FORBES_MAY_ISSUE_2024

<h2>แสนสิริ ขยายแผนการดำเนินงานผ่านกลยุทธ์ Strategic Location รุกหัวเมืองท่องเที่ยวและจังหวัดใหญ่ จ่อคิวเปิด 2 โครงการใหม่ที่หัวหิน มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท คือ เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ หัวหิน Beachfront Branded Residences แห่งแรกในเอเชีย และ กาบานาส หัวหิน แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมจากคาบสมุทรแอตแลนติกของโปรตุเกส</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;องอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากความสำเร็จในปี 2566 ที่ผ่านมา แสนสิริสามารถสร้างผลการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกำไรสุทธิสูงถึง 6,060 ล้านบาท ซึ่งนับว่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ก่อตั้งมาได้ 40 ปี หรือ ALL-TIME HIGH จากความแข็งแกร่งของแบรนด์แสนสิริและครองยอดขายเบอร์หนึ่งผู้นำอสังหาฯ ลักชัวรี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่งผลให้ในปีนี้ (2567) แสนสิริเดินหน้าต่อตามแผน NAVIGATING THE FUTURE: RESILIENT GROWTH ขับเคลื่อนธุรกิจ ผ่านกลยุทธ์ Strategic Location มุ่งเน้นขยายโครงการในหัวเมืองท่องเที่ยวและจังหวัดใหญ่ และยกให้ ‘หัวหิน’ เป็นหนึ่งใน Strategic Location สำคัญ โดยได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมตากอากาศในหัวหินมาแล้วทั้งหมด 25 โครงการ มูลค่ากว่า 31,000 ล้านบาท (รวม 2 โครงการที่เปิดใหม่ในปีนี้) รวมถึงการดำเนินธุรกิจโรงแรมอีก 2 แห่ง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/8SVsz5HGSvMt7hwNP41c.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="8SVsz5HGSvMt7hwNP41c.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""><figcaption><div>องอาจ สุวรรณกุล</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในปี 2567 นี้ กลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต่างให้นํ้าหนักไปที่การขยายโครงการบุกทำเลหัวเมืองใหญ่และจังหวัดเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากภาคการท่องเที่ยว ซึ่งหัวหินนับเป็นเดสติเนชั่นท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งชาวไทยและต่างชาติ เทียบชั้นเมืองตากอากาศระดับโลก และจากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ ระบุว่า ในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวมาเยือน จ.ประจวบฯ อยู่ที่ 11.14 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ราว 1.4 ล้านคน และรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2566 อยู่ที่ 44,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ราว 11,000 – 12,000 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกเหนือจากนี้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยังได้รับอานิสงส์มาตรการฟรีวีซ่าไทย-จีน ที่คาดว่าจะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยได้เป็นอย่างดี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“จากการตอบรับที่ดีเสมอมาของลูกค้าต่อโครงการแสนสิริในหัวหิน ที่มาจากความเชื่อมั่นในแบรนด์และโครงการคุณภาพ มาพร้อมมาตรฐานการออกแบบดีไซน์ที่โดดเด่นพร้อมฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ผู้อาศัย ตลอดจนบริการดูแลหลังการขาย ที่สร้าง Value-added ให้กับลูกค้าที่ซึ่งอยู่อาศัยเองและปล่อยเช่า ควบคู่กับสถานการณ์ภาพรวมอสังหาฯ ในหัวเมืองใหญ่ฟื้นตัวจากอานิสงส์การท่องเที่ยว โดยในปีนี้ แสนสิริเตรียมพรีเซลล์คอนโดตากอากาศ 2 โครงการใหม่ในเมืองหัวหิน ได้แก่ เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ หัวหิน และ กาบานาส หัวหิน มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท” องอาจ กล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/k9D2EJ322Jmw4P5Fx2JN.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="k9D2EJ322Jmw4P5Fx2JN.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เริ่มด้วย เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ หัวหิน (The Standard Residences, Hua Hin) มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท เป็น Beachfront Branded Residence แห่งแรกในเอเชีย ภายใต้แบรนด์ The Standard แบรนด์บูทีคโฮเทลและไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลก ตั้งอยู่บนทำเลสุดแรร์ ใจกลางหัวหิน ติดริมหาดหัวหินที่สวยที่สุด บนไพร์มโลเคชั่น เทียบชั้นเมืองตากอากาศระดับโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยเดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ หัวหิน ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Hide and Chic’ ที่เล่นกับคำว่า Hide and Seek เมื่อมองมาจากข้างนอกจะรู้สึก Hidden เหมือนเป็นการซ่อนประสบการณ์ที่น่าค้นหาให้กับโครงการ และฉีกทุกกฎเกณฑ์เดิมๆ ของ Luxury Beachfront Condo ด้วยการเป็นเรสซิเดนซ์ที่โดดเด่นด้วย Lifestyle Facilities ที่ฉีกกรอบทุกการพักผ่อนให้ทุกคนสามารถมาเอ็นจอยร่วมกันได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่ว่าจะเป็น Bowling Alley, Pickle Ball กีฬาสุดฮิตส่งตรงจาก Miami ตลอดจน The Mud Lounge สปาโคลนสุดผ่อนคลาย กิจกรรมซิกเนเจอร์ภายใต้แบรนด์ The Standard รวมถึง Salt Sauna และ Experience Shower อีกด้วย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/rdCV2hpFgiVippxGhbpx.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="2" data-file-name="rdCV2hpFgiVippxGhbpx.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และโครงการยังเป็นคอนโด Pets Allowed ที่พร้อมต้อนรับสัตว์เลี้ยง สมาชิกสำคัญของครอบครัว โดยมีจำนวนทั้งหมด 251 ยูนิต บนพื้นที่ขนาด 9 ไร่ เริ่มตั้งแต่ 1 ห้องนอน ขนาด 40.75-65.25 ตารางเมตร, 2 ห้องนอน ขนาด 77-119.25 ตารางเมตร, 3 ห้องนอน ขนาด 107-153 ตารางเมตร และ Beachfront Pool Villa ขนาด 215.75 – 238.75 ตารางเมตร ในราคา 8.99-100 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ สำหรับ Beachfront Pool Villa ราคา 100 กว่าล้าน ขายหมดเรียบร้อยแล้ว และ 23-24 มีนาคม 2567 นี้ เตรียมพบกับโชว์ยูนิต ของเดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ หัวหิน ครั้งแรกในไทย ที่โรงแรม The Standard, Hua Hin&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับอีกหนึ่งโครงการคือกาบานาส หัวหิน (Cabanas Hua Hin) มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลใจกลางหัวหิน เพียง 300 เมตร ถึงชายหาดหัวหิน ใกล้ Tamarind Market และ Cicada Market โครงการเป็นหนึ่งในซีรีส์คอนโดมิเนียมตากอากาศของแสนสิริในหัวหิน ที่นำการออกแบบจากเมืองชายทะเลทั่วโลกมาเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาโครงการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยกาบานาส หัวหิน โดดเด่นด้วยดีไซน์ของเมืองชายฝั่งโปรตุเกส และลวดลาย Element ที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง AZULEJOS TILES (อาซูเลโฮ) ที่แทรกอยู่ในทุกๆ จุดของโครงการ มีจำนวนทั้งหมด 426 ยูนิต บนพื้นที่ประมาณ 4 ไร่ เริ่มตั้งแต่ 1 ห้องนอน ขนาด 25.00-34.25 ตารางเมตร, 2 ห้องนอน ขนาด 49.25-66.25 ตารางเมตร และ Villa ขนาด 66.75-75.50 ตารางเมตร เริ่ม 2.39 ล้านบาท เปิดให้ชมห้องตัวอย่างแล้ววันนี้ ​​​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/property/whizdom-craftz-samyan-partners-with-knightsbridge" alt="เหมาแล้ว 100 ยูนิต ยอดขาย 1,700 ล้าน คอนโด Whizdom Craftz Samyan หลังผนึกเอเจนท์เจาะลูกค้าต่างชาติ">เหมาแล้ว 100 ยูนิต ยอดขาย 1,700 ล้าน คอนโด Whizdom Craftz Samyan หลังผนึกเอเจนท์เจาะลูกค้าต่างชาติ</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘แสนสิริ’ รุกหัวเมืองใหญ่ เปิด 2 โครงการใหม่ที่ ‘หัวหิน’ มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท

<h2>บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ในกลุ่มบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ได้ลงทุนในโครงการเดอะ เรสซิเดนเซส 38 (THE RESIDENCES 38) โครงการระดับ World Class Residence ติดกับรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีทองหล่อ ประกาศแต่งตั้ง บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บริหารโครงการตั้งแต่การก่อสร้าง การพัฒนาโครงการ การวางแผนด้านการขาย และการตลาดทั้งหมดของโครงการ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พร้อมแต่งตั้ง ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด เป็นผู้บริหารงานเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ La Clef Bangkok by The Crest Collection ซึ่งเป็นเซอร์วิส เรสซิเดนซ์หรูระดับสูงสุดของแอสคอทท์ ถือเป็นการผนึกพันธมิตรครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด และเป็นการต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ รวมทั้งเสริมศักยภาพในการขยายธุรกิจให้แข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการ บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการเดอะ เรสซิเดนเซส 38 (THE RESIDENCES 38) เป็นการลงทุนโดย แรบบิท โฮลดิ้งส์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนในธุรกิจบริหารและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรที่โดดเด่นทางกลยุทธ์ทั้งด้านแบรนด์และการตลาด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ถึงแม้ว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปี 2566 จะเผชิญกับความท้าทาย แต่ยังมีปัจจัยบวกอยู่อีกมากโดยเฉพาะการกลับเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติในกลุ่มคอนโดมิเนียม จากการเริ่มฟื้นตัวของสภาพตลาด แรบบิท โฮลดิ้งส์ จึงได้ดำเนินการพัฒนาโครงการเดอะ เรสซิเดนเซส 38 (THE RESIDENCES 38) ภายใต้การให้บริการของผู้บริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเชี่ยวชาญและความเป็นมืออาชีพ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยมีการลงนามแต่งตั้งบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บริหารโครงการตั้งแต่การก่อสร้าง การพัฒนาโครงการ การวางแผนการขายและการตลาดทั้งหมดของโครงการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับความร่วมมือกับอนันดาฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพการพัฒนาธุรกิจของแรบบิท โฮลดิ้งส์ อีกทั้งยังช่วยขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศจากเครือข่ายลูกค้าที่แข็งแกร่งและหลากหลายของอนันดาฯ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ แรบบิท โฮลดิ้งส์ ยังได้แต่งตั้งให้ ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด เป็นผู้บริหารงานเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ La Clef Bangkok by The Crest Collection ซึ่งเป็นเซอร์วิสเรสซิเดนซ์หรูระดับสูงสุดของแอสคอทท์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แบรนด์ The Crest Collection เปิดตัวครั้งแรกในปี 2559 ที่ประเทศฝรั่งเศส ประกอบด้วยพอร์ตโรงแรมและเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์และมีเอกลักษณ์โดดเด่น เปิดให้บริการไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน โดย The Crest Collection มาพร้อมกับแนวคิด “หลังประตูทุกบานมีเรื่องราว” ด้วยการมอบประสบการณ์ที่หรูหราและไม่ซ้ำใครแก่แขกผู้เข้าพัก ผ่านการตกแต่งที่แฝงไปด้วยประวัติความเป็นมาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโรงแรมและเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ในแต่ละแห่ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับการเปิดตัวแบรนด์คอลเลกชันในประเทศไทย La Clef Bangkok by The Crest Collection ประกอบด้วยห้องพัก 115 ยูนิต ตั้งแต่ห้องพักแบบสตูดิโอไปจนถึงอพาร์ทเมนท์สองห้องนอน ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการผสมผสานวัฒนธรรมไทย เข้ากับมรดกทางวัฒนธรรมของฝรั่งเศส&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โครงการนี้ยังมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สระว่ายน้ำ ออนเซ็น เลานจ์ และฟิตเนสเซ็นเตอร์ รวมถึงบริการอื่นๆ ที่ครบครัน เช่น บริการทำความสะอาด บริการซักรีด และบริการเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบยังสามารถเข้าถึงศูนย์การค้า ศูนย์กลางความบันเทิงต่างๆ และโรงพยาบาลชั้นนำได้อย่างสะดวกสบาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้อนันดาฯ มีแผนเปิดตัว Business Line ใหม่ ซึ่งจะดำเนินงานในรูปแบบของ Professional Services and Management Consultancy รับดำเนินงานบริหาร และพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบ Total Solutions​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/B9G2MDYmndXHTkEBw1rr.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="B9G2MDYmndXHTkEBw1rr.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""><figcaption><div>นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งปัจจุบันได้รับความไว้วางใจจากแรบบิท โฮลดิ้งส์ เพื่อบริหารและพัฒนาโครงการเดอะ เรสซิเดนเซส 38 (THE RESIDENCES 38) โครงการระดับ World Class ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดของประเทศไทย ใจกลางกรุงเทพฯ ย่านทองหล่อ ซอยสุขุมวิท 38 ติดรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีทองหล่อ พัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยในรูปแบบ Ultra luxury Residence จำนวน 36 ชั้น และชั้นลอย 1 ชั้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยชั้น 12-23 พัฒนาเป็นเซอร์วิสเรสซิเดนซ์แบบลักชัวรี่ 115 ยูนิต La Clef Bangkok by The Crest Collection บริหารโดย ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ในขณะที่ชั้นบนตั้งแต่ชั้น 24-36 เป็นคอนโดมิเนียมที่พักอาศัยจำนวน 56 ยูนิต รูปแบบห้องพักคอนโดมิเนียมมีตั้งแต่ 1 Bedroom ไปจนถึงเพนต์เฮ้าส์ (Penthouse) ซึ่งจะเป็นที่สุดของความร่วมมือสำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยในแบบ Residence ของประเทศไทย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/property/bugaan-rama-9-meng-jai-sold-out" alt="Sold Out ตั้งแต่วันแรกที่เปิดจอง แสนสิริ บูก้าน พระราม 9 – เหม่งจ๋าย ลุยต่อขยายเฟสใหม่ใน 2 โลเคชั่น">Sold Out ตั้งแต่วันแรกที่เปิดจอง แสนสิริ บูก้าน พระราม 9 – เหม่งจ๋าย ลุยต่อขยายเฟสใหม่ใน 2 โลเคชั่น</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เครือบีทีเอสผนึกอนันดาฯ เปิดตัว “เดอะ เรสซิเดนเซส 38” เรสซิเดนซ์หรูติดรถไฟฟ้าทองหล่อ

<h2>Siamese Asset จับมือ Wyndham Hotel Group เปิดตัว 4 โครงการนำร่อง โครงการ Branded Residence อสังหาฯ แนวคิดใหม่</h2>
ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานและกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ทั้ง 4 โครงการนำร่องอสังหาฯรูปแบบใหม่นี้หรือเรียกอีกชื่อว่า Branded Residence ซึ่งเป็นโครงการที่มีแบรนด์โรงแรมชั้นนำมาบริหารและดูแลส่วนกลางตามมาตรฐานของแบรนด์นั้นๆ สำหรับโครงการนี้ Siamese Asset ร่วมมือกับ Wyndham Hotel Group หนึ่งในเครือโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อดูแลและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในส่วนของ Luxury Services"

​“พูดให้เห็นภาพคือ ยกบริการแบบโรงแรมหรู 5 ดาวทั้งหมดมาไว้ที่คอนโดฯ เริ่มตั้งแต่ บริการ Room Service ทั้งทำความสะอาด บริการอาหารและเครื่องดื่ม, Hospitality Lobby, บริการซ่อมบำรุงดูแลส่วนกลางให้สวยงามเสมอ ตลอดจนบริการพิเศษ เช่น บริการนวดหรือสปา บริการรถรับส่งส่วนตัว เป็นต้น"

“นอกจากจะเป็นทรัพย์สินที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้อาศัยในทุกๆ ด้านอยู่แล้วมีความสุข ยังสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับกลุ่มนักลงทุนที่จะได้ทั้งเงินที่เกิดจากส่วนต่างของราคาที่ซื้อและราคาตลาดหรือของคู่แข่งกว่าร้อยละ15-20 และเงินที่ได้จากมูลค่าของทรัพย์สินที่สูงขึ้นอีกในอนาคต รวมทั้ง จะต้องได้ค่าเช่าที่ดีเมื่อปล่อยเช่า” ขจรศิษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย

<img class="alignnone size-full wp-image-36399" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/10/Siamese-Asset_003.jpg" alt="" width="600" height="348" />

โดยทั้ง 4 โครงการประกอบไปด้วย Wyndham Residence Bangkok (Sukhumvit 16) คอนโด High Rise สูง 33 ชั้น, Wyndham Garden Residence (Sukhumvit 42) คอนโด High Rise สูง 31 ชั้น สไตล์ญี่ปุ่น ที่ใกล้รถไฟฟ้าสถานีเอกมัยในระยะ 300 เมตร, Ramada Plaza Residence (Sukhumvit 48) คอนโด High Rise สูง 39 ชั้น ตึกที่สูงที่สุดในสุขุมวิท ตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้ BTS อ่อนนุช และ Ramada Residence Bangkok (Sukhumvit 87) คอนโด High Rise สูง 25 ชั้น ตัวโครงการตั้งอยู่ติดกับถนนสุขุมวิทตรงปากซอยสุขุมวิท 87

&nbsp;

Siamese Asset เปิดตัว 4 โครงการนำร่อง Branded Residence

<h2 class="p1">รายงานเผยแบรนด์โรงแรมระดับท็อปทั่วเอเชียมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแบบ โฮเทล เรสซิเดนซ์ สู่อสังหาริมทรัพย์ระดับเกรดเอ ส่งผลให้เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 3 ของตลาดโลก</h2>
ซีไนน์ โฮเทลเวิร์คส์ (C9 Hotelworks) ผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาด้านโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจการบริการในเอเชีย เปิดรายงานล่าสุดเกี่ยวกับ โฮเทล เรสซิเดนซ์ (Asia Hotel Branded Residences Update 2020) พบว่า ภูมิภาคเอเชียมีระดับการลงทุนในโฮเทล เรสซิเดนซ์ค่อนข้างแข็งแกร่ง
โดยภายในปี 2025 จะมีโครงการใหม่ถึง 79 โครงการ 16,130 ยูนิต กำลังจะเข้ามาสู่ตลาดโฮเทล เรสซิเดนซ์เอเชีย โดยทำเลที่ให้บริการอสังหาริมทรัพย์พรีเมียมภายใต้แบรนด์โรงแรมระดับลักชัวรีตั้งอยู่ในประเทศไทยมากที่สุด ซึ่งคิดเป็น 29% ของอุปทาน โดยมีโฮเทล เรสซิเดนซ์ระดับลักชัวรี 30 โครงการ จำนวน 4,730 ยูนิต ที่กำลังพัฒนาในประเทศไทย (ภายในปี 2020-2025) ตามมาด้วยฟิลิปปินส์ และเวียดนาม
นอกจากนั้น ในรายงานยังพบว่า “จีน” มีความสำคัญต่อโครงการโฮเทล เรสซิเดนซ์ แบรนด์หรูตามเมืองชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย โดยสามารถกวาดยอดขายได้จากนักลงทุนจีนมากกว่า 57% ซึ่งเป็นผลมาจากนักพัฒนาชาวจีนรุ่นสอง (Second-generation) ให้ความสนใจลงทุนนอกประเทศจีน ในขณะที่ยังคงลงทุนเฉพาะโครงการที่ได้รับผลตอบแทนสูงในจีนแผ่นดินใหญ่
<img class="alignnone size-full wp-image-28434" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/Asia-Hotel-Residences-01.jpg" alt="" width="720" height="672" />
นักลงทุนจีนเหล่านี้ได้รับแรงบันดาลใจจากความเชื่อมั่นเชิงลบตลาดในประเทศ และมองหาโอกาสที่มากขึ้นในต่างประเทศ ด้วยข้อเสนอการขายที่น่าดึงดูดของแบรนด์การบริการ (Hospitality) ระดับนานาชาติ ทั้งนี้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ซึ่งกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระดับสากล ได้แก่ ว่านเคอ (Vanke), กรีนแลนด์ กรุ๊ป (Greenland Group) และคันทรี การ์เด้น (Country Garden)
การเปลี่ยนแปลงในตลาดการลงทุนที่อยู่อาศัยอีกอย่างหนึ่งคือ กลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์เอเชียหลายแห่งกำลังพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่มุ่งเน้นการให้บริการ (Hotel Residence) ในต่างประเทศบนกลยุทธ์การลงทุนข้ามพรมแดน โดยใช้แบรนด์โรงแรมระดับโลกเข้ามาบริหารและเป็นจุดขาย
ตัวอย่างคือ เบอร์จาย่า คอร์เปอร์เรชั่น (Berjaya Corporation) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้าจากประเทศมาเลเซีย ได้ใช้แบรนด์ “โฟร์ซีซั่นส์” (Four Seasons) มาเป็นตราสินค้าของโครงการใน Kyoto ประเทศญี่ปุ่น (Four Seasons Hotel and Hotel Residences) โดยประสบความสำเร็จอย่างสูงในการขาย และได้รับการกล่าวขานว่า เป็นสินทรัพย์ที่มีราคาประเมินระดับพรีเมียมมากที่สุดโครงการหนึ่งในญี่ปุ่น
สะท้อนให้เห็นว่า โฮเทล เรสซิเดนซ์ คือการเพิ่มมูลค่าให้กับอสังหาริมทรัพย์ สามารถลดความเสี่ยงในการพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันยังเป็นทางออกของการลงทุนโรงแรมที่จากเดิมมุ่งเน้นเพียงแค่ผลตอบแทนในตลาดการบริการที่มีต้นทุนสูงและให้ผลตอบแทนต่ำอีกด้วย
<img class="alignnone size-full wp-image-28435" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/Asia-Hotel-Residences-02.jpg" alt="" width="720" height="718" />
ด้านทำเลโฮเทล เรสซิเดนซ์นั้นมีความสมดุลมากขึ้นระหว่างรูปแบบรีสอร์ทหรือในแหล่งท่องเที่ยว และทำเลในเมือง โดยโครงการโฮเทล เรสซิเดนซ์ในเมือง คิดเป็น 42% และกำลังเพิ่มขึ้น
เมื่อมองดูตัวเลขเทรนด์เมือง (Urbanization) และการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต จะเห็นว่า ผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ร่ำรวยต่างย้ายถิ่นอาศัยจากแบบครอบครัวเดี่ยวดั้งเดิมมาเป็นคอนโดมิเนียมหรูที่พร้อมด้วยการบริการแบบครบวงจรเทียบเท่าโรงแรมห้าดาวในย่านใจกลางธุรกิจ (CBD areas) โดย 58% ของโครงการโฮเทล เรสซิเดนซ์ที่กำลังพัฒนาทั้งหมดในเอเชียอยู่ในระดับไฮเอนด์
รายงานของ C9 Hotelworks ได้จัดอันดับของผู้ประกอบการ Hotel Residence Branded ระดับพรีเมียม-ลักชัวรี (Upscale to Luxury) ที่โดดเด่น ได้แก่ แมริออท (Marriott) ตามมาด้วยแบรนด์แอคคอร์ (ACCOR), ดุสิต (Dusit), ไฮแอท (Hyatt), แชงกรี-ลา (Shangri-La), อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเทล กรุ๊ป (InterContinental Hotels Group) และ วินแดม (Wyndham) รวมถึงโครงการอื่นๆ ในเครือโรสวูด (Rosewood) และไมเนอร์ (Minor)
Bill Barnett กรรมการผู้จัดการ C9 Hotelworks ให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การธุรกิจโรงแรม รวมถึงโฮเทล เรสซิเดนซ์ ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ว่า “ระดับการลงทุนในภาคธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทั่วทั้งเอเชีย รวมถึงประเทศไทย ภูเก็ต และกรุงเทพฯ ที่เป็นศูนย์กลางการลงทุนสำหรับโฮเทล เรสซิเดนซ์ของภูมิภาคเอเชีย”


<figure><img class="size-full wp-image-28436" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/Bill-Barnett.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> Bill Barnet</figcaption></figure>
สำหรับภูเก็ตซึ่งกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในขณะนี้ โดยโครงการโรงแรมที่กำลังจะเปิดตัวในภูเก็ตปีนี้ (โรงแรมที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดภูเก็ต ปี 2020 มีจำนวนทั้งสิ้น 5,009 ห้อง จาก 21 โครงการ อัตราส่วนการเพิ่มขึ้นคิดเป็น 6%) ส่วนใหญ่จะหยุดชั่วคราว แต่โครงการระยะยาวอย่างโฮเทล เรสซิเดนซ์ ยังรุดหน้าดำเนินการต่อไป ซึ่งเราคาดว่าการลงทุนโรงแรมในภูเก็ตหลังจากผลพวงของโควิด-19 จะยังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม
โดยตลาดสำคัญ 2 แห่งที่เข้าสู่ภูเก็ตซึ่งรวมกันเท่ากับ 40% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ได้แก่ จีนและรัสเซีย ตอนนี้เราเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในประเทศของจีนแล้ว และคาดว่าภายในกลางปีเราจะเริ่มเห็นกระแสการท่องเที่ยวเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4
“โดยคาดว่า ตลาดจีนจะเดินทางภายในภูมิภาคในช่วงหลังของปี 2020 สำหรับรัสเซียเป็นตลาดสโนว์เบิร์ด (Snowbird) ที่มาในช่วงเดือนตุลาคมถึงเมษายน ซึ่งเป็นฤดูหนาว การคาดการณ์ของเราคือ ตลาดนี้จะกลับมาอีกครั้งในเดือนตุลาคม” Barnett กล่าว
&nbsp;
<ul>
 	<li>อ่านเพิ่มเติม <a href="https://forbesthailand.com/leaderboard/thailand-leaderboard/%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%8a%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%8b%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b8%8b%e0%b9%8c-%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad.html">ลักชัวรี่เรซิเดนซ์ เมืองท่องเที่ยวแรงดีไม่ตก</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events