<h2>สรุป 5 ประเด็นสำคัญ  “โอกาสและความท้าทาย” วงการค้าปลีกยุคใหม่ (New Retail) จาก “ธรรม์ จิราธิวัฒน์” แห่ง The 1 ณ งาน Techsauce Global Summit 2019 แม้แต่ยักษ์ใหญ่อย่างวงการค้าปลีกก็ถูกท้าทายด้วย “ความเปลี่ยนแปลง”</h2>
ธรรม์ จิราธิวัฒน์ หัวเรือใหญ่แห่ง “The 1” ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ได้มาให้ความเห็นบนเวทีในหัวข้อ <strong>“Investment Opportunities and Challenges in the Future of Fashion and Retail in Asia”</strong> ณ งาน <strong>Techsauce Global Summit 2019</strong> สุดยอด Tech Conference ระดับแนวหน้าของเอเชีย สรุปออกมาเป็น 5 ประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับโอกาสและความท้าทายที่วงการค้าปลีกยุคใหม่จะต้องปรับตัว

&nbsp;
<h2>เมื่อผู้บริโภคไม่ได้เป็นแค่ผู้บริโภคอีกต่อไป</h2>
ในปัจจุบัน เส้นแบ่งระหว่างผู้บริโภคและผู้ขายนั้นเลือนลางขึ้นทุกที บทบาทของผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนไป ไม่ได้เป็นแค่ผู้บริโภคเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยังเป็นนักรีวิว ผู้สร้างคอนเทนต์ หรือแม้แต่เป็นผู้ขายเสียเอง ธุรกิจค้าปลีกจึงต้องเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละสถานะ เพื่อที่จะสามารถนำไปต่อยอดและสร้างประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคในจังหวะที่เหมาะสม ซึ่งประสบการณ์และการบริการที่ดีนี้เองที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าจะใช้บริการครั้งต่อไปหรือจะบอกต่อหรือไม่ เพราะฉะนั้นธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่ควรจะเป็นมากกว่า Retailer แต่เป็น <strong>“New Service and Experience Provider”</strong>

จะเห็นได้ว่าในยุคที่สินค้าเหมือนๆ กันไปหมด ลูกค้าอาจจำไม่ได้ว่าห้างหรือเว็บไซต์เราขายอะไรบ้าง สิ่งเดียวที่ผู้บริโภคจำได้ก็คือ “ประสบการณ์” และ “ความรู้สึก” ที่ได้รับ เพราะฉะนั้นธุรกิจค้าปลีกจึงควรมุ่งเน้นในการเติมเต็มประสบการณ์ผู้บริโภคในทุก Touchpoint ที่ลูกค้าจะเจอตลอดเส้นทาง

&nbsp;
<h2>ออกแบบประสบการณ์ลูกค้า รวมโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน</h2>
ส่วนใหญ่แล้ว สินค้าที่ขายง่ายบนช่องทางออนไลน์ คือสินค้า Functional Product อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต แต่ Emotional Product อย่างสินค้าในกลุ่ม Fashion หรือ Luxury เป็นสินค้าที่ยากต่อการนำไปขายในช่องทางออนไลน์ เพราะโลกแห่งความเป็นจริง ลูกค้ายังอยากจะสัมผัส เห็นสินค้าด้วยตา และลองสวมใส่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ทั้งหมดนี้อย่างครบถ้วน

Pomelo ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของการออกแบบเส้นทางการบริโภคของลูกค้าที่เชื่อมโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน โดยให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ และสามารถไปลองและรับสินค้าที่สาขาใกล้บ้านได้เลย เช่นเดียวกับบริการ Click &amp; Collect ของ PowerBuy รวมถึงบริการใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป อย่าง Central Chat &amp; Shop การพูดคุยพนักงานขายและซื้อสินค้าผ่านทาง Line ซึ่งการผสานรวมบริการทั้งออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกันเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของ Central Group ให้เติบโตยิ่งขึ้น

<strong>อ่านเพิ่มเติม: </strong>
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/david-jou-%E0%B8%96%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89-pomelo.html">David Jou ถักทอคุณภาพให้ Pomelo วาดแพทเทิร์น Omnichannel สูตรขายเสื้อผ้า fast fashion</a></li>
</ul>
&nbsp;
<h2>มองหาพาร์ทเนอร์ที่มี “Strategic Intent” เดียวกัน</h2>
พาร์ทเนอร์ที่ดีนอกจากจะช่วยนำพาธุรกิจไปยังเป้าหมายแล้ว ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เติมเต็มสิ่งที่แต่ละธุรกิจไม่เชี่ยวชาญ และยังตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าให้ครอบคลุมขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยในการเลือกจับมือกับใครสักคน แค่พิจารณาจากตัวเลขหรืองบการเงินอาจยังไม่เพียงพอ แต่ควรมองไปถึง <strong>“Strategic Intent”</strong> หรือเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ด้วย

Central Group เองก็มีการร่วมลงทุนกับพาร์ทเนอร์อย่าง Grab, JD.co.th, และ Pomelo บนความเชื่อเดียวกันที่อยากจะเติมเต็มประสบการณ์ลูกค้าอย่างเต็มที่ จะว่าไปแล้วการเลือกพาร์ทเนอร์ธุรกิจก็เหมือนกับการหาคนรู้ใจ ที่เราไม่ควรตัดสินใจแค่เรื่องฐานะหรือรูปลักษณ์อย่างเดียว แต่เรื่องของทัศนคติและค่านิยมที่คล้ายคลึงกันก็เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ win-win ในระยะยาว

นอกจากนี้เราจะต้องมองให้เห็นถึงประโยชน์และทรัพยากร โดยเฉพาะทรัพยากรบุคคลที่สามารถส่งเสริมซึ่งกันและกันเพื่อต่อยอดจากสิ่งที่แต่ละธุรกิจมีอยู่แล้วได้อย่างไร และที่สำคัญที่สุดคือเราจะมองมากกว่าแค่ ‘ปัจจุบัน’ ว่าจะได้อะไรจากพาร์ทเนอร์ แต่ให้มองไปในอนาคตข้างหน้าว่าอาจพลาดโอกาสอะไรไปหากไม่ได้ร่วมลงทุนกัน

<strong>อ่านเพิ่มเติม: </strong>
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/commentaries/%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%81%e0%b8%82%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b9%84%e0%b8%a3.html">แข่งขันอย่างไร้ขอบเขตผ่าน Digital Ecosystem</a></li>
</ul>
<h2>พร้อมรับมือกับคู่แข่งนอกอุตสาหกรรม (Cross-industry competitor)</h2>
การปรับตัวของธุรกิจบางครั้งก็กลายเป็นว่าเข้ามา disrupt ธุรกิจกันเอง คู่แข่งของธุรกิจค้าปลีกในปัจจุบันจึงไม่ได้มีแค่ธุรกิจค้าปลีกด้วยกันเองเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึง<strong>คู่แข่งนอกอุตสาหกรรม </strong><strong>(Cross-industry competitor)</strong> ด้วย ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่งก็มีส่วนทำให้ร้านค้าปลีกหลายร้านยอดขายลดลงเพราะเริ่มถูกดึงความสนใจ โดยเฉพาะจากคนหนุ่มสาวไปมากขึ้น หรืออย่าง Facebook เอง จากเป็นแค่ Community Platform ก็เริ่มแตกหน่อออกเป็น Marketplace หรือแม้กระทั่งล่าสุดที่ออกสกุลเงินดิจิทัลในชื่อ Libra เป็นของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีผลกระทบต่อวงการค้าปลีกไม่มากก็น้อย ธุรกิจค้าปลีกที่จะอยู่รอดได้ต้องมองการณ์ไกล สามารถมองในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น และปรับตัวอยู่ตลอดเวลา

<img class="alignnone wp-image-9119 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/ธรรม์-จิราธิวัฒน์-02.jpg" alt="ธรรม์ จิราธิวัฒน์" width="638" height="426" />
<h2>ไม่ใช่ Technology-oriented แต่เป็น Consumer-oriented</h2>
หลายคนอาจจะคิดว่าอีคอมเมิร์ซคือสิ่งที่ค้าปลีกต้องกลัวและเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ แต่จริงๆ แล้ว หัวใจหลักที่ทำให้ค้าปลีกอยู่รอดและเติบโตคือ <strong>“การเอาผู้บริโภคเป็นที่ตั้ง (Consumer-oriented)”</strong> ในยุคที่เทคโนโลยีเกิดขึ้นใหม่ทุกวัน องค์กรไม่สามารถกระโจนเข้าหาทุกเทคโนโลยี แต่ต้องเป็นการปรับเปลี่ยนแบบมีทิศทางที่ชัดเจน โดยเอาประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นที่ตั้ง

หากจะทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภค ใครๆ ก็พูดถึงเรื่อง Data แต่ในถังที่เต็มไปด้วยข้อมูล เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะหยิบเอาข้อมูลไหนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพราะฉะนั้น The 1 ภายใต้ Central Group เองจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการเป็น Customer Data Platform ที่ไม่ใช่แค่รู้ว่าลูกค้าซื้ออะไรเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมี Creativity ในการหยิบเอาข้อมูลที่มีอยู่เต็มไปหมดมาเชื่อมโยงกันและนำไปวิเคราะห์เพื่อรู้เหตุผลว่าลูกค้าซื้อสินค้าชิ้นนั้นไปทำไม (Not only what they buy, but “why” they buy) ซึ่งทำให้สามารถเข้าใจและดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุด

นี่คือสรุปทั้ง 5 ประเด็น “โอกาสและความท้าทาย” วงการค้าปลีกยุคใหม่จากปาก ธรรม์ จิราธิวัฒน์แห่ง The 1 แต่อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่บทสรุปทั้งหมดของปีนี้.. เพราะว่าความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกวินาที

ธรรม์ จิราธิวัฒน์ เผยโอกาสวงการค้าปลีกยุคใหม่

<h2>อาลีบาบา บริษัทอี-คอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน ทำยอดขายเป็นประวัติการณ์ในเทศกาลช็อปปิ้ง “วันคนโสด” (Single day) 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยจำหน่ายได้กว่า 3.07 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 1.01 ล้านล้านบาท) เเต่ก็ถือว่าการเติบโตช้าลงเมื่อเทียบกับปีก่อน</h2>
สำหรับการช็อปปิ้งออนไลน์ 24 ชั่วโมงที่ใหญ่ที่สุดในโลกของ <strong>อาลีบาบา</strong> (Alibaba) ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 เริ่มขึ้นเมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีสินค้าราคาพิเศษให้เลือกซื้อมากมายหลายประเภทตั้งเเต่เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปจนถึงสิ่งของเครื่องใช้ในครัวเรือน ทำยอดขายพุ่งทำลายสถิติของตัวเองอีกครั้ง <span style="color: #ff0000;">โดยมียอดจำหน่ายรวม 3.07 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 27% เเม้ยอดขายจะทะลุเป้า เเต่ก็ถือว่าเติบโตช้าลงเมื่อเทียบกับปีก่อนที่เพิ่มขึ้นถึง 39%</span>

โดยรวมเเล้วการค้าปลีกในจีนยังคงสม่ำเสมอ แต่ก็มีเเเนวโน้มความไม่เเน่นอนจากเศรษฐกิจชะลอตัวเเละตลาดมีความกังวลมากขึ้น อันเป็นผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ <strong>หุ้นของอาลีบาบาที่เคยโตสองเท่าเมื่อปีก่อน ก็ลดลงเหลือเพียง 16% ในปีนี้</strong>

อาลีบาบา จับโอกาสตลาดโดยชูวันคนโสดขึ้นมาเป็นวันขายของออนไลน์ราคาสุดพิเศษตั้งเเต่ 10 ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจากการเจาะกลุ่มลูกค้าคนโสดในจีนซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก จนปัจจุบันกลายเป็นวันช็อปปิ้งของคนทั่วไป เทียบเท่ากับการช้อปปิ้งในวันแบล็กฟรายเดย์ (Black Friday) เทศกาลลดกระหน่ำราคาสินค้าในวันศุกร์ก่อนวันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐฯ

ยอดจำหน่ายถล่มทลายของการช็อปปิ้งในวันคนโสดของอาลีบาบา บ่งชี้ว่าการลงทุนไปกับความนิยมใช้สมาร์ทโฟนในจีนนั้นประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล อย่างไรก็ตามในเดือนนี้อาลีบาบาปรับตัวเลขการคาดการณ์รายได้ทั้งปีลงเล็กน้อย โดยอ้างความไม่แน่นอนของการบริโภคจากภาพรวมทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็ยังผลักดันโครงการใหม่ๆ อีกหลายโครงการ

นอกเหนือจากการขยายธุรกิจในต่างประเทศ อาลีบาบายังทุ่มลงทุนในประเทศจีนกับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า<strong> “การค้าปลีกแบบใหม่”</strong> (new retail) ซึ่งให้การสนับสนุนการขายเเละบริการในร้านค้าด้วยการใช้ระบบคัดสรรข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ยกตัวอย่างเช่น <strong>Hema</strong> ซูเปอร์มาร์เก็ตของอาลีบาบาที่เปิดให้บริการในปี 2015 ที่เปิดให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าเเละรับประทานอาหารภายในร้าน รวมถึงสั่งสินค้าทางออนไลน์ได้ด้วย

"เราคิดว่าคุณต้องเข้าใจความเป็นอาลีบาบาเเละสิ่งที่อาลีบาบากำลังทำอยู่ในบริบทเเนวโน้มของเทรนด์โลกระยะยาวที่กำลังพัฒนาในจีน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางในจีน " <strong>Joe Tsai</strong> รองประธานบริหารของอาลีบาบากล่าวในงานเลี้ยงวันคนโสด

<span style="color: #ff0000;">"เเละเเนวโน้มนี้จะไม่หยุด ไม่ว่าจะมีสงครามการค้าหรือไม่มีก็ตาม"</span>

&nbsp;

ที่มาเเละภาพ
<ul>
 	<li>https://www.afp.com/en/news/15/alibaba-hits-another-singles-day-record-growth-slows-doc-1ar91m3</li>
</ul>
&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events