โฟกัสออร์เดอร์คุณภาพ-ลูกค้ามีกำลังซื้อ กลยุทธ์ที่ทำให้ ‘แกร็บ’ รายเดียวที่ ‘กำไร’ กับก้าวต่อไปผลักดัน “เติบโตยั่งยืน”

<h2>แกร็บ ประเทศไทย ประกาศเดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการร้านอาหารต่อเนื่อง เปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่โดยให้วงเงินสูงสุดถึง 1 ล้านบาท พร้อมปรับแผนการให้สินเชื่อพาร์ทเนอร์ร้านอาหารและขยายระยะเวลาผ่อนชำระ หวังช่วยเสริมสภาพคล่องและต่อยอดธุรกิจในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “การส่งเสริมการเข้าถึงโอกาสทางการเงินให้กับกลุ่มคนที่มีข้อจำกัดหรือไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินของสถาบันการเงินหรือธนาคารพาณิชย์ (Underbanked) ถือเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักของแกร็บ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ดังนั้น ที่ผ่านมาเราจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินต่างๆ เพื่อตอบโจทย์คนกลุ่มเหล่านี้บนพื้นฐานของความสะดวก ความโปร่งใส และความยืดหยุ่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“โดยหนึ่งในโปรแกรมหลักที่เราได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2563 คือโครงการ สินเชื่อเงินสดทันใจเพื่อพาร์ทเนอร์ร้านค้า ที่มุ่งให้การสนับสนุนผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยเฉพาะกลุ่ม SME หรือเจ้าของร้านอาหารขนาดเล็กและกลางที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการขยายกิจการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“โดยเราพิจารณาจากศักยภาพในการดำเนินธุรกิจเป็นหลักและอาศัยการศึกษาข้อมูลจากการทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์มของเรา ด้วยขั้นตอนการสมัครที่ไม่ยุ่งยาก มีระบบผ่อนชำระรายวันโดยสามารถตัดจากยอดขายในแต่ละวัน และมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ และเป็นไปตามกฎหมาย และกฎเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้โปรแกรมดังกล่าวได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีจากพาร์ทเนอร์ร้านอาหารมาโดยตลอด”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันที่มีความผันผวนจากอิทธิพลของภาวะสงครามและเงินเฟ้อ ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีการชะลอตัวและมีแนวโน้มการเติบโตต่ำกว่าที่คาดการณ์อยู่ที่ประมาณ 3.0%1 ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรม รวมถึงผู้ประกอบการร้านอาหารด้วย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/njtuQfLdoHUYB85d7BsB.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="njtuQfLdoHUYB85d7BsB.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="900,601" style="" data-index="0"></figure></div> ​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ทั้งนี้ จากผลสำรวจความคิดเห็นของพาร์ทเนอร์ร้านอาหารบนแพลตฟอร์มแกร็บ พบว่า 57% ของผู้ประกอบการร้านอาหารต้องการสินเชื่อเงินสดเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องในการทำธุรกิจในแต่ละวัน ขณะที่กว่า 25% มีความต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ล่าสุด แกร็บจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมปรับแผนการให้สินเชื่อสำหรับพาร์ทเนอร์ร้านอาหาร โดยได้ขยายวงเงินสินเชื่อร้านอาหารประเภทบุคคลสูงสุดเป็น 750,000 บาท (จากเดิมสูงสุด 500,000 บาท) พร้อมยืดเวลาผ่อนชำระสูงสุดจาก 6 เดือนเป็น 9 เดือน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวสินเชื่อสำหรับร้านอาหารประเภทนิติบุคคลโดยให้วงเงินสูงสุดถึง 1 ล้านบาทเป็นครั้งแรก ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับร้านอาหารเหล่านี้ และช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของแกร็บในที่สุด”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยสินเชื่อเงินสดทันใจเพื่อพาร์ทเนอร์ร้านค้าทั้ง 2 ประเภทมีจุดเด่นสำคัญ คือ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.สินเชื่อเงินสดทันใจพลัส (สำหรับพาร์ทเนอร์ร้านอาหารประเภทบุคคล) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ปรับเพิ่มวงเงินสินเชื่อสูงสุดถึง 750,000 บาท (จากเดิม 500,000 บาท) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-มีระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 6 - 9 เดือน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-มีอัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอกสูงสุด 2.08% ต่อเดือน และไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.สินเชื่อเงินสดสำหรับพาร์ทเนอร์ร้านอาหารประเภทนิติบุคคล &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-วงเงินสินเชื่อสูงสุด 1,000,000 บาท &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-มีระยะเวลาผ่อนชำระ 6 เดือน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-มีอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำเริ่มต้นเพียง 1.25% ต่อเดือน โดยไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.forbesthailand.com/hr/news/total-remuneration-survey-2023" alt="คาดปี 67 บริษัทไทยขึ้นเงินเดือน 5% เพิ่มขึ้นจากปี 66 แต่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในเอเชีย">คาดปี 67 บริษัทไทยขึ้นเงินเดือน 5% เพิ่มขึ้นจากปี 66 แต่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในเอเชีย</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

แกร็บ เปิดตัวสินเชื่อใหม่ ให้วงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท หนุนร้านอาหาร หวังเสริมสภาพคล่อง

Grab ควง 7 พันธมิตรเดินหน้าผลักดันรถ EV พร้อมแนวทางแบ่งเบาภาระคนขับ

<h2>วรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย ปลื้มยอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนในไตรมาสสองโตกว่า 38% พร้อมเผยอินไซต์คนจีนเล็งเที่ยวไทยอันดับหนึ่ง เตรียมขยายช่องทางชำระเงินผ่าน Alipay และ Kakao Pay รุกตลาดนักท่องเที่ยวจีนและเกาหลี ในไตรมาสสาม</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แกร็บ ประเทศไทย ชี้เทรนด์นักท่องเที่ยวจีนเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนผ่านยอดการใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันในไตรมาสสองที่เติบโตขึ้น 38% พร้อมเผยอินไซต์ด้านการท่องเที่ยวของคนจีน โดยไทยครองแชมป์ประเทศยอดนิยมอันดับหนึ่งกับ 5 จุดหมายปลายทางสำคัญ คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา และเกาะสมุย ด้วยงบประมาณเฉลี่ยต่อทริปราว 21,309 หยวน (หรือประมาณ 103,060 บาท) เตรียมผนึก แอนท์กรุ๊ป ผู้ให้บริการ Alipay และ Kakao Pay ขยายช่องทางชำระเงินเพื่อเอาใจนักท่องเที่ยวจีนและเกาหลี ซึ่งติดอันดับท็อป 5 ชาติที่เดินทางเข้ามาในไทยมากที่สุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “สถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัวและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นภายหลังจากที่มีการเปิดประเทศ ซึ่งส่งผลให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแล้วกว่า 12 ล้านคน1 ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม - มิถุนายน 2566) มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแล้วกว่า 1.4 ล้านคน 2 ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการใช้บริการของนักท่องเที่ยวชาวจีนบนแพลตฟอร์มแกร็บ โดยเฉพาะบริการการเดินทาง ที่มีอัตราการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน Grab จากนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น 38% ในไตรมาสที่ 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ แกร็บยังได้ทำการสำรวจความคิดเห็นนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวน 3,000 คนที่อาศัยในเมืองต่างๆ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางเจา เสิ่นเจิ้น เกี่ยวกับการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใน 6 เดือนข้างหน้า โดยพบข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จุดหมายปลายทาง: ประเทศไทยครองแชมป์อันดับหนึ่งในฐานะประเทศที่ชาวจีนต้องการเดินทางไปมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (71%) รองลงมาคือ สิงคโปร์ (66%) และมาเลเซีย (53%) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วัตถุประสงค์ของการเดินทาง: ชาวจีนส่วนใหญ่ต้องการเดินทางมาประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยวหรือพักผ่อนมากถึง 97% รองลงมาคือการเดินทางในเชิงธุรกิจ (2%) และเยี่ยมเพื่อนและครอบครัว (1%) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รูปแบบของการเดินทาง: 81% ของนักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมการเดินทางเป็นกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 2 - 4 คน รองลงมาคือกลุ่มใหญ่หรือมากกว่า 4 คนขึ้นไป (10%) และเดินทางคนเดียว (9%) 5 เมืองที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากชาวจีน คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา และเกาะสมุย ระยะเวลาและงบประมาณในการท่องเที่ยว: นักท่องเที่ยวจีนวางแผนใช้ระยะเวลาเฉลี่ยในการเข้าพักประมาณ 7 วัน และตั้งงบค่าใช้จ่ายต่อทริปอยู่ที่ประมาณ 21,309 หยวน (หรือคิดเป็น 103,060 บาท) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“นักท่องเที่ยวจีนถือเป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายหลักของแกร็บในปีนี้ ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในเชิงกลยุทธ์ โดยแอปพลิเคชันของเราได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีน เนื่องจากเรามีบริการที่หลากหลาย ตั้งแต่บริการเรียกรถไปจนถึงเดลิเวอรี มีมาตรฐานด้านความปลอดภัย มีความโปร่งใสด้านราคา มีแบรนด์ที่จดจำง่าย และมีบริการที่ครอบคลุมในหลายประเทศ ซึ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับนักท่องเที่ยว จนทำให้มีการแนะนำกันปากต่อปากในกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เราได้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อเจาะตลาดนักท่องเที่ยวจีน ไม่ว่าจะเป็น การทำแคมเปญการตลาดออนไลน์ร่วมกับพันธมิตรสำคัญเพื่อเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน การร่วมมือกับ ททท. เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในกลุ่มคนจีน โดยมีไฮไลท์สำคัญคือการทำไกด์บุ๊คแนะนำแหล่งท่องเที่ยวเป็นภาษาจีน และการพัฒนาเมนูภาษาจีนในแอปพลิเคชันโดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยว”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ล่าสุด แกร็บเตรียมผนึกความร่วมมือกับ Alipay ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับความนิยมสููงสุดในประเทศจีน ซึ่งมีผู้ใช้บริการชาวจีนมากกว่าพันล้านคนทั่วโลก เพื่อขยายช่องทางการชำระเงินให้กับผู้ใช้บริการและนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทยให้สามารถชำระเงินหรือเติมเงินผ่าน Alipay เมื่อใช้บริการ Grab ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวก และสร้างประสบการณ์การใช้บริการที่ดีแบบไร้รอยต่อให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน นอกจาก Alipay แล้ว แกร็บยังเตรียมเพิ่มช่องทางการชำระเงินร่วมกับ Kakao Pay ระบบชำระเงินออนไลน์ของเกาหลีใต้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะพร้อมให้บริการอย่างเป็นทางการได้ภายในไตรมาสที่สามของปีนี้ ” วรฉัตร กล่าวเสริม &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

แกร็บ ลุยตลาดนักท่องเที่ยวจีน ผนึก Alipay เพิ่มช่องทางชำระเงิน รับยอดใช้บริการเรียกรถโตกว่า 38%

“Grab” เร่งสร้างโอกาสให้ Ecosystem

แกร็บ ไฟแนนเชียล รุกตลาดสินเชื่อ เปิดตัวบริการปล่อยกู้พาร์ทเนอร์ "คนขับ-ร้านค้า"

<h2 class="p1">แกร็บ ประเทศไทย ครบ 6 ปี เผยบริการส่งอาหารโตพรวดครึ่งปี'62 ยอดสั่ง 4 ล้านออร์เดอร์ เตรียมรุกตลาดต่างจังหวัดเต็มสูบ พร้อมเปิดตัวระบบเพย์เมนต์ไตรมาสนี้</h2>
ธรินท์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า แกร็บให้บริการในประเทศไทยมา 6 ปีแล้ว และได้รับการตอบรับจากชาวไทยเป็นอย่างดี โดยมีการเรียกใช้บริการการเดินทาง การส่งอาหาร และการส่งของรวมกว่า 320 ล้านครั้ง เชื่อมต่อกับผู้คนใน 16 จังหวัด 18 เมืองของไทย นอกจากนี้ยังให้บริการครอบคลุมไปถึงระบบการจองโรงแรมและระบบรีวอร์ด 
“12 เดือนที่ผ่านมาเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่มีหลายๆ อย่างเข้ามาในแกร็บ ทั้งการเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คือ BNK48 มีการให้บริการแกร็บฟู้ดซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก ทำให้ 6 เดือนหลังจากนี้มองว่าแกร็บฟู้ดจะเป็นตัวหลักในธุรกิจของเรา จากตัวเลขแนวโน้มการเติบโตปีก่อนที่มียอดใช้บริการ 3 ล้านออร์เดอร์ ปีนี้เพียงครึ่งปีมียอดใช้บริการ 4 ล้านออร์เดอร์ซึ่งเร็วกว่าเดิมค่อนข้างมาก เนื่องจากการปรับตัวของผู้บริโภค โดยคาดว่าอาจถึง 20 ล้านออเดอร์ในปีนี้ ซึ่งมั่นใจว่ามาร์เก็ตแชร์ของแกร็บฟู้ดในขณะนี้เป็นเบอร์ 1 และมีสัดส่วนเกินครึ่งของตลาด”


<figure><img class="size-full wp-image-10331" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/grab01.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> ยอดการใช้บริการแกร็บในประเทศไทย</figcaption></figure>
ธรินทร์ กล่าวอีกว่า การแข่งขันในตลาดรับส่งอาหารยังคงรุนแรง และการทำสงครามราคาจะยาวนานไปอีก 1 ปี ส่วนทิศทางของเราในปีนี้นอกจากกรุงเทพฯ แล้ว ก็จะทำการตลาดเชิงรุกในต่างจังหวัดมากขึ้น และจะขยายบริการแกร็บฟู้ดไปในจังหวัดอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการให้บริการส่งอาหารในเชียงใหม่หรือพัทยาก็ได้รับการตอบรับดี และยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก แต่ต้องอาศัยการพูดคุยทำความเข้าใจกับร้านค้าท้องถิ่นมากขึ้น

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b9%87%e0%b8%9a-%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7-bnk48-%e0%b9%81%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b9%8c%e0%b9%81%e0%b8%ad%e0%b8%a1.html">แกร็บ เปิดตัว BNK48 แบรนด์แอมบาสเดอร์ครั้งแรกในไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้</a></li>
</ul>
&nbsp;
<h2 class="p1">เตรียมให้บริการระบบเพย์เมนต์</h2>
ธรินทร์ ระบุว่า ในครึ่งปีหลังนี้เราจะยังเปิดตัวบริการแกร็บเพย์ วอลเล็ต ซึ่งเป็นการร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย โดยพร้อมให้บริการในระบบนิเวศของแกร็บในไตรมาสนี้ และภายในต้นไตรมาส 4 จะสามารถให้บริการแบบโอเพ่น คือใช้แกร็บเพย์จ่ายเงินกับระบบข้างนอกได้
“เรามองว่าแกร็บเพย์ยังไม่ใช่ธุรกิจที่เจอการแข่งขันหนัก เราไม่ได้แข่งกับใคร แต่ความท้าทายคือทำอย่างไรให้ประชาชนคิดว่าใช้อันนี้แล้วดี อย่างไรก็ตาม ไทยเป็นประเทศที่คนยังไม่มีบัตรเครดิตเยอะมาก เป็นกลุ่มขนาดใหญ่ในสังคม และเรายังมีโอกาสอีกมากในการเข้าถึงตลาดตรงนี้”
&nbsp;
<h2 class="p1">แกร็บคาร์-แกร็บไบค์ รอความชัดเจนรัฐบาล</h2>
ธรินทร์ กล่าวว่า สำหรับบริการเรียกรถอย่างแกร็บไบค์กับแกร็บคาร์ ตอนนี้ถือว่าอิ่มตัวระดับหนึ่งแล้ว ส่วนเรื่องกฎหมายที่ตอนนี้ประเทศไทยเป็นเพียงประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่แกร็บยังไม่ถูกกฎหมายนั้น ต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลซึ่งต้องรอให้การจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้นก่อน จากนั้นเราก็พร้อมให้ความร่วมมือในการหาทางออกเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย


<figure><img class="size-full wp-image-10333" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/grab04.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> ธรินท์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย</figcaption></figure>
“บริการของแกร็บวันนี้นอกจากตอบโจทย์ผู้โดยสารทั้งเรื่องความปลอดภัย ราคา การสะสมแต้ม ยังส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวของไทยด้วย โดยที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวกว่า 5 ล้านคนที่ใช้บริการในไทย นอกจากนี้เรายังช่วยเหลือผู้ขับขี่ให้มีรายได้อีกด้วย”
“การอยู่ในสถานการณ์ที่ก้ำกึ่งในเรื่องกฎหมายไม่เชิงกระทบกับแกร็บ แต่มองว่าเป็นโอกาสที่เสียไปสำหรับคนไทยมากกว่า บางคนอาจยังไม่กล้ามาขับเพราะกลัวผิดกฎหมาย ทำให้เขาขาดโอกาสในการหารายได้ในส่วนนี้  เรามองว่าการขับแกร็บทำให้ชีวิตของหลายคนดีขึ้นได้ ถ้ากฎหมายยังล่าช้า กลุ่มคนตรงนี้อาจขาดโอกาสในการหารายได้เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ตัวเองให้ดีขึ้น”
ธรินทร์ กล่าวอีกว่า ตัวอย่างที่ จ.บุรีรัมย์ ที่ทั้งจังหวัดมีแท็กซี่อยู่เพียง 15 คัน แต่ในช่วงที่มีการแข่งขันกีฬาต่างๆ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยอะ ถ้าแกร็บไม่นำระบบตรงนี้ลงไป นักท่องเที่ยวก็ไปไหนไม่ได้ ไม่มีเม็ดเงินกระจายลงไปในพื้นที่ ดังนั้น ถ้าเราปลดล็อกไปเรื่อยๆ ประกอบกับในอนาคตประเทศไทยส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองมากขึ้น ถ้ามีระบบแกร็บก็จะทำให้คนในเมืองรองมีโอกาสหารายได้มากขึ้น
ทั้งนี้ หากเรื่องกฎหมายเรียบร้อย คาดว่าปีหน้าอาจให้บริการเรียกรถและส่งอาหารครบทั่วประเทศไทยได้
&nbsp;
<h2 class="p1">จัดเต็มกิจกรรมและโปรโมชั่นฉลอง 6 ปี</h2>
สำหรับโอกาสครบรอบ 6 ปี แกร็บจัดเต็มส่วนลดสำหรับบริการของแกร็บทั้งการเดินทาง สั่งอาหาร และส่งของ สูงสุด 60% นอกจากนี้ยังมีดีลพิเศษจากแกร็บฟู้ดถึง 666 ดีล และของรางวัลอีกหลายรายการ อาทิ ทริปไป-กลับฮ่องกง สมาร์ทโฟน Huawei เป็นต้น รวมมูลค่าของรางวัลกว่า 17 ล้านบาท
&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

รายงานโดย กนกวรรณ มากเมฆ / Online Content Creator

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

"แกร็บ" เตรียมให้บริการเพย์เมนต์ พร้อมรุกส่งอาหารต่างจังหวัดรับยอดออร์เดอร์พรวด

<h2>แกร็บ เปิดตัว BNK48 ย้ำกระแสความนิยมของ BNK48 หวังดึงคนกลุ่มมิลเลนเนียม โดย BNK48 จะเป็นตัวแทนของแกร็บในแคมเปญทางการตลาดหลากหลายรูปแบบ ทั้งนี้เปิดฟีเจอร์ใหม่อาทิ การเปลี่ยนจุดหมาย การชดเชยให้ผู้ขับขี่เมื่อผู้โดยสารยกเลิกการจอง</h2>
ธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งในการได้ทำงานร่วมกับ BNK48 และแต่งตั้งให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแกร็บ ด้วยเราเห็นถึงบุคลิกของน้องๆ ที่กระตือรือร้น มองโลกในแง่ดี  มีจิตใจมุ่งมั่นโดยไม่ยอมแพ้เหมือนกับแกร็บ ทั้งแกร็บและ BNK48 ต่างเป็นแบรนด์ที่อายุน้อย และเส้นทางของพวกเราในการเดินทางมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ  แต่เราก็ยังคงมุ่งมั่นและพยายามพัฒนาให้ดีกว่าเดิมอยู่ทุกๆ วัน เพื่อแฟนเพลงและผู้ใช้บริการแกร็บ เรามั่นใจว่า BNK48 จะเป็นตัวแทนที่เหมาะสมในการแสดงให้เห็นถึงบริการต่างๆ ของแกร็บว่าสามารถอำนวยความสะดวกสำหรับทุกความต้องการของคุณได้อย่างไรบ้าง”

<figure><img class="wp-image-1774 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/11/แกร็บ.jpg" alt="" width="638" height="425" /><figcaption> ปัจจุบัน แกร็บให้บริการครอบคลุม 16 จังหวัด 18 เมือง</figcaption></figure>

ทั้งนี้ ธรินทร์ เปิดเผยด้วยว่าช่วงเย็นของวันนี้ถึงพรุ่งนี้ การแสดงผลของแอพฯ จะมีน้องๆ BNK 48 ปรากฏในแอพโดยผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้โค้ดที่เป็นชื่อน้องๆ ในการได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยธรินทร์กล่าวสรุปเพิ่มเติมถึงฟีเจอร์ ทั้งสำหรับผู้ใช้และผู้ขับขี่ ได้แก่
<ul>
 	<li>การเปลี่ยนจุดหมาย: เพื่อการเดินทางที่ยืดหยุ่นกว่าเดิม ผู้โดยสารสามารถเปลี่ยนจุดหมาย หรือจุดส่งได้ใน ระหว่างการเดินทาง</li>
 	<li>ยกเลิกได้ทุกเมื่อ: ผู้โดยสารที่เห็นว่าใส่จุดหมายผิดหลังจากที่กดจองไปแล้ว หรือเปลี่ยนใจทีหลัง สามารถยกเลิกการจองได้ระหว่างที่ระบบกำลังทำการหาคนขับโดยไม่มีการตัดเงินใดๆ ทั้งสิ้น</li>
 	<li>แกร็บแชทรองรับข้อความเสียง: นอกจากส่งข้อความและรูปภาพแล้ว ผู้โดยสารและผู้ขับขี่จะสามารถสื่อสารกันได้ผ่านข้อความเสียง เพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับผู้ขับขี่และสะดวกขึ้นสำหรับผู้โดยสาร</li>
 	<li>แนะนำทางเข้าและจุดรับผู้โดยสาร: จากการที่อาคารขนาดใหญ่จำนวนมากในประเทศไทยมีทางเข้าออกหลายทาง ซึ่งอาจทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารนัดพับกันได้ยาก แกร็บจึงมอบความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสาร โดยการแนะนำจุดรับผู้โดยสารที่แม่นยำ โดยเฉพาะในบริเวณที่การจราจรหนาแน่นหรือมีทางเข้าหลายทาง</li>
 	<li>ชดเชยเมื่อผู้โดยสารยกเลิกการจองหรือไม่มาที่จุดรับ: ถ้าผู้โดยสารยกเลิกการจองหรือไม่มาที่จุดรับ แกร็บจะชดเชยให้กับผู้ขับขี่สำหรับการเดินทางไปยังจุดรับ</li>
</ul>
“แกร็บจะยังคงเดินหน้าในการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ขับขี่ผ่านทางโปรแกรม สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ขับขี่แกร็บ โดยในปัจจุบันผู้ขับขี่แกร็บได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพ ส่วนลดค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและบริการการบำรุงรักษารถ” ธรินทร์กล่าว

ภายใต้การความร่วมมือระหว่างแกร็บและ BNK48 แกร็บเตรียมที่จะเผยแพร่สื่อโฆษณาในช่องทางอันหลากหลายครอบคลุม O2O ซึ่งรวมถึงสื่อโฆษณาออนไลน์และสื่อโฆษณากลางแจ้งที่นำแสดงโดยน้องๆ BNK48 พร้อมเน้นย้ำทุกบริการของแกร็บที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ผู้ใช้บริการแกร็บเตรียมพร้อมที่จะพบกับโปรโมชั่นโคดสุดพิเศษ “Daily Deals” ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับเมมเบอร์ทั้ง  16 คน ซึ่งโปรโมชั่นโคดเหล่านี้จะสามารถใช้ได้ครอบคลุมในทุกบริการของแกร็บ นอกจากนี้แกร็บยังเตรียมปาร์ตี้ Grab x BNK48 สุดพิเศษ เพื่อตอบแทนผู้ใช้บริการแกร็บ โดยกิจกรรมดังกล่าวจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสแรก ของปี 2019 นี้

&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events