอันเป็นที่รับรู้กันทั่ว ก่อนจะได้กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ภายใต้เจ้าของคนใหม่ และยานยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ผสมผสานทั้งความคลาสสิกและโมเดิร์น โดนใจคนรุ่นใหม่รสนิยมสูง

พอเกิดขึ้นกับทั้งสองค่ายมันจึงดูแปลกดี นั่นคือ Rolls-Royce Motor Cars กับ Bentley Motors แบรนด์ยานยนต์ชื่อดัง 2 รายที่มีความสัมพันธ์กันอย่างยิ่งใหญ่มานับสิบๆ ปี และทั้งคู่ต่างกำลังลิ้มรสการคืนสังเวียนอย่างสง่างาม แต่ครั้งนี้ พวกเขาไม่ได้ขึ้นต่อกันอีกต่อไป

มีอยู่ช่วงหนึ่งในยุค 1960 ซึ่งเป็นตอนที่ Rolls-Royce เป็นเจ้าของ Bentley มายาวนานเกือบ 70 ปี ทั้งสองแบรนด์ดูเผินๆ แล้วเหมือนกันเปี๊ยบ จะเว้นก็แต่เพียงเครื่องประดับกระโปรงรถที่ต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ทุกวันนี้ Rolls-Royce ซึ่งปัจจุบันมี BMW เป็นเจ้าของกับ Bentley ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจหนึ่งของ Volkswagen AG ได้เลือกที่จะแยกทางกันเดินหน้าสู่ความสำเร็จ

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6293f2d3eb2868fcd47ccb9cb4a41d0b.png" alt="" width="638" height="391" /><figcaption> Bentley รุ่น Bentayga รถเอสยูวีรุ่นแรกของแบรนด์ที่เปิดตัวเมื่อปี 2016 และประสบความสำเร็จอย่างสูง (Photo Credit: caranddriver.com)</figcaption></figure>

ทั้งคู่แยกค่ายกันเมื่อปี 1998 ท่ามกลางความวุ่นวายเล็กน้อย ซึ่งก็รวมถึงการแย่งชิงสิทธิควบคุมแบรนด์ Rolls-Royce แต่ตอนนี้สถานการณ์ระหว่างทั้งสองบริษัทดีขึ้นมากแล้ว

ในปี 2017 Bentley ขายรถยนต์ทั่วโลกมากเป็นประวัติการณ์ถึง 11,089 คัน อานิสงส์จากความสำเร็จของรถเอสยูวีคันแรก คือ Bentayga ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปี 2016 ในราคา 229,000 เหรียญสหรัฐฯ และได้กลายมาเป็น Bentley รุ่นที่มียอดขายสูงสุด

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 ที่ผ่านมานี้เองที่ Bentley ยังทำกำไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ในปี 2016 พวกเขามีกำไรจากการดำเนินงาน 135 ล้านเหรียญจากรายรับ 2.4 พันล้านเหรียญ

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f2941cedb14f27ec9d0feb4935e77151.png" alt="" width="638" height="426" /><figcaption> Rolls-Royce รุ่น Phantom VIII ยานยนต์ที่มุ้งเน้นความงามสง่าหรูหรา (Photo Credit: malaymail.com)</figcaption></figure>

Rolls-Royce ประสบความสำเร็จไม่น้อยเช่นกัน ปี 2014 เป็นปีที่มียอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์กว่า 100 ปีของบริษัท ด้วยยอดขาย 4,063 คัน หลังจากที่ปล่อยเวอร์ชั่น Black Badge ของรถยนต์รุ่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Ghost, Wraith หรือ Dawn ออกมา ดึงดูดผู้ซื้อหน้าใหม่ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตามในปีต่อมายอดขายลดลงเหลือ 3,362 คัน สาเหตุหลักมาจาก Rolls-Royce หยุดการผลิตรถยนต์รุ่นเด่นอย่าง Phantom เป็นการชั่วคราว

สิ่งที่ยิ่งบังเอิญเหมือนเข้าไปอีกคือ ในเวลานี้ทั้งคู่กำลังเปิดตัวโฉมใหม่ของรถยนต์ที่เคยนำพวกเขาเข้าสู่ยุครุ่งเรืองเมื่อ 15 ปีก่อน สำหรับ Rolls-Royce นั่นคือ 2018 Phantom VIII ยานยนต์ที่มาพร้อมความงามสง่าสะท้อนถึงความหรูหราเฉพาะตัว ขณะที่ Bentley มี Continental GT โฉมใหม่ ซึ่งเป็นแกรนด์ทัวเรอร์เลอค่า มอบทั้งสมรรถนะและความหรูหราในหนึ่งเดียว

ปัจจุบัน อายุเฉลี่ยของผู้ซื้อ Rolls-Royce น้อยลงจนมาอยู่ในวัย 40 ต้นๆ แล้ว (อานิสงส์จากกลุ่มลูกค้าที่อายุน้อยลงในตลาดต่างๆ เช่น จีน) อีกทั้งรถรุ่นใหม่นี้ยังออกแบบมาเพื่อมอบความเพลิดเพลินทั้งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ระบบกันกระเทือนที่เรียกว่า Magic Carpet Ride ช่วยให้ความรู้สึกล่องลอยขณะขับเคลื่อน พร้อมด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบคู่แฝด 12 สูบใหม่ที่ช่วยให้รถสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลา 5.1 วินาที

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/d6b39b23a05aadad715296a59636e20a.png" alt="" width="638" height="427" /><figcaption> ล้อหมุน: Continental GT ของ Bently ที่เน้นการออกแบบเพื่อตอบสนองผู้ขับขี่มากกว่าผู้โดยสาร</figcaption></figure>

ขณะเดียวกัน Continental GT ใหม่ของ Bentley ซึ่งคาดว่าจะมีราคาเริ่มต้นที่ราว 240,000 เหรียญ ออกแบบมาสำหรับผู้ขับขี่ที่หลงใหลในสมรรถนะ แต่ยังปรนเปรอความหรูหราให้แก่ผู้โดยสาร เครื่องยนต์เทอร์โบคู่แฝด 12 สูบขับเคลื่อนยานยนต์ที่ความเร็วสูงสุด 207 ไมล์ต่อชั่วโมง พร้อมเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเร็วจี๋เพียง 3.6 วินาที

มีคำกล่าวไว้ว่า ถึงเวลาก็ต้องเลือก โดยในขณะที่ Bentley วางแผนเร่งการขยายตัวโดยอาศัยจุดแข็งด้านวิศวกรรมของ Volkswagen ซึ่งรวมถึงระบบส่งกำลังด้วยไฟฟ้าด้วยนั้น Rolls-Royce กลับเข้าไปเกี่ยวข้องกับ BMW เพียงเล็กน้อยเท่านั้น Rolls-Royce เลือกที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มของตนเอง ซึ่งสามารถขยายต่อไปได้อีก อันจะเป็นรากฐานให้กับ Phantom ตลอดจนรุ่นอื่นๆ ในอนาคต อาทิ Project Cullinan ซึ่งเป็นยานยนต์อเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อรุ่นแรกที่จะมีกำหนดเปิดตัวในปีนี้

Bentley ตั้งเป้าหมายขยายยอดขายแตะ 20,000 คันต่อปี ขณะที่ Rolls-Royce มุ่งมั่นที่จะรักษาความพิเศษอยู่ที่ต่ำกว่า 6,000 คัน

อันที่จริงด้วยราคาส่วนใหญ่ที่มักจะสูงกว่า 400,000 เหรียญทำให้ Rolls-Royce สามารถบอกปัดคำเรียกว่าเป็นแบรนด์ร่วม “ระดับตลาด” ได้อย่างไม่ไยดี แต่ความท้าทายสำคัญที่สุดคือการลบภาพลักษณ์อึมครึมที่ยังคงติดตามาจากโฆษณา Grey Poupon อันโด่งดังมาตั้งแต่ยุค 1980 นั่นเอง ตรงกันข้ามกับ Bentley ที่สามารถครองพื้นที่ตรงกลางระหว่าง Mercedes-Benze รุ่นที่แพงที่สุดกับ Rolls-Royce รุ่นที่ถูกที่สุดได้อย่างไม่เหมือนใคร

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/2bab55d5c36004f0027ad9c8101ee06d.png" alt="" width="638" height="374" /><figcaption> (ซ้าย) Wolfgang Dürheimer อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Bentley (ขวา) Torsten MüllerÖtvös ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Rolls-Royce (Photo Credit: fourtitude.com และ telegraph.co.uk)</figcaption></figure>

ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคือ บริษัทผู้ผลิตยานยนต์ทั้งสองแห่งต่างค้นพบรูปแบบการทำธุรกิจที่ต่างกัน “ถ้าผมได้ขับและต้องเปรียบเทียบรถยนต์ของทั้งสองค่ายนี้ก็คงจะบอกได้ว่ามันไม่เหมือนกัน” Wolfgang Dürheimer อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Bentley ผู้เพิ่งเกษียณอายุมาหมาดๆ กล่าว “ในขณะที่ Rolls-Royce คือความหรูหราเหนือระดับ ส่วนเราคือความหรูคู่สมรรถนะ”

Rolls-Royce เองก็ไม่ได้ค้าน “เราทำงานในกลุ่มราคาที่แตกต่างจาก Bentley อย่างสิ้นเชิง” Torsten MüllerÖtvös ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าว แน่นอนว่า ในตลาดเฉพาะกลุ่มของพวกเขาซึ่งมีแต่เจ้าของรถระดับเศรษฐีที่มีรถยนต์กันเฉลี่ย 7 คันนั้น มันไม่ใช่เรื่องราคาหรอก “ลูกค้าของเรามีโรงรถเหมือนกับที่เรามีตู้เสื้อผ้า รถแต่ละคันก็มีไว้ตอบโจทย์ของวาระโอกาสที่ต่างกันนั่นเอง” MüllerÖtvös อธิบาย

&nbsp;

เรื่อง: Joann Muller
เรียบเรียง: ปาริชาติ ชื่นชม

<hr />

<a href="http://bit.ly/2HPnhUb">คลิกอ่านฉบับเต็มของ "ชีวิตใหม่ทางใครทางมัน" ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ พฤษภาคม 2561 ในรูปแบบ e-Magazine</a>

<a href="http://bit.ly/2HPnhUb"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/87de2e2b1221a10d782d1d0ead56fc1f.png" alt="" /></a>
<div class="clearfix"></div>

ชีวิตใหม่ทางใครทางมัน เริ่มต้นศักราชใหม่ของ Rolls-Royce และ Bentley

<h2>Bentley Thailand โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ร่วมกับ Bentley Motors ประจำภูมิภาค เอเซีย แปซิฟิก จัดแสดง BENTLEY BE EXTRAORDINARY TOUR THAILAND ระหว่าง 17-28 สิงหาคม 2560 ที่ Emporium Gallery สัมผัสใกล้ชิดกับ Bentayga และ Flying Spur ชมนิทรรศการประวัติศาสตร์ความเป็นมาของ Bentley และแผนกตกแต่งพิเศษ Mulliner</h2>
ภายในงาน เบนท์ลี่ย์ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด นำ Bentley Bentayga SUV ที่เร็วที่สุดในโลก และที่สุดแห่งความหรูหรา Bentley Flying Spur V8 มาให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด และชมประวัติความเป็นมาและบุคคลสำคัญที่มีส่วนในการให้กำเนิดและสร้างความเกรียงไกรให้แก่ Bentley

<figure><img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/9e7ebfaffa02186a9db090dc74206e15.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> เอกราช นพเกตุ ผู้จัดการทั่วไป Bentley Thailand</figcaption></figure>

เอกราช นพเกตุ ผู้จัดการทั่วไป Bentley Thailand กล่าวถึงการมาถึงของสุดยอดกิจกรรมที่ทุกคนตั้งตารอคอยกำลังจะได้รับการจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากตระเวนส่งมอบความประทับใจไปยังมหานครใหญ่ทั่วทุกมุมโลกซึ่งเริ่มต้นเมื่อแปดเดือนที่แล้วในออสเตรเลีย โดยเมื่องานนี้จบลงจะตามมาด้วยการจัดกิจกรรมดังกล่าวในประเทศสิงคโปร์และกรุงจากาตาร์ต่อไป

“สำหรับ เบนท์ลีย์ ประเทศไทย ร่วมฉลองกับการเดินทางมาของกิจกรรมจาก Bentley Motors  ด้วยการเสนอในกัยลูกค้าที่จองภายในงาน BENTLEY BE EXTRAORDINARY TOUR THAILAND กับ โปรแกรมทัวร์ โรงงาน Bentley และสัมผัสประสบการณ์เหนือระดับ Bentley Experience ที่ CW1 House เมือง Crewe ประเทศอังกฤษ” เอกราช นพเกตุ กล่าว

<figure><img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/b4e3fc8cdab8d06c872b0531c7b1960c.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> Bentley Bentayga SUV</figcaption></figure>

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/be547824bc15a34116b6dc8b3548dfbc.png" alt="" />

ด้าน Anastasia Kolpakova ตัวแทนจาก Bentley Motors ประจำภูมิภาค เอเซีย แปซิฟิก กล่าวเปิดตัวอีกหนึ่งไฮท์ไลท์เด่นของกิจกรรมคือการจัดแสดงนิทรรศการและความภูมิใจในการรังสรรค์ รถสปอร์ตเปิดประทุนหรูรุ่นพิเศษจำนวนจำกัด Bentley Continental GT V8 Convertible Galene Edition by Mulliner, ด้วยความร่วมมือจากดีไซเนอร์ผู้ออกแบบเรือเดินสมุทรชั้นนำของโลก Princess Yachts บริษัทเรือยอชท์แห่งประเทศอังกฤษ ความพิเศษของ “Galene” นี้ผลิตจากแผนกตกแต่งพิเศษ Mulliner ทำงานร่วมมือใกล้ชิดกับ Princess Yachts แห่งประเทศอังกฤษผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเรือยอชท์ และได้รับการออกแบบโดย Jaume Vilrdell ศิลปินระดับโลก สีตัวถังภายนอก Glacier White และ Sequin Blue ภายในเลือกใช้ลายไม้ Pinstripe Walnut เพื่อสร้างสัมผัสพิเศษ

<figure><img style="width: 680px; height: 436px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/e140d074bd1a3fcd36ae4cbf9402b1ff.png" alt="" width="680" height="436" /><figcaption> Anastasia Kolpakova ตัวแทนจาก Bentley Motors ประจำภูมิภาค เอเซีย แปซิฟิก</figcaption></figure>

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/b08c3ea2c2740a7cc1d29112a469aefb.png" alt="" />

<figure><img style="width: 680px; height: 366px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/5ac7fecb04c729ebeb20b2a8edc3b610.png" alt="" width="680" height="366" /><figcaption> Bentley Continental GT V8 Convertible Galene Edition by Mulliner</figcaption></figure>

<img style="width: 680px; height: 383px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/8c4161bf11d3cf52d952cf9964532759.png" alt="" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events