FORBES_MAY_ISSUE_2024

<h2>UOB LIVE ศูนย์รวมการจัดงานอีเวนต์แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ย่าน Em Distric ซึ่งตั้งอยู่ ณ ชั้น 6 ห้าง Emsphere พร้อมเปิดศักราชใหม่ด้วยการจัดคอนเสิร์ตแรกจากศิลปินดังระดับโลก Ed Sheeran 11 กุมภาพันธ์ 2567 นี้ </h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การผนึกกำลังของ 3 ธุรกิจยักษ์ใหญ่ ได้แก่&nbsp;กลุ่มบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ผู้นำธุรกิจรีเทลของประเทศไทย ผู้ดูแลอาณาจักร Em Distric 3 ห้างดังย่านใจกลางเมืองบนถนนเส้นสุขุมวิท ได้แก่ Emporium, Emquartier และ Emsphere ที่เพิ่งเปิดใหม่ในช่วงปลายปี 2023 ที่ผ่านมา,&nbsp;​AEG ผู้นำด้านธุรกิจความบันเทิงและกีฬาระดับโลกผู้จัดงานเทศกาลดนตรี Coachella และอีเวนต์ระดับโลกมากมาย และ&nbsp;UOB ธนาคารชั้นนำแห่งเอเชีย&nbsp;&nbsp; &nbsp; มีเป้าหมายเพื่อยกระดับ UOB LIVE ซึ่งอยู่บนชั้น 6 ของห้าง The Emsphere&nbsp;ให้เป็นศูนย์รวมการจัดงานอีเวนต์รูปแบบต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยพื้นที่ดังกล่าวมีเทคโนโลยีแสงสีเสียงระดับโลก เช่น&nbsp;ระบบเครื่องเสียง L-Acoustics K2 และแคทวอล์คที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษเหมาะสำหรับการจัดคอนเสิร์ต สัมมนา นิทรรศการขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่มีมาตรฐาน และยังสามารถจุคนได้สูงสุดถึง 6,000 คน <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/AFwghgCnQ8grRRB3UdNB.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="AFwghgCnQ8grRRB3UdNB.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/2tZHoWoTG5KnzFCFLRB4.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="2tZHoWoTG5KnzFCFLRB4.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอ็มดิสทริค และประธานคณะกรรมการ บริษัท THE EMLIVE และบางกอกอารีน่า กล่าวว่า หลังเปิดตัวห้าง Emphere ไปในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีโดยมีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติเดินทางมาใช้บริการวันละไม่ต่ำกว่า 1-1.5 แสนคน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ การจัดคอนเสิร์ตรอบพิเศษของ Ed Sheeran ในวันที่ 11 ก.พ. 2567 นี้ ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมและศักยภาพในด้านต่างๆ ของ UOB LIVE ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาศิลปินดังระดับโลกมาแสดงโชว์ โดยได้รับความร่วมมือจากทาง AEG ต่อเนื่องไปถึงการจัดโปรโมชัน-สิทธิพิเศษให้แก่กลุ่มลูกค้าของธนาคาร UOB&nbsp;&nbsp; &nbsp; "UOB LIVE ได้รับความสนใจจากผู้จัดงานอีเวนต์เป็นจำนวนมาก เบื้องต้นคาดว่า UOB LIVE จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนจัดงานแสดงสินค้า อีเวนต์ และคอนเสิร์ตต่างๆ ได้ถึง 120 งานต่อปี ซึ่งขณะนี้ก็มีภาคธุรกิจต่างๆ จองคิวมาเต็มตลอดทั้งปีแล้วด้วย"&nbsp;เกรียงศักดิ์ กล่าว <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/UMga4kWcnURwpYtxgBg7.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="UMga4kWcnURwpYtxgBg7.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล กรรมการผู้จัดการ Retail and Brand ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า เพื่อเป็นการยกระดับประสบการณ์ความบันเทิงให้แก่กลุ่มลูกค้าให้เข้าถึงสิทธิประโยชน์ด้านกิจกรรมบันเทิงระดับสากลในรูปแบบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นที่ UOB LIVE ได้มากขึ้น อาทิ สิทธิซื้อตั๋วก่อนเปิดขาย (Pre-Sale),&nbsp; Fast Track Lane, Meet and Greet รวมถึงที่จอดรถสํารองที่ห้าง Emsphere ในวันจัดงาน เป็นต้น​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับผู้ที่สนใจชมคอนเสิร์ตรอบพิเศษจากศิลปินดัง Ed Sheeran พร้อมสัมผัสประสบการณ์ใหม่จาก UOB LIVE ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้&nbsp;ทางธนาคารยูโอบี ได้จัดสิทธิพิเศษจำหน่ายตั๋วให้แก่ลูกค้าของธนาคาร ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป ผ่าน&nbsp;<a href="http://www.thaiticketmajor.com/" target="_blank" rel="nofollow">www.thaiticketmajor.com</a>&nbsp;ในราคา 6,800 บาท 5,800 บาท และ 4,800 บาท เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/forbes-life/the-eye/realme-rolex" alt="สาวกเตรียมว้าว! สมาร์ทโฟน realme เผยมีดีลร่วมกับ Rolex เตรียมเปิดตัวโปรดักต์คอลเลคชั่นหรูด้วยกัน">สาวกเตรียมว้าว! สมาร์ทโฟน realme เผยมีดีลร่วมกับ Rolex เตรียมเปิดตัวโปรดักต์คอลเลคชั่นหรูด้วยกัน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

UOB LIVE ตั้งเป้าศูนย์รวมจัดอีเวนต์ 120 งานต่อปี ประเดิมจัดคอนเสิร์ตแรก Ed Sheeran 11 ก.พ.นี้ 

<h2>ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทยเผย 4 กลยุทธหลักสำหรับบริหารความมั่งคั่งชองกลุ่มลูกค้าซิตี้โกลด์  พร้อมเปิดตัว ซิตี้โกลด์แบรนด์แอมบาสเดอร์ ของประเทศไทย 'สู่ขวัญ บูลกุล' สะท้อนความเป็น 'ซิตี้โกลด์' ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าซิตี้โกลด์ ในประเทศไทยให้ได้ 25% ภายในปี 2561</h2>
วีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เผย จากกลุ่มลูกค้าของซิตี้โกลด์ที่มีความหลากหลายมากขึ้นในด้านต่างๆ อาทิ อายุโดยเฉลี่ยลดลงกว่าเดิม ต้องการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ทำให้ซิตี้แบงก์ นำนวัตกรรมใหม่ๆ มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ เพื่อตอบสนองให้ทันและตรงความต้องการของลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ที่มีเพิ่มมากขึ้น

“ซิตี้โกลด์ คือการบริการการบริหารความมั่งคั่งเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มุ่งเน้นการจัดการความมั่งคั่งอย่างชาญฉลาด ผ่านประสบการณ์การดูแลพอร์ตจากทีมที่ปรึกษาด้านการลงทุนและผู้จัดการดูแลบัญชี  ทั้งยังออกแบบการให้บริการย่อยผ่านบริการแบบดิจิทัล อาทิ Total Wealth Advisor ซึ่งช่วยในการตั้งเป้าหมายในการลงทุน ระบบ Citi Fund Explorer ช่วยในการดูข้อมูลการลงทุน เป็นต้น”

ด้าน ดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมถึง 4 บริการบริหารความมั่งคั่งล่าสุดจากซิตี้โกลด์ เป็นเสมือนเครื่องมือ ในการสร้างความมั่งคั่ง ให้แก่ลูกค้าซิตี้โกลด์  โดยสถาบันการเงินที่มีความน่าเชื่อถือระดับโลก ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในการเข้าถึงการลงทุนทั่วโลกและเป้าหมายต่างๆ ในการบริหารการลงทุนของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ในปี 2561 โดยมีกลยุทธ์หลัก คือ 4 บริการล่าสุด

การให้คำปรึกษาในด้านการลงทุน, การให้ข้อมูลเชิงลึก โดยนักวิเคราะห์ซิตี้ ที่มีอยู่มากกว่า 400 คนทั่วโลก, การให้บริการโดยมีทั้งที่ปรึกษาด้านการลงทุนหรือ Investment Consultant รวมถึงเจ้าหน้าที่ดูแลบัญชีหรือ Relationship Manager สำหรับลูกค้าแต่ละบุคคล ที่ต้องจบหลักสูตรจากมหาวิทยาลัย Wharton มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในด้านการพัฒนาบุคคลเพื่อมาเป็นนักลงทุน  และ สิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับลูกค้าซิตี้โกลด์ ลูกค้าที่มีเงินฝากและเงินลงทุนตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไปจะได้รับการเชิญให้เป็นสมาชิกบัตร Citi Prestige โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมรายปี รวมถึงสิทธิพิเศษด้านการเดินทาง เช่น การเป็นสมาชิก Marriott Club Card รวมถึงสิทธิประโยชน์ด้านการเดินทางอื่นๆ เช่น บริการรถลีมูซีน ในกว่า 30 เมืองในอเมริกาและยุโรป อีกด้วย

“ลูกค้าซิตี้โกลด์จะได้รับอภิสิทธิ์คงสถานะซิตี้โกลด์ทั่วโลก ได้รับบริการต่างๆ และการต้อนรับที่อบอุ่นจากศูนย์บริการซิตี้โกลด์ทั่วทุกภูมิภาคของโลก เช่นเดียวกับที่ได้รับในประเทศไทย โดยลูกค้าสามารถใช้บริการเครือข่ายของซิตี้แบงก์ ไม่ว่าจะเป็น สาขาธนาคารฯ เครื่อง ATM หรือ ซิตี้โกลด์ออนไลน์ ได้ทั่วทุกมุมโลก และ ลูกค้าซิตี้โกลด์ ยังได้สิทธิพิเศษรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน สูงสุด 2% ต่อปี ในการลงทุนกับผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำ (Bundle) กับการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย อัตราการเติบโตของนักลงทุนมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี  ดังนั้นเป้าหมายในการขยายฐานลูกค้า ซิตี้โกลด์ ในประเทศไทย คือ 25% ภายในปี 2561 นี้” ดอน จรรย์ศุภรินทร์ กล่าว

<figure><img style="width: 638px; height: 425px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/9ca3a713d5b4d91632e077d9e50172cb.jpg" alt="" width="638" height="425" /><figcaption> วีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย, สู่ขวัญ บูลกุล ซิตี้โกลด์แบรนด์แอมบาสเดอร์ของประเทศไทย และ ดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย</figcaption></figure>

ล่าสุด ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ได้เปิดตัว สู่ขวัญ บูลกุล ซิตี้โกลด์แบรนด์แอมบาสเดอร์ของประเทศไทย ที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งผู้ชายและผู้หญิงยุคใหม่ที่ประสบความสำเร็จ และมีเวลาจำกัด และต้องการหามืออาชีพที่แท้จริงมาบริหารจัดการพอร์ตให้มีความมั่งคั่งและมั่นคงขึ้นไปอีก โดยคาดว่า ซิตี้โกลด์แบรนด์แอมบาสเดอร์จะสามารถสื่อสารเนื้อหาของ “ซิตี้โกลด์” คือลูกค้าที่ผสมผสานความชาญฉลาดในการบริหารความมั่งคั่งผ่านการลงทุนที่มีประสิทธิภาพระดับโลกและกับเอกสิทธิพิเศษที่เหนือระดับ

ซิตี้แบงก์ โชว์ 4 บริการสำหรับกลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง  เปิดตัว 'สู่ขวัญ บูลกุล' ซิตี้โกลด์แบรนด์แอมบาสเดอร์ ประจำประเทศไทย

<h2>ซิตี้แบงก์เปิดตัว “ซิตี้โกลด์ เวลท์ เซ็นเตอร์” แห่งแรกในประเทศไทย พลิกธนาคารสมัยใหม่ พร้อมดึงไฮไลท์บริการดิจิทัลเพื่อลูกค้า  และเปิดตัวแคมเปญ Wealth on Your Terms</h2>
ธนาคารสาขาไร้เงินสดแห่งแรกในประเทศไทยนี้ตั้งอยู่ที่ ศูนย์การค้าเดอะคริสตัล วีรันดา เป็นศูนย์รวมบริการธนาคารดิจิตัลด้านการเงิน การลงทุน เป็นการพลิกโฉมพนักงานธนาคารสู่ที่ปรึกษาด้านการลงทุน โดยธนาคารได้ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนลูกค้านักลงทุนระดับสูง หรือ High Net Worth investor (HNW)  กลุ่มซิตี้โกลด์ จำนวน 40% ในปี 2560 และเพิ่มเป็น 2 เท่าในปี 2563 โดยธนาคารวางแผนรุกตลาดในกลุ่มนักลงทุนระดับสูงใน affluent segment มากขึ้น ซึ่งทำให้เงินลงทุนสุทธิและสินทรัพย์ภาพใต้การจัดการ (AUM) เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวภายในปี 2563

“ปี 2560 ซิตี้แบงก์ได้มีการปรับปรุงธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) รวมถึงเปิดตัวแคมเปญ Citigold Wealth on Your Terms เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของนักลงทุนรายใหญ่ของไทยซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าของธนาคารที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ชูจุดเด่นด้านการลงทุนที่มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์การลงทุนทั้งจากภายในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเป็นธนาคารที่ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึง 8 บลจ. ระดับโลกได้โดยตรง” วีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าว

<figure><img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/149005618f38d61757d06258a03d6c3b.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> จากซ้าย: ดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์, วีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย</figcaption></figure>

ทั้งนี้ปัจจุบัน ซิตี้แบงก์  มีบริการภายใต้กลุ่มงานการบริหารความมั่งคั่งหรือ Wealth Management ให้แก่ลูกค้านักลงทุน 2 กลุ่ม ได้แก่  ซิตี้ไพรออริตี้ (Citi Priority) เป็นลูกค้าที่มีสินทรัพย์กับธนาคารตั้งแต่ 1 ล้านบาท ถึง 5 ล้านบาท และ ซิตี้โกลด์ (Citigold) เป็นลูกค้า High Net Worth ที่มีสินทรัพย์กับธนาคารตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป โดยปัจจุบัน Citi บริหารจัดการเงินจำนวน 2.18 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

วีระอนงค์ เปิดเผยจากข้อมูลล่าสุดพบว่าจำนวนกว่า 30-40% ของจำนวนเงินลงทุนใหม่จากลูกค้าซิตี้โกลด์ในแต่ละเดือนเป็นการลงทุนในกองทุนต่างประเทศซึ่งสอดคล้องกับจุดแข็งของซิตี้แบงก์ที่เป็นปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญที่คอยนำเสนอทางเลือกด้านการลงทุนให้กับนักลงทุนทั่วโลก ธนาคารมีศูนย์วิจัยข้อมูลทางเศรษฐกิจของตนเอง และมีนักวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจ ที่มีความเชี่ยวชาญในทุกภูมิภาคทั่วโลก จึงถือเป็นข้อได้เปรียบของซิตี้แบงก์ที่สามารถเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้ซิตี้แบงก์สามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนอย่างแม่นยำและหลากหลาย

ด้าน ดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ กล่าวว่า  “ซิตี้โกลด์ เวลท์ เซ็นเตอร์ถูกพัฒนาและเปลี่ยนรูปแบบการบริหารจัดการไปจากซิตี้แบงก์สาขาทั่วไป เน้นให้บริการในรูปแบบนวัตกรรมดิจิตัลมากขึ้น โดยสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไป อาทิ ในสาขาไม่มีการจัดการเงินสด มีเพียงบริการฝากและถอนเงินได้จากเครื่องอัตโนมัติทั้ง ATM และ CDM ที่ตั้งอยู่ภายในสาขา ศูนย์รวมบริการดิจิตัลเพื่อการลงทุน เป็นต้น"

ดอนกล่าวเสริม นอกจากบริการใหม่ดังกล่าวที่เกิดขึ้นแล้ว ซิตี้โกลด์ เวลท์ เซ็นเตอร์ ยังเพียบพร้อมไปด้วย ห้องรับรองส่วนตัว โดยการตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดในสาขาดังกล่าว นำเข้าจากประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นซิตี้แบงก์ทั่วโลกใช้เป็นมาตรฐานเพื่อความสะดวกสบายให้กับกลุ่มลูกค้าซิตี้โกลด์มากยิ่งขึ้น ตลอดจนสามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนและผู้ใช้บริการย่านกรุงเทพฝั่งตะวันออกและละแวกใกล้เคียง

ทั้งนี้ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ได้เตรียมจัดงาน ซิตี้โกลด์ เวลท์ คาเฟ่ (Citigold Wealth Café’) เพื่อเปิดตัวซิตี้โกลด์ เวลท์ เซ็นเตอร์  23-24 กันยายน 2560 ณ ชั้น1 เดอะคริสตัลปาร์ค โซนคริสตัล วิรันด้า

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/afc095363e45b989b6b96a8cf05942eb.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 454px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/a52f2374953a1bd92ce7117ab866a8a4.png" alt="" />

&nbsp;

&nbsp;

ซิตี้แบงก์เปิดตัว ธนาคารสาขาไร้เงินสดแห่งแรกในประเทศไทย

<h2>กูรูด้านการลงทุนแนะตราสารหนี้ต่างประเทศ ทางเลือกบาลานซ์พอร์ตลงทุนยุคเศรษฐกิจโลกผันผวน พร้อมรับผลตอบแทนความเสี่ยงต่ำรับทิศทางเฟดขาขึ้น</h2>
“อย่าใส่ไข่ในตะกร้าใบเดียว” ประโยคสุดคลาสสิคในโลกแห่งการลงทุนที่ไม่จำกัดเฉพาะในประเทศหรือตราสารใดตราสารหนึ่งเท่านั้น นอกจากโอกาสการลงทุนในหุ้นทั่วโลกแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและการลงทุนไทยยังแนะนำทางเลือกการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ซึ่งให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากและสามารถคาดการณ์อัตราผลตอบแทนล่วงหน้าได้

วีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์  แนะนำการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพระดับน่าลงทุน (Investment Grade) ของสหรัฐฯ เช่นเดียวกับตราสารหนี้คุณภาพระดับต่ำกว่าระดับน่าลงทุน (High Yield) ของสหรัฐอเมริกา และยุโรป เพื่อกระจายความเสี่ยงด้านการลงทุนในภาวะการเมืองและเศรษฐกิจโลกผันผวน รวมถึงแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปของธนาคารสหรัฐฯ (FED) ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อตราสารหนี้ของตลาดเกิดใหม่เช่นกัน

"การลงทุนในตราสารหนี้ นอกจากจะเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนแล้ว ยังเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคงที่ และสม่ำเสมอ ซึ่งหากว่าผู้ลงทุนถือครองตราสารหนี้ ตามระยะเวลาที่กำหนด ผู้ลงทุนสามารถคาดการณ์ผลตอบแทนล่วงหน้าได้" พอล โฮเดส รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการลงทุนบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค และภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา กล่าว

นอกจากนั้น การลงทุนในตราสารหนี้ เป็นการลงทุนที่ปลอดภัย และมีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนอื่นๆ เช่น การลงทุนในหุ้นที่ได้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัท และการลงทุนในตราสารหนี้ยังมีอัตราเงินปันผลที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำในปัจจุบัน

ขณะที่ ชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกช่วงอายุตามแรงขายทำกำไร จากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม และจีดีพีไตรมาส 3 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี ตลอดจนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลฝั่งยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นและแนวโน้มผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่มีความชัดเจนมากขึ้น

“สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็นแนวโน้มผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและเศรษฐกิจโลก แนวโน้มราคาน้ำมัน ผลกระทบของ Brexit ต่อ EU และสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ" 

ส่วนปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนตุลาคม แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ทิศทางการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนระหว่างประเทศ  และการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events